วันจันทร์ ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / เขียนให้คิด
เขียนให้คิด

เขียนให้คิด

เฉลิมชัย ยอดมาลัย
วันอาทิตย์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2563, 02.00 น.
เมื่อคนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่ามีความยุติธรรมจริง สังคมจะลุกเป็นไฟ

ดูทั้งหมด

  •  

ความยุติธรรมมีอยู่จริงในสังคมไทยหรือ คำถามนี้บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าผู้ตั้งคำถามเช่นนี้น่าจะมีข้อเคลือบแคลงสงสัยในความยุติธรรมของสังคมไทยไม่มากก็น้อย การตั้งคำถามเช่นนี้นับว่ามีประโยชน์มาก ถ้าหากผู้ตั้งคำถามนี้ไม่ได้ตั้งคำถามเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แต่เป็นการตั้งคำถามเพื่อผลประโยชน์ของสาธารณชน 

คนที่ร้องตะโกนหาความยุติธรรม เมื่อตนเองตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่กลับไม่เคยตั้งคำถามหรือคำนึงถึงความยุติธรรมแม้แต่น้อย ในเวลาที่ตนเองเป็นฝ่ายกระทำต่อผู้อื่น คนพรรค์อย่างนี้ไม่ใช่ผู้ยึดมั่นและศรัทธาในความยุติธรรมโดยแท้ แต่ทว่าเป็นแค่เพียงคนผู้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น


ความยุติธรรมที่แท้จริงของสังคมมนุษย์ต้องไม่จำกัดอยู่แค่เพียงผลประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง หรือเพื่อความอยู่รอดของใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่ต้องเป็นผลประโยชน์ของคนทุกคน และทุกสรรพสิ่งในสังคม 

แม้คำว่าความยุติธรรมจะมีความเป็นนามธรรมสูงมาก แต่ถึงกระนั้น ผู้คนที่มีความละเอียดอ่อนของจิตใจโดยแท้ก็สามารถสัมผัสและรับรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่ายุติธรรมได้โดยสัญชาตญาณ ด้วยความรู้สึก โดยไม่ได้มองว่าความยุติธรรมเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง

ขอถามคุณๆ ผู้อ่านว่า คุณเคยตั้งคำถามนี้หรือไม่ สังคมไทยมีความยุติธรรมจริงๆ หรือ หากคุณเคยตั้งคำถามเช่นนี้ ขอถามคุณต่อไปว่า คุณตั้งคำถามนี้ด้วยเหตุผลใด แล้วขอถามต่อไปด้วยว่า คุณยังเชื่อมั่นและศรัทธาในความยุติธรรมอยู่หรือไม่

ถ้าเช่นนั้นผู้เขียนขอถามต่อไปอีกว่า คุณคิดว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยมีปัญหาหรือไม่ และมีอีกหนึ่งคำถามสำคัญคือ คุณเชื่อมั่นในตัวบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมไทยทุกคนหรือไม่ 

มีคำถามพื้นๆ คือ หากกระบวนการยุติธรรมของไทยไม่มีปัญหา แล้วทำไมจึงมีคดีความต่างๆ ค้างคาอยู่บนศาล โดยเฉพาะคดีอาญาค้างคากว่า 7 แสนคดี ส่วนคดีแพ่งยังค้างคาอีกกว่า2 ล้านคดี เรื่องนี้ยิ่งขุดคุ้ยก็ยิ่งพบประเด็นปัญหามากมายจนเกินจะบรรยาย

แต่ยังมีอีกประเด็นที่น่าคิดน่าค้นมากคือ ทำไมผู้ต้องขังในประเทศไทยจึงมีจำนวนมากมายจนกลายเป็นปัญหาคนล้นคุก แล้วคนที่ติดคุกทุกคนคือคนทำความผิดจริงหรือไม่ ส่วนคนบางคนที่สังคมมั่นใจว่ากระทำผิดจริง แล้วทำไมไม่ติดคุก เรื่องนี้ก็น่าค้นหาคำตอบเช่นกัน

คุณคงพอจะทราบบ้างแล้วใช่ไหมว่า คนจำนวนไม่น้อยต้องถูกคุมขังหรือติดคุกเพราะไม่มีเงินประกันตัว ซึ่งคนกลุ่มนี้เรียกว่าผู้ต้องคดีระหว่างขัง หรือระหว่างฝากขัง ซึ่งคนกลุ่มนี้ยังไม่ได้ถูกพิพากษาเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่กลับถูกกักขังไว้ก่อน ดังนั้นก็เข้าตำราว่า คุกไทยใช้ขังคนที่ยังถือว่าบริสุทธิ์จำนวนไม่น้อย จากสถิติพบว่าผู้ต้องขังทั่วประเทศของไทยมีจำนวนประมาณ 3 แสน 5 หมื่นคนซึ่งมีประมาณร้อยละ 20 หรือราวๆ 7 หมื่นคน เป็นผู้ต้องขังจำพวกฝากขัง ดังนั้นจึงมีคำถามว่า ก็ในเมื่อยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วทำไมจึงนำตัวของคนเหล่านั้นไปกักขังในคุกได้ คำตอบคือ นี่เป็นเพราะผลของกระบวนการยุติธรรมไทย แล้วก็นำไปสู่คำพูดที่ว่า คุกไทยมีไว้ขังคนจน แล้วก็มีคนบางกลุ่มพูดแรงกว่านี้คือ คุกไทยมีไว้ขังหมาเมื่อมีประเด็นเช่นนี้ขึ้นมาก็จึงทำให้เกิดคำถามตัวโตๆ ว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยเชื่อถือได้จริงๆ หรือ

คำอีกคำหนึ่งที่สังคมไทยพูดกันบ่อยๆ คือกฎหมายไทยเอาผิดคนรวยล้นฟ้า และคนมีอำนาจรัฐ และอำนาจอิทธิพลเถื่อนไม่ได้ จนทำให้เกิดข้อสรุปว่า คุกไทยมีไว้ขังคนจน นี่คือคำพูดที่สะท้อนความรู้สึกของคนจำนวนไม่น้อยในสังคมไทย และสะท้อนกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และที่สำคัญคือสะท้อนตัวบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมของไทยด้วย 

ตัวอย่างกรณีขับรถยนต์ไปชนคนจนถึงแก่ความตาย เรื่องนี้หากคนรวยก่อคดีนี้ เขาจะได้รับการประกันตัว เพราะเขามีเงินประกันตัวได้ ส่วนคนจนที่ไม่มีปัญญาหาเงินไปประกันตัว ก็ต้องติดคุกไปก่อน ดังนั้นจึงพบเสมอๆ ว่าคนมีเงินหรือคนรวยมักจะรอดจากคุกได้ง่ายกว่าคนจน และอาจจะพูดไกลไปจนถึงว่าคนรวยสามารถหลุดรอดจากความผิดในการพิจารณาคดีในกระบวนการยุติธรรมได้ง่ายกว่าคนจน

สาเหตุที่คนรวยไม่ต้องติดคุกทั้งๆ ที่ทำความผิดฐานเดียวกับคนจนก็เพราะกลไกในกระบวนการยุติธรรมของไทยกำหนดไว้ เช่น การประกันตัวผู้กระทำความผิด มีการพิจารณาหลักทรัพย์ในการขอประกันตัว โดยการเรียกหลักทรัพย์ประกันก็มาจากฐานความผิด แต่ไม่เคยดูถึงเศรษฐสถานะของผู้กระทำความผิด เมื่อเป็นเช่นนี้คนรวยกับคนจนก็ต้องจ่ายเงินประกันตัวในวงเงินเท่ากัน ดังนั้นคนที่ไม่มีเงินจ่ายค่าประกันก็ต้องติดคุกไปก่อน  

ถามว่าเมื่อคนรวยจ่ายเงินค่าประกันตัวแล้ว คนรวยจะกลับมาฟังคำพิพากษาหรือไม่ คำตอบก็เห็นชัดๆ อยู่แล้วว่า คนรวยจำนวนมากที่ต้องคดี ก็หลบหนีคดีไปเลย อย่าลืมว่าคนรวยมีเงิน เพราะฉะนั้นเมื่อเขามีเงินและมีช่องทางหลบหนีคดีได้ เขาก็ไม่มีทางอยู่ให้ต้องรับโทษส่วนคนไม่มีเงินนั้น นอกจากไม่มีเงินประกันตัวแล้ว ยังไม่มีปัญญาหลบหนีออกนอกประเทศได้อีก

ถามต่อไปว่า เรื่องพื้นๆ เช่นนี้ ทำไมบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมไทยไม่มีปัญญารับรู้เรื่องเช่นนี้ หรือว่ารู้อยู่เต็มอก แต่ก็ไม่เคยนำพากับข้อเท็จจริงดังกล่าว เพราะไม่เคยสนใจความเดือดร้อนของคนยากคนจน คนตัวเล็กตัวน้อย หรือบางคนก็วิพากษ์ว่ารู้ แต่ก็ปล่อยให้เกิดปัญหานี้ต่อไป เพราะเมื่อปล่อยปัญหานี้ไว้แล้วอาจทำให้บุคลากรในกระบวนการยุติธรรมบางคนได้ผลประโยชน์ส่วนตัวและทำให้เกิดอาชีพนายหน้าประกัน รวมถึงพวกตีนโรงตีนศาล 

หากกระบวนการยุติธรรมของไทยไม่มีปัญหาจริงๆ ปัญหาต่างๆ ตามที่ระบุในข้างต้นนี้ก็น่าจะหมดสิ้นไปจากสังคมไทยตั้งนานแล้ว อันที่จริงนั้น ได้มีความพยายามมานานแล้วที่จะปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งก็ได้มีการปรับปรุงมาเป็นลำดับ แต่ก็ยังคงมีปัญหาอยู่อีกมาก สาเหตุหนึ่งที่ไม่สามารถแก้ปัญหาในกระบวนการยุติธรรมไทยได้นั้นก็เพราะบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมของไทยจำนวนไม่น้อยคือต้นเหตุของปัญหา ดังนั้นต่อให้แก้ให้ปรับกระบวนการยุติธรรมอย่างไร ก็ไม่สามาถทำให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นได้จริง เพราะยังมีตัวอุปสรรคสำคัญคือบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม

มีประเด็นสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ ส่วนใหญ่ของผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดไม่ทราบสิทธิ์ว่าเขามีสิทธิ์ใดๆ บ้าง เช่น หากไม่มีเงินค่าปรับก็สามารถทำงานแทนค่าปรับได้ เมื่อยอมทำงานแทนค่าปรับก็ไม่ต้องติดคุก ปัญหานี้เกิดจากบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมของไทยจำนวนไม่น้อยไม่แจ้งสิทธิ์ให้ผู้ถูกกล่าวหาว่าการทำผิดได้ทราบ  

ต้องขอย้ำว่า ในความเป็นจริงนั้น ในบ้านเมืองของเรามีความพยายามปรับปรุงแก้ไขเพื่อพัฒนากระบวนการยุติธรรมของไทยให้ดีขึ้นมาโดยตลอด แต่อุปสรรคสำคัญอยู่ที่ตัวของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม การจะลดปัญหาและอุปสรรคนี้ลงได้ต้องอยู่ความใส่ใจของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม คือจะต้องแจ้งสิทธิ์ทั้งหมดให้ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดรับทราบทั้งหมด แล้วให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ตัดสินใจเลือก ไม่ใช่ปกปิดการแจ้งให้รับรู้สิทธิ์ แล้วเร่งรัดทำคดีให้ผ่านไป

ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น เราจะเห็นว่าประเทศเหล่านั้นมีคนมากมายกว่าไทย แต่ทำไมจำนวนคดีความในศาลของเขามีน้อยกว่าประเทศไทย นั้นเป็นเพราะเขามีกระบวนการที่เหมาะสมที่ทำให้คดีไม่ต้องวิ่งไปสู้ศาลทุกคดี แต่นั้นก็หมายความว่าผู้คนในประเทศนั้นต้องมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมอย่างมากเช่นกัน ซึ่งความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของประชาชนก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและความประพฤติของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมเป็นสำคัญ แต่สำหรับในประเทศไทยนั้น คนจำนวนไม่น้อยไม่ค่อยจะให้ความไว้วางใจ และให้ความเชื่อมั่นในตัวของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมมากนัก ดังนั้นจึงนำไปสู่เรื่องที่ผู้เสียหายนำคดีไปฟ้องร้อง เนื่องจากไม่ไว้วางใจในตัวอัยการ และยังไม่เชื่อมั่นในระบบราชการอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้คดีความในประเทศไทยมีจำนวนมากจนล้นศาล

นอกจากนี้ยังมีเรื่องการฟ้องร้องเพื่อกลั่นแกล้งกัน เช่น ฟ้องร้องเพื่อบังคับให้ชดใช้หรือชำระหนี้สิน ซึ่งเรื่องทำนองนี้คือมูลเหตุสำคัญอีกประการที่ทำให้คดีความล้นศาล

อย่างไรก็ตาม เรื่องการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดีนั้น ต้องมีหลักการและหลักเกณฑ์ที่อัยการสามารถตอบคำถามสังคมโดยกระจ่างชัดได้ ไม่ใช่ทำตามอำเภอใจ หรือทำตามอำนาจรัฐ อำนาจเงิน และอำนาจเถื่อนอื่นๆ เมื่อสังคมไว้วางใจอัยการก็จะทำให้สังคมหมดความสงสัยในกระบวนการยุติธรรมได้ในระดับหนึ่งแล้วก็ทำให้คดีความไม่ขึ้นไปรกโรงรกศาล 

ปัญหาใหญ่ของสังคมไทยที่เกิดขึ้นมานานแล้วคือ คนจำนวนไม่น้อยไม่ไว้วางใจกระบวนการยุติธรรม หรือหากจะพูดให้ตรงประเด็นคือ คนไทยจำนวนไม่น้อยไม่ศรัทธาตัวของบุคลากรจำนวนหนึ่งในกระบวนการยุติธรรม หากยังคงปล่อยให้เกิดปัญหาเช่นนี้ไปเรื่อยๆ แล้ว จะนำไปสู่ปัญหาความไร้เสถียรภาพ ความโกลาหล และอาจเกิดเหตุมิคสัญญีได้ในสังคม

ดังนั้นบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมของไทยจำเป็นต้องสร้างความศรัทธา ความไว้วางใจ ความโปร่งใส ความตรงไปตรงมาให้บังเกิดกับสาธารณชนโดยเร็ว หากปล่อยให้เกิดปัญหาไร้ศรัทธา ไร้ความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกระบวนการยุติธรรมแล้ว สังคมไทยจะลุกเป็นไฟได้ในอนาคต

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
14:58 น. ‘อสส.-อดีต อสส.’มอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานบุคลากร สนง.อัยการสูงสุดที่เรียนดี-รายได้น้อย
14:51 น. บึงกาฬคึกคัก!แห่ร่วมกิจกรรม'แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน–วิ่ง–ปั่น ป้องกันอัมพาต'รักสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ
14:49 น. 'ก่อแก้ว' โหนเด็กอัด 'อภิสิทธิ์' เป็นสิ่งชำรุดทางการเมือง
14:47 น. ‘เพื่อไทย’เตรียมเปิดตัวบ้านใหญ่‘อัศวเหม’ ลุ้นทัน 7 พ.ย.นี้
14:42 น. ซีพีแรมเผยความสำเร็จ'ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน' ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ปลูกป่ากว่า 65,000 ต้น
ดูทั้งหมด
พร้อมกันหรือยัง!!! เปิดภาพพยากรณ์อากาศ 12-13 พ.ย. อุณหภูมิเย็นลงอีกครั้ง
มิติใหม่! 'หน้าเหมือนองค์หญิงมาก องค์หญิงจ๊ะ' สมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ทรงไลฟ์สดแต่งพระพักตร์ครั้งแรก (ชมคลิป)
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 2-8 พ.ย.68
(คลิป) 'สุภาพ-เรียบร้อย-ก้าวร้าว' เปรียบเทียบวุฒิภาวะ 3 รัฐมนตรีหญิง
ดูทั้งหมด
แบงก์ชาติต้องเข้ามาแทรกแซงค่าเงินบาทให้อ่อนตัวโดยเร็ว
ความทรงจำถึงพระองค์ท่าน จากหอประชุมจุฬาฯ สู่สวนจิตรลดา (1)
เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน
ฝ่ายทำงานจริง กับฝ่ายรอปั่นกระแส สร้างวาทกรรม
บุคคลแนวหน้า : 3 พฤศจิกายน 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'ก่อแก้ว' โหนเด็กอัด 'อภิสิทธิ์' เป็นสิ่งชำรุดทางการเมือง

‘เพื่อไทย’เตรียมเปิดตัวบ้านใหญ่‘อัศวเหม’ ลุ้นทัน 7 พ.ย.นี้

‘ปชป.’เปิดตัวคนรุ่นใหม่สงขลาทายาทเสนเนียม ‘น้องภู สิทธิพัฒน์’เสนอตัวลง‘สส.เขต 4’

'ฮุน มาเนต'ต่อสายคุย'ผอ.เอฟบีไอ' จับมือปราบอาชญากรรมข้ามชาติ

อธ.อัยการสอบสวน เตรียมชงคดีพระคึกฤทธิ์ ให้อัยการสูงสุด ชี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร

'ไชยชนก' นำทัพดีอี จับมือ Google Cloud ให้นักศึกษาใช้ Google AI Pro ฟรี

  • Breaking News
  • ‘อสส.-อดีต อสส.’มอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานบุคลากร สนง.อัยการสูงสุดที่เรียนดี-รายได้น้อย ‘อสส.-อดีต อสส.’มอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานบุคลากร สนง.อัยการสูงสุดที่เรียนดี-รายได้น้อย
  • บึงกาฬคึกคัก!แห่ร่วมกิจกรรม\'แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน–วิ่ง–ปั่น ป้องกันอัมพาต\'รักสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ บึงกาฬคึกคัก!แห่ร่วมกิจกรรม'แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน–วิ่ง–ปั่น ป้องกันอัมพาต'รักสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ
  • \'ก่อแก้ว\' โหนเด็กอัด \'อภิสิทธิ์\' เป็นสิ่งชำรุดทางการเมือง 'ก่อแก้ว' โหนเด็กอัด 'อภิสิทธิ์' เป็นสิ่งชำรุดทางการเมือง
  • ‘เพื่อไทย’เตรียมเปิดตัวบ้านใหญ่‘อัศวเหม’ ลุ้นทัน 7 พ.ย.นี้ ‘เพื่อไทย’เตรียมเปิดตัวบ้านใหญ่‘อัศวเหม’ ลุ้นทัน 7 พ.ย.นี้
  • ซีพีแรมเผยความสำเร็จ\'ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน\' ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ปลูกป่ากว่า 65,000 ต้น ซีพีแรมเผยความสำเร็จ'ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน' ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ปลูกป่ากว่า 65,000 ต้น
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

กองทัพไทยกับการสนับสนุนจากประชาชน

กองทัพไทยกับการสนับสนุนจากประชาชน

2 พ.ย. 2568

พระจะครองกมลไทยไปชั่วกาล

พระจะครองกมลไทยไปชั่วกาล

26 ต.ค. 2568

ของฟรีไม่มีบนโลก มีแต่คำโกหกจากนักการเมือง

ของฟรีไม่มีบนโลก มีแต่คำโกหกจากนักการเมือง

19 ต.ค. 2568

สื่อฯ ทาส หรือทาสสื่อฯ

สื่อฯ ทาส หรือทาสสื่อฯ

12 ต.ค. 2568

ขออภัยโทษ แต่ไม่รับโทษ

ขออภัยโทษ แต่ไม่รับโทษ

5 ต.ค. 2568

ทักษิณ ชินวัตร จงใจเป็นข่าวตลอดเวลา

ทักษิณ ชินวัตร จงใจเป็นข่าวตลอดเวลา

28 ก.ย. 2568

เพื่อไทยจะส่งพจมานไปแก้เกมการเมือง หรือไม่

เพื่อไทยจะส่งพจมานไปแก้เกมการเมือง หรือไม่

21 ก.ย. 2568

เพ้อพล่ามตามแบบคนสอนหนังสือที่เลื่อนลอย

เพ้อพล่ามตามแบบคนสอนหนังสือที่เลื่อนลอย

14 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved