ขอให้คุณดูพาดข่าวต่อไปนี้ “ธนกรลั่นผลงานที่จับต้องได้สำคัญกว่าผลโพลล์ ชี้คะแนนนิยมพลเอกประยุทธ์ยังนำโด่งย้อนสุทิน รัฐบาลฟังเสียงประชาชน ไม่เหมือนรัฐบาลในอดีต” “คณะก้าวหน้าออกแถลงการณ์ชี้แจงรายละเอียดเงินบริจาคโครงการเมย์เดย์ เมย์เดย์ พร้อมเผยแพร่เอกสารธุรกรรมทั้งหมดของบัญชี ยืนยันเงินทุกบาทถูกนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชน” “พลังประชารัฐตอกกลับโฆษกเพื่อไทย ไล่ไปสำรวจตัวเองทำไมจึงสอบตก” “ปารีณาตอกกลับอนุสรณ์ข้องใจหรืออิจฉาพลังประชารัฐชนะเลือกตั้งซ่อมทุกสนาม” “นฤมลปัดแทงหลัง ยังเคารพสมคิด” “เพื่อไทยยกโพลล์กดดัน จุรินทร์คุยผลงานเหนือทีมร่วมรัฐบาล” “แรมโบ้เตือนธนาธรคิดยุ่งการเมืองท้องถิ่นระวังก้าวไกลโดนร้องยุบพรรค”
อันที่จริงยังมีพาดหัวข่าวการเมืองไทยให้คุณดูอีกมากมายเชื่อว่าคุณที่ติดตามดูข่าวการเมืองไทยเป็นประจำ แล้วยิ่งเมื่อคุณได้ดูพาดหัวข่าวเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว อยากขอเรียนถามว่า คุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับข่าวการเมืองไทย หรือถ้าจะถามให้ตรงประเด็นคือ คุณเห็นว่าข่าวการเมืองไทยมีคุณประโยชน์กับประชาชนบ้างหรือไม่ หรือเห็นว่าข่าวการเมืองไทยเป็นได้แค่เพียงการทำสงครามน้ำลายระหว่างนักการเมือง (ชั้นสวะ)ซึ่งไม่สามารถหาคุณประโยชน์ใดๆ ต่อบ้านเมืองของเราได้แม้แต่น้อย
อันที่จริงเมื่อพูดถึงเรื่องราวที่ออกมาจากปากของนักการเมืองไทยส่วนใหญ่แล้ว ก็จำเป็นต้องดูให้ลึกไปถึงบรรดาหนังสือพิมพ์ และสื่อสารมวลชนทุกแขนงที่นำเสนอข่าวการเมืองด้วย เพราะหลายต่อหลายครั้งสื่อมวลชนของไทยก็ถูกสังคมวิพากษ์ว่าดีแต่นำเสนอข่าวที่หาสาระมิได้
ก็ต้องขอบอกไว้ ณ ที่นี้ว่า เรื่องคำพูดของนักการเมือง และเรื่องการนำเสนอข่าวโดยสื่อมวลชนทุกแขนง ต่างก็มีผลซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าหากนักการเมืองตั้งใจนำเสนอเรื่องราวที่มีประเด็น มีสาระที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมแล้ว ผู้สื่อข่าวก็คงไม่สามารถนำเสนอสิ่งไร้สาระต่อผู้เสพข่าวได้ ยกเว้นผู้สื่อข่าวจงใจสร้างเรื่องหรือบิดเบือนประเด็นข่าวขึ้นมาเอง
วิญญูชนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดนักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยจึงดีแต่พูดเรื่องที่ปราศจากสาระ อันปราศจากประโยชน์ต่อสังคม แล้วก็มีคำถามต่อไปอีกว่า เหตุใดสื่อมวลชนไทยจำนวนมากจึงชอบนำเสนอสิ่งไร้สาระที่มาจากลมปากของนักการเมือง ทำไมนักข่าวจำนวนไม่น้อยจึงไม่มีสติปัญญาในการเลือกสรรข่าวดีมีสาระ ทำไมนักข่าวจึงกลายเป็นเครื่องมือหรือตัวการที่แพร่กระจายข่าวไร้สาระให้ฟุ้งกระจายในสังคม หรือว่านักข่าวไม่มีสติปัญญาที่จะกลั่นกรองและเลือกสรรว่าประเด็นใด
มีสาระ หรือประเด็นใดไร้สาระ
เมื่อสังคมไทยมีนักการเมือง (ส่วนหนึ่ง) ไร้ปัญญา แถมยังมีนักข่าว (จำนวนหนึ่ง) ไร้สติ จึงนำไปสู่ปัญหาการนำเสนอข่าวการเมืองอันปราศจากสาระ ข่าวการเมืองไทยจำนวนมากจึงมีสภาพไม่ต่างไปจากสิ่งไร้สาระที่หาแก่นสารใดๆ มิได้ แถมยิ่งบวกความบ้าบอไร้สติของผู้นำเสนอข่าวที่ปรากฏตัวอยู่ตามจอโทรทัศน์และปรากฏเสียงตามคลื่นวิทยุเข้าไปด้วย ก็ยิ่งทำให้ข่าวการเมืองไทยกลายเป็นสิ่งไร้คุณค่า จนทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยพากันเลิกฟัง เลิกอ่าน เลิกดูข่าวการเมืองไทย
ไปโดยปริยาย เพราะดู อ่าน หรือฟังแล้วก็ไม่ได้สาระใดๆ
ที่ช่วยให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
ยิ่งสังคมใดก็ตามที่มีนักการเมืองส่วนหนึ่งไร้สติ และยังมีนักข่าวจำนวนหนึ่งไร้ความรู้ ปราศจากความรับผิดชอบ สังคมเช่นนั้นก็จะกลายเป็นสังคมที่มีแต่ข่าวการเมืองที่ไม่ช่วยประเทืองปัญญาของผู้คน ยิ่งสังคมใดที่เต็มไปด้วยข่าวการเมืองไร้สาระ ก็เท่ากับประจานความไร้สาระ และไร้ปัญญาของทั้งนักการเมืองและนักข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี