นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด กลายเป็นอัยการที่คนในประเทศให้ความสนใจที่สุดในเวลานี้
เพราะเป็นอัยการผู้ลงนามในคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา (ขณะนั้นเป็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูง รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด) และเป็นคนเดียวกันกับที่ลงนามคำสั่งชี้ขาดไม่อุทธรณ์ คดีฟอกเงินนายพานทองแท้ ชินวัตร ทั้งๆ ที่ ดีเอสไอมีความเห็นแย้งว่าให้อุทธรณ์ต่อศาลสูง เนื่องจากผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนในชั้นต้นได้ทำความเห็นส่วนตนแย้งคำพิพากษาไว้ชัดเจนว่าฝ่ายจำเลยมีความผิด
1.ปัจจุบัน นายเนตร เป็นรองอัยการสูงสุด จ่อเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.นี้
ในขณะที่อัยการสูงสุด นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ จะเกษียณอายุราชการในปีหน้า
ด้วยเหตุนี้ ตำแหน่งรองอัยการสูงสุดของนายเนตร จึงน่าจะเป็นตำแหน่งสูงสุดบนเส้นทางราชการ
ปรากฏว่า ไม่กี่เดือนก่อนเกษียณ นายเนตรก็ทำงานใหญ่
20 ม.ค. 2563 ลงนามคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายบอส-วรยุทธ อยู่วิทยา
24 พ.ค. 2563 มีความเห็นชี้ขาดไม่ยื่นอุทธรณ์คดีฟอกเงินคดีนายโอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร
ทำให้ทั้งสองคดี ไม่ต้องไปต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป คือ ศาลอาญา (คดีบอส) และศาลปราบโกงในชั้นอุทธรณ์ (คดีโอ๊ค) รอดตัวไปท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อครหาจากสังคมอึงมี่
2. กรณีคดีนายบอส-วรยุทธ อยู่วิทยา ทางอัยการได้ตั้งคณะทำงานขึ้นตรวจสอบแล้ว
ล่าสุด นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ตั้งคณะกรรมการ ศ.วิชา มหาคุณ เป็นประธานฯ ขึ้นมาทำหน้าที่ตรวจสอบกรณีคดีนายบอสแล้วเช่นกัน
แต่กรณีคดีฟอกเงินนายพานทองแท้ ชินวัตร ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ แล้วอัยการสูงสุด ก็ยังไม่ได้มีการชี้แจงรายละเอียดต่อสาธารณชนเลย ทั้งๆ ที่ ก่อนหน้านี้ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงาน อสส. เคยแจ้งต่อสาธารณชนว่า อัยการสูงสุดให้รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อชี้แจงต่อสาธารณชน แต่ผ่านไปเดือนกว่า ก็ยังไม่เคยมีการแถลงรายละเอียดต่อสาธารณชนเลย
3. เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ขอให้ดำเนินการรื้อฟื้นคดีฟอกเงินนายพานทองแท้ ชินวัตร เช่นเดียวกับคดีขับรถชนตำรวจของนายวรยุทธ อยู่วิทยา
นายวัชระได้ชูป้ายข้อความว่า “เพื่อความยุติธรรม ขอให้รื้อฟื้นคดีนายพานทองแท้ เช่นเดียวกับคดีนายวรยุทธ” และป้ายข้อความว่า “ไว้อาลัยกระบวนการยุติธรรมไทย” ซึ่งมีโลโก้สำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้แทนรับเรื่อง
นายวัชระแถลงต่อสื่อมวลชนว่า เพื่อให้เป็นกรณีบรรทัดฐานเดียวกัน เพราะเป็นเรื่องทำนองเดียวกันและเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของนายเนตร นาคสุข อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูง รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติหน้าที่แทนอัยการสูงสุดเหมือนกัน และสังคมเกิดความคลางแคลงใจสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐเช่นกัน นั่นคือ คดีหมายเลขดำที่ อท.245/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร ในคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตเงินปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย จำนวน 10 ล้านบาท ในความผิดฐานฟอกเงิน
“การที่นายเนตร รองอธิบดีอัยการปฏิบัติหน้าที่แทนอัยการสูงสุด สั่งไม่อุทธรณ์คดีนายพานทองแท้แทนอัยการสูงสุด จึงเป็นการสั่งตัดตอนความยุติธรรมไม่ให้เข้าสู่การพิจารณาของศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบในชั้นอุทธรณ์ และสร้างความคลางแคลงใจต่อสังคมเป็นอย่างมาก เพราะคำพิพากษาศาลชั้นต้นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะมีความเห็นแย้งให้ลงโทษจำคุกนายพานทองแท้ 4 ปี จึงขอให้อัยการสูงสุดสั่งดำเนินการรื้อฟื้นคดีนายพานทองแท้เป็นการด่วนที่สุด เช่นเดียวกับคดีของนายวรยุทธ
ได้ยื่นหนังสืออีกฉบับถึงนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เพื่อขอให้ ก.อ.พิจารณาทบทวนการสั่งไม่ฟ้องของสำนักงานคดีพิเศษที่ผ่านมา ว่ามีคดีอะไรบ้างกระทบต่อความยุติธรรมและภาพลักษณ์ขององค์กรหรือไม่ เพื่อแก้ไขฟื้นฟูสร้างความเชื่อมั่นให้กับกระบวนการยุติธรรมไทย และพิจารณาให้ความเห็นคดีนายพานทองแท้เป็นการด่วนที่สุด เช่นเดียวกับคดีของนายวรยุทธ”
นักข่าวถามว่า อยากฝากอะไรถึงนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดหรือไม่?
นายวัชระกล่าวว่า ท่านเป็นรองอัยการสูงสุดที่พี่น้องประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ว่า น่าจะเป็นรองอัยการสูงสุดฝ่ายการสั่งไม่ฟ้องคดีพิเศษ เพราะท่านลงนามหมด ไม่ทราบว่า เหตุไฉนจึงเป็นท่าน อยากให้ท่านชี้แจงแต่ละคดีที่ท่านสั่งไม่ฟ้องแก่พี่น้องประชาชน ซึ่งสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ขอถามแทนพี่น้องประชาชนว่าเหตุใดจึงสั่งไม่ฟ้องคดีสำคัญซึ่งเป็นคดีพิเศษของสำนักงานอัยการสูงสุด
4. วันเดียวกัน ทนายเชาว์ มีขวด ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
เรื่อง ขอให้ดำเนินการยื่นคำร้องเพิกถอนคำสั่งชี้ขาดความเห็นแย้ง
กรณีคดีฟอกเงินนายพานทองแท้
ระบุว่า นายเนตร นาคสุข ตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งชี้ขาดใม่ยื่นอุทธรณ์ ทั้งๆ ที่ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นแย้งให้อุทธรณ์และผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนมีความเห็นแย้งให้ลงโทษจำคุกนายพานทองแท้ด้วยจึงสร้างความกังขาให้กับสังคมอย่างมาก
“...ข้าพเจ้าเห็นว่าอำนาจในการทำคำสั่งชี้ขาดคดีนี้ของนายเนตร นาคสุขรองอัยการสูงสุด เป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้ เนื่องจากอำนาจการชี้ขาดความเห็นแย้งกฎหมายบัญญัติไว้ให้เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด ที่ถือเป็นดุลพินิจเฉพาะตัวเฉพาะตำแหน่งทางกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะ และไม่อาจมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำการแทนได้ แม้จะปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุดก็ตาม ตามคำวินิจฉัยอัยการสูงสุดที่ 41/2533 ที่แนบท้ายหนังสือนี้และเทียบเคียงแนวคำสั่งฎีกาที่ 30/2542 นอกจากนี้ ยังเทียบเคียงได้กับเรื่องการรับรองอุทธรณ์หรือฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งในชั้นอุทธรณ์และฎีกาจะแยกอำนาจของอธิบดีอัยการหรืออัยการสูงสุดระบุไว้แจ้งชัด ดังนั้น การสั่งคดีชี้ขาดความเห็นแย้งของนายเนตร รองอัยการสูงสุด ถึงแม้จะอ้างว่าได้รับมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด ก็ไม่สามารถกระทำได้ เพราะขณะสั่งคดีนายเนตรไม่ใช่อัยการสูงสุด
อาศัยเหตุผลทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่กราบเรียนข้างต้น ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่านในฐานะพนักงานสอบสวนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในคดี นำข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายนี้ไปยื่นต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางหรือศาลปกครองกลางเพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งชี้ขาดไม่อุทธรณ์ของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดดังกล่าวเสีย เพื่อให้คดีกลับสู่สถานะเดิมตามกระบวนการกฎหมายที่ถูกต้องชอบธรรมต่อไป..”
ประเด็นสำคัญ คือ ทนายเชาว์เห็นว่า อำนาจการชี้ขาดความเห็นแย้งเป็นดุลพินิจเฉพาะตัวเฉพาะตำแหน่งอัยการสูงสุด แต่รองอัยการสูงสุดกลับใช้อำนาจแทนเสียเอง น่าจะไม่ถูกต้อง จึงขอให้อธิบดีดีเอสไอใช้สิทธิทางศาลดำเนินการเรื่องนี้เพื่อเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมาย
น่าสนใจว่า ทั้งสองกรณี เรื่องจะจบลงอย่างไร? จะตอบคำถามสังคมได้แค่ไหน?
รองอัยการสูงสุด เนตร นาคสุข จะมีความสุขในวัยเกษียณ หรือไม่?
ประเด็นจะพัวพัน พาดพิง ไปถึงใครอีกหรือไม่ ต้องจับตามองต่อไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี