วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“สหกรณ์” เป็นการรวมกลุ่มสมาชิกซึ่งมีปัญหาในเรื่องเดียวกัน ต้องการแก้ปัญหาที่ประสบอยู่ เช่น การขายสินค้า การซื้อสินค้า การเข้าถึงเงินทุน การขาดแคลนเครื่องมือต่างๆ จึงมีการรวมกลุ่มกันเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันกิจการสหกรณ์ของไทยเริ่มต้นขึ้นในยุค 2450 หรือกว่าร้อยปีก่อน เมื่อเกษตรกรโดยเฉพาะชาวนาต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตจากเพื่อยังชีพเป็นเพื่อการค้าตามวิถีเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่แผ่ขยายไปทั่วโลกเนื่องจากการปรับเปลี่ยนนั้นต้องลงทุนมากลำพังเกษตรกรเพียงรายเดียวยากจะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไว้ได้
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จับมือ กรมส่งเสริมสหกรณ์,สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB และสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) ได้จัดเวทีเสวนาในหัวข้อ “พลิกสหกรณ์ไทยสู่สหกรณ์ 4.0” ณ โรงแรมไอบิส สไตล์ กรุงเทพฯ รัชดา เพื่อเสริมสร้างพัฒนาศักยภาพสหกรณ์ไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) ให้พร้อมเข้าสู่ยุคดิจิทัล ตามยุทธศาสตร์ Thailand 4.0
ปณิตา ชินวัตร ที่ปรึกษา สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า สสว. ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการ และได้มอบให้สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) เป็นหน่วยร่วมดำเนินการ โดยมีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมคัดเลือกสหกรณ์ที่มีความพร้อมระดับปานกลางและทั่วไปที่มีศักยภาพจำนวนกว่า 100 แห่ง
เพื่อเข้าร่วมโครงการ TCEB ร่วมผลักดันแหล่งผลิตและสินค้าสหกรณ์พร้อมสู่การออกตลาดในประเทศและต่างประเทศ และบมจ.บางจาก ที่พร้อมร่วมพัฒนาทักษะความเป็นผู้ประกอบการผ่านโมเดลธุรกิจใหม่ให้กับสหกรณ์เพื่อต่อยอดสินค้าเกษตรให้มีนวัตกรรมสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการกระจายสินค้าสู่ช่องทางเครือข่ายของบริษัท เพื่อประโยชน์สูงสุดในการสร้างสหกรณ์ 4.0
วิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์มีนโยบายในการส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันเกษตรกร ทั้งสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง เป็นที่พึ่งของมวลสมาชิกและชุมชน ในปีนี้มีโครงการและกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสหกรณ์ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน สหกรณ์รวบรวมสู่กระบวนการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และส่งเสริมการตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์สู่ผู้บริโภค
“กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ร่วมคัดเลือกสหกรณ์ภาคการเกษตรที่มีศักยภาพในการแปรรูปสินค้าเกษตร จำนวน 100 แห่ง เข้าสู่กระบวนการพัฒนาามโครงการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากยุค 4.0 เพื่อให้สหกรณ์เกิดการปรับเปลี่ยนแนวคิด ด้วยวิธีดำเนินการแบบโมเดลธุรกิจยุคใหม่ สามารถสร้างสรรค์สินค้าและบริการสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมเผชิญความเปลี่ยนแปลง สนับสนุนให้สหกรณ์มีช่องทางและโอกาสในการต่อยดธุรกิจมีเครือข่ายที่เข้มแข็ง โดยมีเป้าหมายให้สหกรณ์เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจฐานราก” รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ระบุ
จุฑา ธาราไชย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือTCEB กล่าวว่า โครงการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากยุค 4.0ที่จัดโดย สสว. และเครือข่ายพันธมิตร เป็นการทำงานที่ช่วยเติมเต็มเป้าหมายของ TCEB อย่างเหมาะสม โดยสหกรณ์ที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพสู่สหกรณ์ 4.0 จะทำหน้าที่ต่อยอดสินค้าและบริการให้มีความเหมาะสมพร้อมต้อนรับและบริการนักธุรกิจที่เข้ามาศึกษาดูงานหรือเยี่ยมชม
ก่อศักดิ์ โตวรรธกวณิชย์ ผู้จัดการสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า บางจากมีความร่วมมือกับสหกรณ์มานานกว่า 30 ปี เห็นได้จากปั๊มน้ำมันของบางจากเกินกว่า600 สาขา เป็นปั๊มของสหกรณ์การเกษตร โดยที่ผ่านมารูปแบบการทำงานร่วมกับสหกรณ์จะเป็นรูปแบบ Inside Out แต่ในปัจจุบันทางบางจากจะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากมากยิ่งขึ้นที่นอกเหนือจากปั๊มสหกรณ์ โดยที่จะแบ่งปันองค์ความรู้ที่มีทั้งหมดและนวัตกรรมใหม่ๆ ให้เข้ากับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
สุรชัย เปี่ยมคล้า ผู้จัดการสหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสน จำกัด กล่าวว่า ทางสหกรณ์ได้ดำเนินธุรกิจในการรวบรวมโคเนื้อจากสมาชิกเพื่อมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ แต่ก่อนที่จะแปรรูปได้ต้องจัดการเรื่องมาตรฐานสินค้าที่ทำควบคู่กับกฎหมายของกรมปศุสัตว์ ซึ่งสหกรณ์มีการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ศักยภาพของบุคลากรในสหกรณ์ไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว การแก้ปัญหาได้รับความร่วมมือจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยได้ให้องค์ความรู้ในการพัฒนาบุคลากร โดยไม่ได้มองว่าจะเดินไปคนเดียว แต่จะต้องนำพาสมาชิกเดินไปด้วย
“ปัจจุบันความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปจึงทำให้สินค้าแปรรูปที่นอกเหนือจากแบบเดิมที่เป็นเนื้อเท่านั้น ทำให้สหกรณ์มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ไส้กรอก เป็นต้น จึงทำให้เกษตรกรต้องก้าวให้ทันผู้บริโภคแต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งทำให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในประเทศได้ โดยที่ความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” สุรชัย กล่าว
ด้าน ธนนนทน์ พรายจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED)กล่าวว่า วิธีการที่จะทำให้สหกรณ์เติบโตและมีความเข้มแข็งจะต้องมีองค์ประกอบ 4 ด้าน ได้แก่ 1.เท่าทันตามยุคสมัย มีการนำดิจิทัลเข้ามาใช้เพื่อให้เข้าถึงตลาดอย่างรวดเร็ว 2.โมเดลธุรกิจ ต้องเข้าใจแล้วนำความต้องการของตลาดเข้ามาสู่การผลิตที่ตรงตามความต้องการ และอยู่ในกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ
3.การร่วมไม้ร่วมมือ โดยที่สินค้าอีกที่หนึ่งอาจไปอยู่อีกที่หนึ่ง หรือการแลกเปลี่ยนเชิงวัตถุดิบ จะมองแค่ภายในประเทศไม่ได้ จะต้องมองออกไปข้างนอกด้วย ซึ่งการทำงานร่วมกันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และ 4.มีความรู้และปรับปรุงความรู้เสมอ โดยเป็นหัวใจหลักของการทำธุรกิจ ซึ่งธุรกิจจะเติบโตได้ต้องมีความรู้ ทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้สหกรณ์ไทยให้ยืนอยู่บนธุรกิจได้ คือจะต้องทำให้ผู้ซื้อมาซื้อสินค้าโดยการเข้าใจกลุ่มผู้บริโภค
“ในอดีตที่ผ่านมาอาจจะมีความเข้าใจน้อยในเรื่องของความต้องการของคนเมือง แต่ในปัจจุบันสามารถหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น จึงทำให้สามารถเรียนรู้และเก็บข้อมูลพฤติกรรมความต้องการได้ ซึ่งสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีและตรงตามความต้องการของคนได้อย่างเหมาะสม”ผอ.ISMED กล่าวในท้ายที่สุด

4หมื่นล้าน!กีฬาสร้างมูลค่า-กกท.ลั่นปีหน้าลุยรายการใหญ่
ทภ.1 สดุดี จ.ส.อ.พีระยุทธ เสียชีวิตจากการปฎิบัติหน้าที่ ปกป้องอธิปไตย พื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
เขมรเจ็บหนัก ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม แฉเบื้องหลังดีลหยุดยิง ไทยคุมเกมเบ็ดเสร็จ
กองทัพ เปิดเหตุผลไม่รบต่อ ยันบรรลุเป้าหมายทางทหารแล้ว ชี้ หยุดยิง ไม่ใช่จุดจบเป็นจุดเริ่ม
โบว์ แวนดา ปรี๊ดแตก อัดกลับนักวิชาการดราม่าเลี้ยงลูก ลั่นชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ง่ายเหมือนในตำรา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี