เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม มีการเลือกตั้งคณะกรรมการสโมสรพนักงานการบินไทย ณ อาคารปฏิบัติการ OPC เวลา 12.00-15.00 น. ผลการเลือกตั้งคือ ทีมเบอร์หนึ่งได้รับชัยชนะ ได้คะแนน 453 คะแนน ส่วนทีมคู่แข่งได้คะแนน 318 คะแนน
หลายคนคงจะเชื่อว่าการเลือกตั้งคือหนทางที่ดีที่สุดในการแสดงออกถึงความเป็นประชาธิปไตย เพราะเปิดโอกาสให้สมาชิกของชุมชนนั้นๆ ได้แสดงออกถึงการตัดสินใจเลือกตัวแทนของตน
แต่มีคำถามที่คนการบินไทย รวมถึงคนภายนอกการบินไทยที่รู้เรื่องการเลือกตั้งในครั้งนี้คือ ทำไมการบินไทยซึ่งมีประชากรในบริษัทเป็นจำนวนหลายหมื่นคน จึงมีตัวแทนเข้ารับการแข่งขันเพียงสองตัวเลือกเท่านั้น เป็นเพราะคนการบินไทยเพิกเฉยกับการอาสาเข้าไปเป็นตัวแทน หรือเป็นเพราะมีการวางกลเกมใดๆ เอาไว้ เพื่อให้การแข่งขันในครั้งนี้มีตัวแทนอาสาลงสมัครน้อยที่สุด
คำตามประเด็นต่อมาคือ คนการบินไทยทำงานอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ อาทิ ดอนเมือง สีลม หลานหลวง และต่างจังหวัด รวมถึงในต่างประเทศ และสุวรรณภูมิ แล้วเหตุใดจึงกำหนดจุดเลือกตั้งไว้ที่สุวรรณภูมิ ทำไมไม่กระจายจุดเลือกตั้งให้ครอบคลุมพื้นที่ทำงานของพนักงานการบินไทยทุกจุด หรือเหตุใดไม่อนุญาตให้ลงคะแนนโดยไม่ต้องไปที่สุวรรณภูมิ เมื่อกำหนดจุดเลือกตั้งไว้เพียงจุดเดียว แล้วพนักงานการบินไทยที่ทำงานในสถานที่อื่นๆ นอกจากสุวรรณภูมิจะมีโอกาสไปลงคะแนนได้หรือ เพราะการลงคะแนนทำได้ในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง คือตั้งแต่ 12.00-15.00 น. หรือว่านี่คือประเพณีปฏิบัติตามปกติของคนการบินไทยในเวลาลงคะแนนเลือกตัวแทนของตน
มีคนการบินไทยจำนวนหนึ่งตั้งคำถามว่า ทำไมการเลือกตั้งในการบินไทยจึงไม่โปร่งใส ทำไมจึงไม่ทำให้ข่าวสะอาด หรือว่ามีคนบางคนบางกลุ่มวิตกว่าหากทำการเลือกตั้งให้โปร่งใสขาวสะอาดแล้วจะทำให้คนบางคนและบางกลุ่มสูญเสียผลประโยชน์อะไรบ้างอย่างไป
อันที่จริงคนการบินไทยจำนวนหนึ่งตั้งคำถามว่ามีการซื้อขายเสียงหรือไม่ และขอให้คอลัมน์นี้ช่วยถามกลับไปยังการบินไทย แต่ผู้เขียนแย้งกลับไปว่า เรื่องนี้คนการบินไทยต้องถามกันเอง เพราะการให้คนภายนอกถามก็เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ทำไมคนการบินไทยจึงไม่ถามกันเอง หรือมีอะไรปิดปาก ทำให้ถามไม่ได้ หรือเพราะว่าถามแล้วก็ไม่มีคำตอบ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องไม่ลืมว่าคนการบินไทยจำนวนมากเป็นคนที่ถูกยอมรับว่ามีการศึกษา (หมายถึงจบการศึกษาอย่างน้อยก็ระดับปริญญาตรี และหลายคนก็จบการศึกษามาจากต่างประเทศ) แต่ก็มีคนการบินไทยแย่งว่า การศึกษาอาจไม่ช่วยให้คนมีจิตสำนึกก็ได้ ซึ่งเรื่องจิตสำนึกนี้ ผู้เขียนขออนุญาตไม่ก้าวล่วงเข้าไปในประเด็นนี้ เพราะถือเป็นเรื่องที่คนการบินไทยต้องไปปรึกษาหารือและร่วมกันสร้างขึ้นมาเอง คนภายนอกคงเข้าไปสร้างจิตสำนึกให้คนการบินไทยไม่ได้
เท่าที่มีผู้ส่งข่าวสารภายในการบินไทยให้กับผู้เขียน ก็พบว่าคนการบินไทยหลายคนต่างบ่นกับเรื่องสถานที่และเวลาของการเลือกตั้ง จนมีการส่งข้อความใน Line ของพนักงานการบินไทยว่า ทำไมไม่กำหนดจุดเลือกตั้งให้กระจายมากกว่านี้ โดยบอกว่าการกำหนดจุดแบบเฉพาะเจาะจงเช่นนี้ทำให้พนักงานจำนวนมากไม่สามารถไปใช้สิทธิ์ได้ จึงเห็นได้ว่าประเด็นเรื่องจุดเลือกตั้งคือปัญหาใหญ่ที่คนการบินไทยมองเห็น แต่เมื่อมองเห็นแล้วไม่พูดจาคัดค้านให้ชัดเจนหรือคัดค้านอย่างเป็นทางการก็เท่ากับบ่นไปวันๆ เมื่อบ่นไปวันๆ ก็อย่าหวังว่าคนที่เขาไปผลประโยชน์จะให้ความสำคัญกับเสียงบ่น
เพราะฉะนั้น ปัญหาเรื่องการเลืองตั้งในการบินไทยจึงเป็นเรื่องที่คนการบินไทยจะต้องลุกขึ้นมาปกป้องและรักษาสิทธิ์ของตนเอง อย่าหวังว่าการบ่นไปเรื่อยๆ แล้วจะทำให้ได้รับสิทธิ์กลับคืนมา ขอย้ำว่าหากต้องการได้รับสิทธิ์ก็ต้องลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิ์อย่างจริงจัง แต่ถ้าหากคนการบินไทยคิดว่าบ่นแล้วได้สิทธิ์กลับคืนมาก็ขอให้บ่นไปเรื่อย ๆ แล้วรอดูเอาเองว่าจะได้สิทธิ์กลับคืนมาในวันใดดังนั้นจึงขอพักเรื่องการเลือกตั้งประหลาดๆ ในการบินไทยไว้ณ ตรงนี้ก่อน เพื่อรอดูว่าคนการบินไทยจะชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร แต่ขอย้ำว่าหากต้องการชี้แจง ก็ขอได้โปรดส่งเอกสารชี้แจงให้เป็นหลักเป็นการ ไม่ใช่ส่งเศษกระดาษฝากผ่านนกกาหรือใครคนใดคนหนึ่งไปให้ผู้เขียนคอลัมน์นี้ เพราะผู้เขียนคอลัมน์เปิดเผยตัวตนชัดเจน บอกชื่อ บอกนามสกุลชัดเจน ดังนั้นหากคนการบินไทยที่มีหน้าที่ชี้แจงข้อมูลต้องการจะชี้แจงแถลงไขในประเด็นใดที่ผู้เขียนได้กล่าวถึง ก็ต้องรู้จักรักษามารยาทการของชี้แจงด้วย ขอย้ำว่าอย่าฝากเศษกระดาษไปกันนกกา เพราะนั่นไม่ใช่การชี้แจงที่ถูกต้องตามหลักการ แต่เป็นการชี้แจงที่ผิดหลักเกณฑ์ และเข้าขั้นไร้มารยาท
ขอกลับไปพูดถึงเรื่องคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงานการบินไทยต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว เพราะยังมีข้อข้องใจจากคนในการบินไทย รวมถึงผู้เขียนเองก็มีความข้องใจหลายประการ คำถามคือเงินกองทุน ของการพนักงานการบินไทยมีจำนวนประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับว่ามีจำนวนมากมายมหาศาลมิใช่น้อย แต่มีคำถามว่า การเลือก บลจ. ใดๆ ก็เข้าให้เข้าไปดูแลเงินกองทุนจำนวนมหึมาก้อนนี้ มีหลักเกณฑ์การเลือกสรรอย่างไร มีการบอกกล่าวกับพนักงานทุกคนอย่างเป็นกิจลักษณะหรือไม่ และมีคำถามต่อไปว่าทำไมจึงเลือกบลจ. สามแห่ง (ขออนุญาตไม่กล่าวถึงชื่อ บลจ. เพราะเป็นคนภายนอกของการบินไทย) มีคำถามอีกว่า เหตุที่เลือก บลจ. สามแห่งนั้น เป็นเพราะการดำเนินงานของทั้งสาม บลจ. ดีเด่นเหนือกว่า บลจ. อื่นจริงหรือ หรือมีเงื่อนไขการเลือกที่มีข้อตกลงพิเศษอื่นใด
มีคำถามอีกว่า คณะกรรมการกองทุน มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเงินดีมากน้อยเพียงใด เข้าใจมากน้อยเพียงใดว่าเงินกองทุน ถูกนำไปลงทุนในกิจการใด แล้วกิจการนั้นมีความเสี่ยงในเชิงธุรกิจมากน้อยเพียงใด ผลตอบแทนที่ได้รับคุ้มค่ามากที่สุดหรือไม่แล้วถ้าหากเกิดผลเสียกับการนำเงินไปลงทุนขึ้นมา ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ มีผู้รับเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้หรือไม่สิ่งเหล่านี้เป็นสาระสำคัญในการลงทุน และเป็นเรื่องที่คนการบินไทยต้องให้ความสำคัญ
ส่วนประเด็นที่มีเสียงครหาว่ากรรมการกองทุน บางรายทำตัวเสมือนนายหน้าของ บลจ. เพราะเมื่อมีการตั้งคำถามใดๆ เกี่ยวกับ บลจ. กรรมการกองทุน บางคนก็จะทำเสมือนพยายามตัดตอนคำถาม เพื่อไม่ให้มีการอภิปรายซักถามรายละเอียดของ บลจ. นั้น เรื่องนี้เป็นปัญหาภายในของกรรมการกองทุน ที่ต้องจัดการกันเอง เพราะถ้าหากเห็นชัดเจนว่ากรรมการกองทุน รายใดไม่ได้แสดงความชัดเจนในเรื่องการปกป้องผลประโยชน์ของพนักงาน แต่ทำตัวเสมือนปกป้องกองทุน ก็ควรจะขอให้เปลี่ยนกรรมการกองทุน รายนั้นโดยทันที เพราถือได้ว่าทำงานนอกหน้าที่
ส่วนประเด็นการไม่จ้างงานพนักงานกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานการบินไทยที่ได้นำเสนอไปคร่าวๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีการตั้งคำถามว่ามีความพยายามจงในกดดันให้พนักงานบางรายต้องลาออกหรือไม่ ก็ยังเป็นประเด็นที่คนการบินไทยที่ติดตามเรื่องนี้ยังตั้งคำถามกันอย่างต่อเนื่อง เพราะการที่พนักงาน (ลูกจ้าง) สามคนถูกให้ออกจากการทำงานในกองทุน เป็นเรื่องน่าสงสัย ขอย้ำว่ามีพนักงานคนไม่ได้รับการว่าจ้างต่อให้ทำงานในกองทุน (ขออนุญาตเปิดเผยชื่อดังต่อไปนี้ ปวีณา, นภาพร และสรัลชนา) ขอย้ำว่าสามคน ไม่ใช้หนึ่งคนเหมือนดังที่คนบางแผนกในการบินไทยพยายามบอกว่าเลิกจ้างเพียงรายเดียว
ส่วนประเด็นปิดท้ายสำหรับสัปดาห์นี้คือ มีคำถามว่าเหตุใดการไปจัดเลี้ยง จัดสัมมนานอกสถานที่ของกองทุนจึงดูเสมือนมีการผูกขาดสถานที่จัดงาน เพราะพนักงานถามตรงๆ ทำไมจึงต้องเป็นโรงแรมในสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งที่หัวหิน (เขตรอยต่อกับอำเภอชะอำ เพชรบุรี)
ส่วนคำถามต่อมาคือการออก code ให้พนักงานที่ไปร่วมงานเลี้ยง งานสัมมนากับกองทุน โดยฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทการบินไทย โดยการออก code ให้ก็คือการรับรองว่าพนักงานรายนั้นไม่ถือว่าขาดงาน เพราะไปร่วมสัมมนากับกองทุน
อันที่จริงยังมีอีกหลายประเด็นที่สามารถตั้งคำถามกับกรรมการกองทุน ของการบินไทยได้ แต่เนื่องจากพื้นที่สำหรับเขียนคอลัมน์ประจำสัปดาห์นี้หมดลงแล้ว แต่ก็หวังว่าจะได้รับคำชี้แจงอย่างเป็นทางการ และมีมารยาทจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องของการบินไทย และผู้เขียนคอลัมน์ของยืนยันว่ายินดีรับฟังคำชี้แจงจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจากการบินไทย หากต้องการชี้แจงข้อสงสัยที่พนักงานการบินไทยฝากถามมาโดยผ่านคอลัมน์นี้ ก็สามารถทำได้ตลอดเวลา เพียงแค่ส่งเอกสารชี้แจ้งมาให้เป็นกิจลักษณะเท่านั้น หรือจะให้สัมภาษณ์เพื่อตอบคำถามเหล่านี้ ผู้เขียนคอลัมน์ก็ยินดี ขอให้แจ้งและนัดวันเวลามา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี