เพราะเหตุการณ์บ้านเมืองที่กำลังวิกฤติจากทั้งปัญหาเศรษฐกิจและการระบาดของโรคโควิด-19 บรรดาสส.ที่ได้รับเลือกมาเป็นตัวแทนของประชาชนจึงต้องทำงานหนักขึ้นในการนำปัญหาความเดือดร้อนมานำเสนอทุกแง่มุม เพื่อให้รัฐบาลรับฟังพร้อมหาทางช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนนั้น และหนึ่งในปัญหาที่ยังค้างคาและปรากฏเป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่องคือ ความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศ 50,000 ครอบครัว ที่ต้องขาดรายได้เพราะถูกลดโควตาการปลูกใบยาสูบลงถึง 50% และยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการขึ้นภาษี 40% และหาแนวทางที่เป็นรูปธรรมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำๆ เดิมๆกับชาวไร่ยาสูบในระยะยาว
ในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเคยกล่าวไว้ระหว่างการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมาว่า “การขึ้นภาษีเหล้า บุหรี่ ถ้าไม่เหมาะสมก็ปรับใหม่” ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ยอมรับในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อต้นปีเช่นกันว่า ภาษีสรรพสามิตใหม่สร้างปัญหาจริง ซึ่งผิดไปจากความตั้งใจเดิมของรัฐบาลที่ต้องการใช้กฎหมายฉบับนี้เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตยาสูบไทย
เวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน จนใกล้ถึงเวลาขึ้นภาษีบุหรี่40% ตามที่กำหนดไว้ในเดือนตุลาคม แต่ดูเหมือนยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จากรัฐบาลในการทบทวนพิจารณานโยบายภาษียาสูบเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกร เราจึงได้เห็นภาพชาวไร่ยาสูบจังหวัดสุโขทัย แพร่ เชียงราย และเชียงใหม่ ออกมาเคลื่อนไหว ขึ้นป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ทวงสัญญาจากรัฐบาลเรื่องการเลื่อนการขึ้นภาษี และจ่ายเงินชดเชยรายได้ให้เกษตรกร
จึงเป็นหน้าที่ของกลุ่ม สส. จากจังหวัดพื้นที่ปลูกยาสูบในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งก็เป็นพื้นที่สำคัญของทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่ว่าจะสังกัดพรรคการเมืองใด ที่ต่างก็ได้รับข้อร้องเรียนมาจากกลุ่มชาวไร่ยาสูบในพื้นที่ของตัวเอง พากันออกมาช่วยกระทุ้งไปยังกรมสรรพสามิตและกระทรวงการคลังให้มีความชัดเจนเรื่องการ “เลื่อน” ขึ้นภาษีบุหรี่อัตรา 40% ที่มีกำหนดใช้วันที่ 1 ตุลาคม 2563 นี้ เพราะหากรัฐบาลยังเดินหน้าขึ้นภาษีตามกำหนดเดิม ความเดือดร้อนซ้ำเติมแบบเดิมจะยิ่งเพิ่มขึ้น
ด้านการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ได้ชี้แจงผลกระทบเรื่องนี้ไว้ในรายงานผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2562 ด้วยว่า การแบกรับภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ 2561 และ 2562 ส่งผลให้ ยสท. มีกำไรสุทธิลดลงไปแล้วมากกว่า 90% หากต้องแบกรับภาระภาษีที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในเดือนตุลาคม 2563 การดำเนินงานอาจถึงขั้นขาดทุนรวมทั้งเกิดภาวะขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งอาจหมายความว่าจะไม่สามารถรับซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ได้อีกต่อไป
เพราะเรื่องปากท้องของประชาชนและเกษตรกรชาวไร่เป็นเรื่องสำคัญ สส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายรัฐบาลที่รับอาสามาเป็นผู้แทนของชาวไร่แล้วจึงทำงานของตัวเองอย่างแข็งขันเต็มที่ ก็หวังว่าเสียงจาก สส. เหล่านี้จะไปถึงรัฐบาล และกระทรวงการคลังที่มีนายอุตตม สาวนายน เป็นเจ้ากระทรวงและยังมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยที่กำกับดูแล ยสท. เพราะหากชาวไร่ยังคงเดือดร้อน แต่รัฐบาลกลับเพิกเฉยทอดทิ้งชาวไร่เหล่านี้ด้วยการเดินหน้าขึ้นภาษี 40% ต่อไป คงไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมแน่นอน
ผลลัพธ์จึงอยู่ที่ว่าฝ่ายบริหารบ้านเมืองจะรีบเร่งดำเนินการให้เกิดความชัดเจนและเป็นรูปธรรม ทั้งเงินชดเชยรายได้ที่ต้องระบุจำนวนตัวเลขและกรอบระยะเวลาเบิกจ่ายรวมทั้งการขึ้นภาษีอัตรา 40% ตุลาคมนี้ ต้องชัดเจนให้เร็วที่สุดว่าจะ “เลื่อน” หรือไม่ เพราะหากไม่มีการดำเนินการใดๆ ท่ามกลางกระแสข่าวการขยับขับเคลื่อนสำคัญภายในพรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่าการเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ของพรรครัฐบาลอย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี