วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
หลังจาก “พรรคประชาธิปัตย์” เปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ โดยนอกเหนือจาก “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กับ “นายกรณ์ จาติกวณิช” แล้ว อีกหนึ่งรายชื่อที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคือ “ดร.การดี เลียวไพโรจน์” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ที่ก้าวเข้ามาเป็นความหวังใหม่ในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศ
ดร.การดี ไม่ใช่คนหน้าใหม่ในวงการวิชาการและธุรกิจเทคโนโลยี รวมถึงวงการเมืองด้วย เธอสั่งสมประสบการณ์มายาวนาน ทั้งในบทบาทนักวิชาการ ผู้บริหารองค์กรชั้นนำ และที่ปรึกษาด้านนโยบายระดับชาติ โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม สินทรัพย์ดิจิทัล และการมองอนาคต ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติที่ตอบโจทย์โลกยุคใหม่
ระหว่างปี 2546-2548 เธอดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์สถาบันเทคโนโลยีสิรินธร (SIIT) และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ม.ธรรมศาสตร์ และผู้อำนวยการบริหาร Thammasat Business Consulting Center (TBCC)
ปี 2553-2554 เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ด้านนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผลักดันการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ในยุคที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ
เธอยังเป็น อดีตกรรมการผู้จัดการ C asean ได้สร้าง Ecosystem เชื่อมโยงเทคโนโลยีในกลุ่มอาเซียน และเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์สู่การขยายผลระดับชาติ
ร่วมก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ICORA ผลักดันการเปลี่ยนแปลงและการออกกฎหมายที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ และร่วมก่อตั้งศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา FutureTalesLab และดำรงตำแหน่ง Chief Foresight Officer โดยมุ่งสำรวจอนาคตเพื่อออกแบบเมืองและธุรกิจสู่อนาคตที่ยั่งยืน
ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และที่ปรึกษาด้าน Deeptech Commercialization สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC)
ดร.การดี ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยง เจอกัน” ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร ทางช่อง watchdog หมาเฝ้าบ้าน ไว้น่าสนใจว่า “เราจะใจร้ายมาก ถ้าผู้ใหญ่เอาประโยชน์วันนี้ แต่ปล้นอนาคตของลูกหลานไป”
โดยเฟซบุ๊ก “หมาเฝ้าบ้าน” เรียบเรียงบทสัมภาษณ์เผยแพร่ไว้ว่า
❏ เปิดตัว “การดี” ในสนามเลือกตั้ง — ฟ้าใหม่ของประชาธิปัตย์
บรรยากาศการเมืองเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มตัว ทุกพรรคเร่งเปิดเกมหวังยึดพื้นที่ความสนใจของประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดตัว 3 แคนดิเดตบัญชีนายกรัฐมนตรี โดยย้ำว่าเป็น “ของจริง” ทั้งอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์เอง ดร.การดี เลียวไพโรจน์ และ กรณ์ จาติกวณิช หนึ่งในชื่อที่ถูกจับตามากที่สุด คือ “ดร.การดี” นักวางกลยุทธ์ด้านอนาคตศาสตร์และเทคโนโลยีเชิงลึก ที่ก้าวเข้าสู่การเมืองพร้อมคำถามสำคัญ ทำไมอภิสิทธิ์เลือก “การดี” และประชาชนจะได้อะไรจากแคนดิเดตนายกฯ รายนี้
❏ จากอาจารย์มหาวิทยาลัยสู่ Deep Tech Startup
ดร.การดี แนะนำตัวอย่างเรียบง่าย เธอเป็นคุณแม่ลูกสอง อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยสอนทั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์ (SIIT) และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ก่อนผันตัวสู่ภาคเอกชนมากว่าสิบปี ทำงานด้าน Deep Tech Startup และงานวิจัยอนาคตศาสตร์
ความเชี่ยวชาญที่เธออยากนำมาช่วยประเทศ คือการ “มองอนาคตจากข้อมูลปัจจุบัน” เพื่อออกแบบความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของเศรษฐกิจไทย
“เราจะช่วยกันทำให้ไทยหายจน และพัฒนาประเทศในระยะยาว”
❏ มือใหม่การเมือง แต่ไม่ใหม่กับการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
เธอยอมรับตรงไปตรงมาว่าเป็นมือใหม่ในสนามการเมือง แต่เชื่อมั่นว่าทีมประชาธิปัตย์มีความพร้อม โดยมีอภิสิทธิ์เป็นผู้นำที่เข้าใจโครงสร้างเศรษฐกิจ–สังคมไทย และมีบทบาทบนเวทีโลกได้อย่างสง่างาม ขณะที่คุณกรณ์ จาติกวณิช ได้รับการยอมรับระดับนานาชาติจาก The Banker ในเครือ Financial Times ให้เป็นรัฐมนตรีคลังโลก ปี 2010
“ดิฉันจะเติมเต็มทีมด้วยมุมมองใหม่ สร้างเศรษฐกิจใหม่ เพื่อเตรียมงานดีๆ ในอนาคตให้ลูกหลานของเรา”
❏ เปลี่ยนการเมืองที่ผู้หญิงหวาดกลัว ให้เป็นพื้นที่คุณภาพ
ก่อนตัดสินใจลงสนาม เธอได้รับคำเตือนจากครอบครัวและเพื่อนฝูง แต่เลือกเดินต่อ เพราะเชื่อว่าการเมืองไทยต้องเปลี่ยนได้ โดยเฉพาะภาพจำที่เป็นพื้นที่ “น่าสะพรึงกลัว” สำหรับผู้หญิง
ดร.การดี มองว่าการเมืองควรให้คุณค่ากับประสบการณ์ ความสามารถ และความซื่อสัตย์ต่อประเทศ มากกว่าการต่อรองอำนาจ
“อยากเป็นส่วนหนึ่งของจุดเปลี่ยน ทำให้การเมืองใสสะอาด มีคุณภาพ
เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้จริง”
❏ “ไทยหายจน” ไม่ใช่คำขวัญ แต่คือการรื้อโครงสร้าง
แคมเปญ “ไทยหายจน” เกิดจากการตั้งคำถามกับการแก้ปัญหาแบบระยะสั้นที่ทำให้ประเทศติดกับดักหนี้ ทั้งหนี้ครัวเรือนและหนี้สาธารณะ พรรคมองว่าต้องรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ สร้างรายได้ใหม่ด้วยเทคโนโลยี และกำหนดตำแหน่งของไทยในเศรษฐกิจโลกอย่างชัดเจน
เธอชี้ว่าในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เศรษฐกิจไทยเคยฟื้นตัวท่ามกลางวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ จีดีพีเติบโตถึง 7% ตลาดทุนได้รับความเชื่อมั่น และดัชนีความโปร่งใสอยู่ในอันดับ 80 ดีกว่าปัจจุบันที่อยู่อันดับ 107 อย่างชัดเจน
❏ อย่าปล้นอนาคตลูกหลานด้วยนโยบายเอื้อคะแนนนิยม
ดร.การดี วิจารณ์การเมืองที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เอื้อต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือหวังคะแนนนิยมระยะสั้น โดยไม่ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการศึกษาที่จำเป็น ทั้งที่มีแผนพัฒนาจากสภาพัฒน์ วางไว้แล้ว เพียงเพราะไม่ได้เอื้อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
“ควรถึงจุดเปลี่ยนได้แล้วด้วยการแก้ที่ต้นตอ เพราะการแก้ที่ปลายเหตุ โดยไม่มองระยะยาว คือการปล้นอนาคตลูกหลาน”
❏ ทีมแคนดิเดต-ดีเอ็นเอเดียวกัน ไม่ใช่ทำงาน
คนเดียว
เธอย้ำว่าแคนดิเดตนายกฯ ของประชาธิปัตย์ไม่ใช่ตัวบุคคลโดดเดี่ยว แต่เป็นทีมที่ทำงานร่วมกันมานาน มีดีเอ็นเอเดียวกัน และมีรองหัวหน้าพรรคที่เชี่ยวชาญหลากหลายด้าน พร้อมแก้ปัญหาเชิงระบบร่วมกัน
❏ “นักการเมืองแบบนี้ ฉันจะไม่มีวันเป็น”
ช่วงท้าย ดร.การดี เปิดใจว่าเธอเตือนตัวเองเสมอ ถึงขั้นอัดคลิปเป็นไดอารี ว่าจะไม่กลายเป็นนักการเมืองที่ตนเองรังเกียจ ไม่ทรยศอุดมการณ์ ไม่เอาประโยชน์พวกพ้องเหนือประเทศ และยึดหลักการตรวจสอบอำนาจอย่างโปร่งใส
เธออ้างคำสอนของ อาจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ที่ยึดถือเป็นธงนำ เพื่อไม่หลงสู่กับดักของอำนาจและผลประโยชน์ และมั่นใจว่าตัวเองทำได้ เพราะไม่เคยทะเยอทะยานเพื่อตัวเองมีแต่ความตั้งใจบริสุทธิ์ที่จะทำเพื่อบ้านเมือง
“สิ่งที่ถูกต้องคือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำ สิ่งที่ผิดคือผิด แม้ทุกคนทำ”
ในวันที่การเมืองเต็มไปด้วยดีลลับและการจับมือที่ไม่อธิบายกับประชาชน ดร.การดี บอกว่า ความอึดอัดนี้เอง คือแรงผลักให้เธอเลือกก้าวเข้ามา เพื่อพิสูจน์ว่าการเมืองที่ซื่อสัตย์และมองอนาคตประเทศเป็นศูนย์กลาง ยังเป็นไปได้จริง
ขณะที่ นายปฐม อินทวโรดม กรรมการผู้จัดการบริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) โพสต์ ระบุว่า
“ทำไมในบรรดาคนดิจิทัลที่ลงสู่สนามการเมืองผมมั่นใจใน ดร.การดี เลียวไพโรจน์ มากที่สุด?”
โดยเขาบอกว่า...
“สนามการเลือกตั้ง 2026 น่าจับตาที่สุดสำหรับคนดิจิทัล เพราะมีคนดังลงสู่การเมืองครั้งนี้หลายคน บ้างมาด้วยอุดมการณ์ บ้างมาด้วยความตั้งใจดีต่อบ้านเมือง แต่ถ้าถามผมตรงๆ ว่า ใครคือคนที่ผมมั่นใจที่สุด คำตอบชัดเจนและไม่ลังเล ดร.การดี…
ไม่ใช่เพราะอาจารย์อ้อพูดเก่ง ไม่ใช่เพราะโปรไฟล์ดูสวย แต่เพราะอาจารย์อ้อคือคนที่ทำงานจริง เห็นของจริง และเข้าใจโครงสร้างจริง ตั้งแต่ระดับเทคโนโลยี ไปจนถึงระดับนโยบาย
เหตุผลแรก : เข้าใจ “ดิจิทัลเชิงระบบ” ไม่ใช่แค่เครื่องมือ
หลายคนพูดถึง AI, Data, Cyber แต่ อาจารย์อ้อเข้าใจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ กฎหมาย โครงสร้างข้อมูล มาตรฐานความปลอดภัย ไปจนถึงผลกระทบต่อคนทำงานและประชาชน อาจารย์อ้อไม่ขายฝันด้วยคำหรู แต่แปลงเรื่องยากให้เป็นนโยบายที่เดินได้จริง
เหตุผลที่สอง: ประสบการณ์ภาคสนาม ไม่ใช่แค่ทฤษฎี
อาจารย์อ้อผ่านงานทั้งฝั่งรัฐและเอกชน เห็นข้อจำกัดของระบบราชการ และเห็นความเร็วของโลกธุรกิจ ความเข้าใจสองฝั่งนี้สำคัญมาก เพราะนโยบายที่ดีต้อง “เชื่อม” ไม่ใช่ “ชน” ระหว่างรัฐกับเอกชน
เหตุผลที่สาม: ยึดผลลัพธ์มากกว่าวาทกรรม
ในวันที่การเมืองเต็มไปด้วยเสียงโหวกเวกโวยวาย อาจารย์อ้อเลือกใช้ข้อมูล เลือกวัดผล และเลือกความคุ้มค่า อาจารย์อ้อเชื่อในคำถามง่ายๆ แต่ทรงพลัง-ทำแล้วดีขึ้นจริงไหม ประชาชนได้อะไร ประเทศแข่งขันได้หรือเปล่า
เหตุผลที่สี่ : กล้าพูดความจริง แม้ไม่หวานหู
ดิจิทัลไม่ใช่เวทมนตร์ และ AI ไม่ได้แก้ทุกอย่างได้ในคืนเดียว อาจารย์อ้อกล้าบอกข้อจำกัด กล้าพูดถึงต้นทุน และกล้าออกแบบทางเลือกที่สมเหตุสมผล นี่คือความซื่อสัตย์ที่การเมืองต้องการ
สุดท้าย : ผมไม่ได้เชียร์เพราะรู้จักกันมานาน แต่เชียร์เพราะ ประเทศต้องการนักออกแบบนโยบายที่เข้าใจโลกจริง ในวันที่โลกไม่เคยรอใคร และเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วกว่าโครงสร้างรัฐ
ถ้าเราต้องการการเมืองที่ไม่ใช่แค่พูด แต่ ทำให้เกิดผล
ถ้าเราต้องการดิจิทัลที่ไม่ใช่แค่คำสวย แต่ยกระดับชีวิตคน
ผมเชื่อว่า ดร.การดี เลียวไพโรจน์ คือคนที่ตอบโจทย์นั้นได้ดีที่สุดในเวลานี้
สรุป : ดร.การดี ไม่ใช่ “สีสันใหม่” ไม่ใช่ “เครื่องประดับ” หรือ “ผักแต่งจาน” ในพื้นที่การเมือง หากแต่เป็น “คลังสมอง” และ “มือทำงาน” ที่ถูกเลือกมาอย่างแหลมคม เพื่อภารกิจ “ช่วยชาติ” อันเป็นหัวใจสำคัญของงานการเมืองที่ “พรรคประชาธิปัตย์” ในยุคของการกลับมาใหม่ ของ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” มุ่งหน้าไป เพื่อนำพาประเทศไทยสู่การเปลี่ยนแปลง
ต้องตามลุ้นว่า 2 คะแนนในมือคนไทยที่มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน จะร่วมลงขันกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้เข้าสู่ยุค “ไทยหายจน ด้วยคนทำเป็น” กับพวกเขาหรือไม่

หวัง อี้ เชิญ รมว.กต. ไทย-กัมพูชา เคลียร์ใจที่ยูนนาน 28 ธ.ค. นี้
โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหารชั้นสัญญาบัตร 19 นาย
คิม จองอึน อวยพรปีใหม่ ปูติน ย้ำสัมพันธ์ 2 ประเทศเป็นสินทรัพย์ร่วมอันล้ำค่า
บ้านสมเด็จโพลล์ ชี้ คนกรุงเทพฯ 67.8 % พร้อมไปเลือกตั้ง ส่วนใหญ่เลือก พรรคประชาชน
ในหลวง พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เป็นกรณีพิเศษ จ.ส.อ.พงศกร นาคทองดี ทหารกล้าพลีชีพเพื่อชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี