ปรากฏการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่ลุกลามระบาดไปทั่วโลก ทำให้ผู้คนป่วยไปแล้วเกือบ 3 ล้านคน และเสียชีวิตไปแล้ว 2.8 แสนคน ในขณะที่ความพินาศย่อยยับทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นมากมายสุดคณานับ อาจจะเสียหายมากกว่าความเสียหายในสงครามโลกทั้งสองครั้งรวมกันก็ได้
ปรากฏการณ์ภายนอกดูประหนึ่งว่าเป็นการต่อสู้กันระหว่างบุคลากรทางสาธารณสุขกับไวรัสโควิด แต่ดูกันให้ดีเถิด มันมีอะไรมากมายกว้างใหญ่ไพศาลและหลากหลายมิติกว่าที่จะเป็นการต่อสู้กันระหว่างบุคลากรทางสาธารณสุขกับโรคระบาดชนิดหนึ่งเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมานับพันปีแล้ว
ที่สำคัญ ชาวโลกควรจะได้รู้ว่าในห้วงเวลาตั้งแต่วันตรุษจีนปีนี้มาจนถึงบัดนี้หวุดหวิดจะเกิดสงครามใหญ่มาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกคือช่วงที่มีการลอบสังหารท่านชาฮีด นายพลกอซิม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองทัพกุดส์แห่งอิหร่าน และครั้งที่สองในช่วงหลังตรุษจีนต่อเนื่องมาจนถึงช่วงที่ประธานาธิบดีคิม จอง อึน หายตัวไป 21 วัน
ครั้งแรกนั้นหวุดหวิดจะเกิดเป็นสงครามใหญ่ แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้เกี่ยวข้องแต่ละฝ่ายได้เตรียมที่จะเปิดศึกชนิดล้างผลาญกันให้สิ้นซาก ลบบางประเทศออกจากแผนที่โลกกันเลย สงคราม ณ พื้นที่นั้นจึงชะลอลงเป็นการชั่วคราว
ครั้งที่สองก็หวุดหวิดจะเกิดเป็นสงครามใหญ่ แต่ปรากฏว่าเหตุการณ์ผิดคาด แทนที่จะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในจีนจากการแพร่ระบาด กลับกลายเป็นว่าจีนได้ใช้โอกาสนั้นเป็นการทดสอบการทำสงครามชีวภาพครั้งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์ชนชาติจีน กองบัญชาการทุกเหล่าทัพเตรียมพร้อมรบเต็มอัตราศึก และยังหนุนเนื่องด้วยแสนยานุภาพอันยิ่งใหญ่ของรัสเซียและเกาหลีเหนือ
โดยเฉพาะคือการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญในห้วงอวกาศที่กองบัญชาการอวกาศของจีนและอิหร่านได้เคลื่อนไหวผิดปกติ จนสามารถทำลายสัญญาณนำทางในภาคพื้นเบื้องล่างอวกาศนั้นจนเปลี่ยนแปลงไปสิ้น จึงทำให้สงครามใหญ่ต้องชะลอตัวไปอีก
โลกได้ผ่านพ้นความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามใหญ่สองครั้งในสองพื้นที่ก็ด้วยดุลแห่งแสนยานุภาพที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่ในขณะเดียวกันการขยายผลของสงครามชีวภาพก็ยังขับเคลื่อนไปอย่างกว้างขวาง
จำเป็นที่จะต้องเรียงลำดับเหตุการณ์เพื่อจะได้ทราบและเข้าใจโดยถ่องแท้ว่าการระบาดของโควิดนี้ไม่ใช่การระบาดของโรคระบาดธรรมดาเหมือนที่เคยเกิดมานับพันปีแล้ว
ประการแรก ซึ่งอยู่ระหว่างการพิสูจน์ผลสุดท้ายว่าใครเป็นผู้สร้างโควิดขึ้น แต่ที่แน่ชัดและมีหลักฐานชัดเจนแล้วก็คือมีการระบาดเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาก่อนเกิดเหตุระบาดในเมืองจีนถึง 4 เดือน โดยที่ไม่มีประเทศใดในโลกทราบและระแคะระคายมาก่อน
ประการที่สอง มีบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของสิทธิบัตรไวรัสโควิดเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นไวรัสโควิดจึงไม่ใช่ไวรัสเถื่อน แต่เป็นไวรัสที่มีเจ้าของตามกฎหมายคือบริษัทยักษ์ใหญ่ดังกล่าวที่ใครจะไปแย่งชิงผลิตอีกไม่ได้
และบริษัทดังกล่าวก็ได้วางแผนผลิตวัคซีนไว้ล่วงหน้าแล้ว มุ่งหวังจะจำหน่ายวัคซีนให้แก่ชาวโลก 7,000 ล้านคน ซึ่งถ้าหากสำเร็จก็จะได้กำไรมากที่สุดในบรรดานวัตกรรมทั้งหลายที่มนุษย์เคยคิดอ่านสร้างขึ้น การผลิตวัคซีนเช่นว่านี้แน่นอนว่าต้องใช้เวลาล่วงหน้าพอสมควร ไม่ใช่เกิดปุ๊บสร้างปั๊บได้ ซึ่งประการนี้ทั่วโลกก็ทราบดีกันอยู่แล้ว
เพื่อการจำหน่ายวัคซีนลอตแรก ได้มีการเตรียมการผลิตไว้ถึง 500 ล้านโด๊ส และมีการประชุมวางแผนเพื่อจำหน่ายวัคซีนแก่ชาวโลกในห้วงเวลา 3 เดือน ก่อนวันตรุษจีน โดยมีการคาดหมายในที่ประชุมนั้นว่าในระยะเวลา 3 เดือน จากนั้นไปจะมีไวรัสใหม่ระบาด เป็นไวรัสที่ติดง่าย แพร่เชื้อเร็ว จะทำให้ชาวโลกติดเชื้อถึง 65 ล้านคน จนรักษาไม่ทัน เพราะไม่มียารักษา และจะทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 25 ล้านคน
ประการที่สาม ในช่วงวันตรุษจีนเหตุการณ์การแพร่ระบาดก็เกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น บรรดาสื่อยักษ์ใหญ่ของโลกนำเสนอข่าวอย่างพร้อมเพรียงกันราวกับนัดหมายกันไว้ พร้อมได้เสนอถึงอันตรายร้ายแรงถึงขนาดซากศพเปลี่ยนสภาพ โดยระบุว่าเด็กและผู้สูงวัยมีความเสี่ยงจะเสียชีวิตมากที่สุด ซึ่งหมายความว่าผู้คนราว 30% ของโลกมีความเสี่ยงจะเสียชีวิต จึงเกิดความตื่นตระหนกตกใจกันทั่วโลก
และเพื่อส่งสัญญาณให้ชาวโลกรู้ว่ามีบางประเทศรู้ข้อมูลลับเรื่องการแพร่ระบาดและอันตราย จึงมีการเสนอข่าวว่าชาวจีนจะติดโรคระบาดนี้เกือบทั้งประเทศ เป็นอันตรายต่อชาวต่างประเทศดังนั้นสหรัฐ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สิงคโปร์ และพันธมิตรใกล้ชิดรวมทั้งประเทศไทยจึงได้แสดงออกถึงการตื่นตระหนกตกใจกลัว รีบขนผู้คนกลับประเทศกันอย่างเอิกเกริก
โชคดีที่ประเทศไทยตั้งหลักยั้งคิดได้ทันจึงลังเลรีรออยู่และขนผู้คนกลับหลังเพื่อน จึงสามารถนำเข้าพื้นที่กักตรวจได้โดยปลอดภัย และผลที่สุดบรรดาประเทศที่ขนผู้คนกลับเหล่านั้นด้วยความเชื่อว่าเมื่อผ่านการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วไม่ติดโรคระบาด กลับเกิดเหตุการณ์ที่คนเหล่านั้นนำเชื้อไปแพร่ระบาดในประเทศของตนจนระเบิดเถิดเทิงดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ประการที่สี่ หลังจากขนผู้คนกลับแล้วก็เกิดข้อเสนอมากมาย และออกมาตรการมากมายเพื่อล็อกดาวน์พื้นที่ปิดประเทศ ปิดกิจการค้าขายต่างๆ รวมทั้งการขนส่งและความสัมพันธ์ทั้งหลายอันเป็นปกติของมนุษย์ลงแทบจะสิ้นเชิง ทำให้กิจการครึ่งโลกต้องปิด ผู้คนตกงานหลายสิบล้านคน แต่ละวันมีการรายงานถึงการป่วยด้วยโรคระบาดและการเสียชีวิตและเพราะโรคระบาด มีการนับจำนวนผู้ป่วยและผู้ตายเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวันต่อเนื่องมา สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้แก่ชาวโลก และตั้งตารอคอยวัคซีน ซึ่งระบุว่าจะผลิตออกได้ในปลายปี 2563
ประการที่ห้า ในขณะที่มีการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางนั้นกลับไม่มีการพูดถึงยาที่ใช้ในการรักษา หรือวิธีการรักษาใดๆ เลย สร้างบรรยากาศให้เกิดการงอมืองอเท้ารอความตาย ในขณะที่มีความกระหายอยากได้วัคซีนกันเต็มประดา ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นการจำหน่ายวัคซีนแก่คน 7,000 ล้านคน ก็คงสำเร็จดังปรารถนา
ประการที่หก ในขณะที่สถานการณ์สับสนนั้น ประเทศจีนกลับไม่จำนนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และประกาศระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วน “เข้าสู่สงครามชีวภาพ” อย่างเด็ดเดี่ยวถึงที่สุด และออกมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาด ในการรักษาผู้ป่วย ในการธำรงรักษาไว้ซึ่งระบบเศรษฐกิจของประเทศ และการดูแลประชาชนให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในห้วงเวลาเพียง 76 วัน จีนได้ประกาศใช้ยาสำหรับรักษาไวรัสโควิดเป็นประกาศถึง 7 ฉบับ ใช้ทั้งยาแผนปัจจุบันและยาจีน รวมทั้งใช้พลาสมาในการรักษาด้วย สร้างความผิดหวังให้แก่ขบวนการวัคซีนอย่างยิ่ง
เพราะจีนมุ่งเน้นรักษาผู้ป่วยให้หายโดยไวเหมือนกับการรักษาไข้หวัดใหญ่ และสามารถรักษาผู้ป่วย 80,000 คนให้หายได้ในเวลาแค่ 20 กว่าวันเท่านั้น และยังนำแบบแผนวิธีการรักษาไปช่วยเหลือมิตรประเทศอย่างเอิกเกริกครึกโครมด้วย
ความสำเร็จของจีนได้ทำลายแผนการตลาดของขบวนการวัคซีนโลกอย่างยับเยิน เพราะเมื่อผลการรักษาหายในเวลาอันรวดเร็วก็สามารถปลดล็อก restart ประเทศได้อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นประเทศที่ช่วยเหลือประเทศอื่นไปแล้ว
ประการที่เจ็ด จีนและประเทศทั้งหลายในโลกต่างก็เห็นผลประโยชน์ก้อนใหญ่จากการผลิตวัคซีน จึงระดมการสร้างวัคซีนกันอย่างขนานใหญ่และประสบความสำเร็จขั้นใหญ่ไปแล้ว คือผ่านการทดลองในคนไปแล้ว นอกจากนั้นยังได้ร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่น เยอรมนีและอีกหลายประเทศเพื่อเร่งผลิตวัคซีนออกจำหน่ายแข่งกับขบวนการวัคซีนโลก
ในขณะที่ขบวนการวัคซีนโลกกลับประสบความล้มเหลว เพราะปรากฏว่าสูตรวัคซีนที่เตรียมไว้นั้นไม่สามารถรักษาโควิดได้เนื่องจากกลายพันธุ์ จึงต้องปรับปรุงสูตรการผลิตใหม่เป็นครั้งที่สองและล้มเหลวอีกครั้งหนึ่ง จนทำให้ราคาหุ้นในตลาดตกลงเหวระเนระนาด จึงนำไปสู่การปรับปรุงครั้งที่สาม
และในครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าประเทศที่ออกหน้าก็คือสหรัฐ อิสราเอล และอังกฤษ ถึงขนาดนายกรัฐมนตรีอิสราเอลออกมากล่าวด้วยตนเองว่า แม้จะสามารถควบคุมการระบาดครั้งแรกได้ แต่จะมีการระบาดครั้งที่สองที่จะทำให้มนุษยชาติสิ้นสุดลง แต่เชื่อว่าอิสราเอลจะผลิตวัคซีนได้ทันเวลา
ก็พิจารณาดูกันเอาเองว่าการต่อสู้ครั้งนี้ใหญ่โตและแหลมคมขนาดไหน และอาจจะเกี่ยวเนื่องกับสงครามโลกครั้งที่สามด้วยก็ได้ ดังนั้นจึงอย่าได้คิดและพูดแต่เรื่องตั้งการ์ดอย่างเดียวเพราะจะทำให้ตกเป็นเหยื่อที่น่าเวทนา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี