บริษัทการบินไทยจะไปต่อได้หรือไม่ คำถามนี้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยในสังคมไทยต่างไถ่ถาม ถ้าการบินไทยไปต่อไปไม่ได้ จะเกิดอะไรขึ้นกับพนักงานการบินไทยทุกคนที่ยังคงมีสภาพเป็นลูกจ้างของบริษัทการบินไทยคำตอบที่ชัดเจนที่สุดของคำถามนี้คือ ลูกจ้างการบินไทยทุกคนตกงาน
แต่ยังมีอีกคำถามหนึ่งที่น่าสนใจมากที่สุด แต่คนทั่วไปอาจไม่ค่อยตั้งคำถามมากนักคือ แล้วเจ้าหนี้ทุกรายของการบินไทยจะเอาอย่างไรกับการบินไทย จะยอมให้คณะกรรมการฟื้นฟูกิจการการบินไทยทำงานต่อไปได้อย่างสะดวกและคล่องตัว หรือต้องการได้เงินคืนโดยไม่สนใจแผนการฟื้นฟูกิจการ ส่วนเรื่องที่มีผู้ถามว่า การบินไทยจะกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจอีกหรือไม่นั้น คำถามนี้ดูแล้วไกลเกินไปกว่าจะตอบได้ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม หลายคนรอวันที่ 17 สิงหาคม 2563 เพราะศาลล้มละลายกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ มีคำสั่งนัดไต่สวนเรื่องนี้ในเวลา 9 นาฬิกา ซึ่งจนถึงบัดนี้ยังไม่พบว่ามีเจ้าหนี้รายใดยื่นคำคัดค้าน แต่การที่เจ้าหนี้ยังไม่คัดค้านในช่วงนี้ ก็มิได้หมายความว่าเจ้าหนี้จะไม่คัดค้านในอนาคต เพราะยังมีเวลายื่นคัดค้านได้จนถึงวันก่อนนัดไต่สวนนัดแรกเป็นเวลา 3 วัน หากพ้นกำหนดนี้ไปแล้ว ก็แสดงว่าไม่มีเจ้าหนี้รายใดประสงค์จะคัดค้าน
เพราะฉะนั้นเรื่องการคัดค้านของเจ้าหนี้จึงเป็นประเด็นที่ต้องดูกันต่อไปจนกว่าจะถึงวันพ้นกำหนด แต่สำหรับคนในการบินไทยเองนั้นหลังจากเห็นประกาศต่างๆ (ตามเอกสารแนบ) แล้ว บางรายก็มีคำถามเพราะสงสัยในคำสั่ง บางรายก็แสดงอาการสะใจ (โดยบางรายแสดงอาการสะใจมากจนเรียกได้ว่าดีใจจนออกนอกหน้า) บางรายก็ถามว่าทำไมไม่ลงโทษคนบางคนให้หนักไปเลย เพราะคนคนนั้นทำความเสียหายให้กับบริษัทมาโดยตลอด แถมยังไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน แต่บางรายก็ถามว่าทำไมจึงแต่งตั้งบางคนให้เข้าไปทำหน้าที่ตามคำประกาศ เพราะคนผู้นั้นไม่น่าจะเหมาะสมกับภาระงานที่ได้รับ เนื่องจากทำหน้าที่ในบริษัทการบินไทยมาเป็นเวลานาน แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาให้บริษัทได้ โดยเฉพาะปัญหาการซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาแพง จนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การบินไทยมีปัญหาขาดทุนมาหลายปี
สำหรับเขียนให้คิดวันนี้ ผู้เขียนขออนุญาตยังไม่ติเรือทั้งโกลน แต่อาจตั้งคำถามบางประเด็น ซึ่งเป็นคำถามจากคนในการบินไทย เพราะผู้เขียนต้องการดูต่อไปว่าผู้บริหารการบินไทยชุดใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับหน้าที่จะปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จลุล่วงหรือไม่ส่วนคำถามที่ประชาคมการบินไทยฝากผู้เขียนถามผู้บริหารการบินไทยว่าเหตุใดจึงตั้ง นายชาย เอี่ยมศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายธุรกิจปิโตรเลียม ประกันภัย และสิ่งแวดล้อมการบิน (D3)ให้ดำรงตำแหน่ง รักษาการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงินและการบัญชี (รักษาการ DE) ทั้งๆ ที่ผ่านมาการบินไทยมีปัญหาเรื่องขาดทุนการซื้อน้ำมันล่วงหน้า (fuel hedging) มาเป็นระยะเวลานาน คำถามนี้คงต้องรอให้ผู้บริหารการบินไทยตอบให้ชัด ส่วนคำถามที่ประชาคมการบินไทยฝากถามว่าทำไมนางสุวิมล บัวเลิศ ยังคงได้รับค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์คงเดิม เรื่องนี้ผู้เขียนขออนุญาตตอบตามความเข้าใจของตัวเองว่า เนื่องจากค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์เป็นเรื่องที่ผูกพันกับสัญญาการจ้างงาน ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยพลการ แต่คงต้องรอดูต่อไปว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับนางสุวิมลส่วนคำถามที่ว่าแล้วทำไมนางสุวิมลไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งหน้าที่อื่นๆ ที่ตนเองยังรับหน้าที่อยู่ภายในหน่วยงานอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์โยงใยกับการบินไทยนั้น เรื่องนี้ต้องให้นางสุวิมลตอบเอง
ย้อนกลับไปที่เป้าหมายของการฟื้นฟูการบินไทยก็เพื่อให้การบินไทยกลับมาทำธุรกิจได้ โดยทุกภาคส่วนในการบินไทยต้องเสียสละยอมตัดลดรายได้และสวัสดิการของตัวเองลง ต้องลดรายจ่ายบริษัท และหารายได้เพิ่ม ส่วนเจ้าหนี้ก็ต้องยอมลดหนี้ลงบ้าง หรือยอมยืดหนี้ หรือยอมให้แปลงหนี้เป็นทุน
ส่วนคำถามที่ว่าบริษัท EY Corporate Advisory Services เข้ามาทำหน้าที่ที่ปรึกษาให้การบินไทยได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องตอบคำถามกันยืดยาว เพราะมีที่มาที่ไปที่ซับซ้อนพอดู เรื่องนี้ต้องไปซักถามจากกรรมการรายหนึ่งของบริษัทการบินไทย วันหน้าจะมาขยายความเรื่องนี้ให้ทราบ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี