เมื่อเร็วๆ นี้ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า จัดเวที “นวัตกรรมท้องถิ่นร่วมสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา” ที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
ทาง ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร กสศ. และนายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการ กสศ. นำเสนอข้อมูลสอดคล้องกัน คือการผลักดันพลังของคนในพื้นที่ในการส่งเสริมเครือข่ายอาสาสมัครด้านการศึกษา หรือ อสม.การศึกษา เพื่อร่วมเฝ้าระวังช่วยเหลือครอบครัวเด็กยากจนด้อยโอกาสและเด็กที่มีความจำเป็นพิเศษ
โดยอาศัยบทเรียนความสำเร็จในการทำงานของ อสม.ในการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก
สถาบันสถิติแห่งองค์การยูเนสโก (UIS) ระบุว่ามีเด็กเยาวชนมากกว่า 263 ล้านคนทั่วโลก ที่ยังคงอยู่นอกระบบการศึกษา ในจำนวนนี้เป็นเด็กวัยประถมศึกษามากกว่า 60 ล้านคน ขณะเดียวกันใน 10 ปีที่ผ่านมา (2007-2017)การลดลงของจำนวนเด็กนอกระบบการศึกษาทั่วโลกเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยมีจำนวนลดลงไม่ถึง 100,000 คน
โจทย์สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของโลกที่มีความยากมากขึ้น ในขณะที่งบประมาณของภาครัฐและเงินบริจาคกลับมีแนวโน้มลดลงผู้ที่เกี่ยวข้องจากภาคส่วนต่างๆ จึงต้องพยายามค้นหา นวัตกรรม หรือมาตรการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่ลงทุนน้อย แต่ได้ผลมาก ซึ่งทิศทางการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาด้วยการใช้ท้องถิ่นเป็นฐานในการทำงาน น่าจะเป็นทิศทางเชิงยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ
งานวิจัยรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมายืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี “Prof.Banerjee, Prof.Duflo และ Prof.Kremerนักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลทั้ง 3 ท่านเชื่อว่า “คำตอบของปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำอยู่ในพื้นที่”ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงทดลองที่เหมาะสมด้วยการทำงานร่วมกับภาคีในพื้นที่อย่างจริงจังและต่อเนื่อง คือหนทางสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมการแก้ไขปัญหาความยากจน และความเหลื่อมล้ำที่สามารถใช้ได้ผลจริงทั้งในพื้นที่ทดลอง และสามารถขยายผลสู่การดำเนินการระดับชาติได้อย่างยั่งยืน”
การผลักดันพลังท้องถิ่นเพื่อช่วยดูแลแก้ไขปัญหาการเหลื่อมล้ำทางการศึกษานี้ กสศ.ได้ดำเนินการมาแล้วหลายปีและได้ผลเป็นอย่างดี
ขณะที่ ศาสตราจารย์วุฒิสารตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกอยู่ในทุกมิติของสังคมไทย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ทุกปัญหามีความซับซ้อน และสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกพื้นที่ ทุกชุมชน
ซึ่งสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ช่วยขยายภาพปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยให้ชัดขึ้น เห็นได้จากความเดือดร้อนและทุกข์ยากของคนจากสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยอย่างรุนแรง สวนทางกับภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่สูงขึ้น หรือการที่ภาคบริการและแรงงานได้รับผลกระทบรุนแรงและฉับพลัน แต่ภาคการเกษตรยังอยู่รอดและต้องรับภาระการอพยพคน ส่วนประชาชนจำเป็นต้องปรับวิถีการใช้ชีวิตให้สอดรับกับสถานการณ์
ทั้งเห็นว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่าความเหลื่อมล้ำ เป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วในระดับต้นๆ ของประเทศ การแก้ไขปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำ ไม่ใช่การทำให้ทุกคนเท่ากัน แต่เป็นการลดความแตกต่างโดยการทำให้ทุกคนได้รับและเข้าถึงสุขภาวะขั้นพื้นฐานที่ได้มาตรฐานอย่างเท่าเทียม นอกจากด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ด้านการศึกษาก็มีปัญหาความเหลื่อมล้ำ ต้องขอบคุณกสศ.ที่เข้ามาเป็นศูนย์กลางขับเคลื่อนและรวมพลังท้องถิ่น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในพื้นที่ ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญในการจัดการศึกษา เพราะมีต้นทุนทางสังคมที่ดี มีความยืดหยุ่นและเอกภาพในการบริหารการศึกษา
อีกทั้งการศึกษาของท้องถิ่นสามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำในท้องถิ่นและสังคมได้ ดังนั้นท้องถิ่นจึงนับเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่สำคัญอย่างยิ่ง
ด้าน นายสุพจน์ จิตร์เพ็ชร์ ผอ.กองส่งเสริมและพัฒนาการจัดการศึกษาท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ระบุว่า หน้าที่ อปท.นอกเหนือจากงานด้านปกครองแล้ว ยังมีหน้าที่ส่งเสริมด้านการศึกษา ทั้งนี้บทบาทของ อปท.ในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษานั้น เราต้องดูความพร้อมของแต่ละพื้นที่ด้วย เพราะศักยภาพในด้านต่างๆ ไม่เท่ากัน จึงต้องให้แต่ละพื้นที่เป็นผู้จัดการเรื่องการศึกษาให้เหมาะสมกับศักยภาพ ส่วนการมี อสม.การศึกษาเป็นเรื่องที่ดีที่ตนคิดว่าจะช่วยป้องกันเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาได้ ซึ่งอาจจะต้องพึ่งพา อสม.เดิมที่มีอยู่แล้วหรือเครือข่ายคณะกรรมการหมู่บ้านก็ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี