ราชอาณาจักรไทยเป็นรัฐชาติ (Nation State) ที่คงความเป็นเอกราช ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและท้าทายต่างๆ ของโลกร่วมสมัยมาโดยตลอด
ฉะนั้น ราชอาณาจักรไทยจึงมีความเป็นพิเศษและโดดเด่น คนไทยจึงมีความเป็นอิสระเสรีจากการครอบงำของต่างชาติ มีความภาคภูมิใจและมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นไท
เมื่อไทยเป็นราชอาณาจักร องค์ประมุขก็คือ พระมหากษัตริย์ ซึ่งตามขนบธรรมเนียมประเพณีนั้น ทรงเป็นพุทธมามกะ และทรงธรรม และจะต้องดำรงพระองค์เพื่อความผาสุก และความเจริญก้าวหน้าของราษฎร หรือประชาชนพลเมือง ในอดีตทรงเป็นเจ้ามหาชีวิตและเจ้าแผ่นดินทั้งปวง แต่เมื่อเดือนมิถุนายน 2475 มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจนบัดนี้เปนปีที่ 89 แล้ว ประเทศไทยยังคงความเป็นราชอาณาจักรไทยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประมุขและทรงอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ควบคู่กับการเป็นสังคมเสรีประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ผ่านการเลือกตั้งโดยการแข่งขันกันระหว่างพรรคการเมือง
นอกจากนั้น ราชอาณาจักรไทยโดยตลอดมา ยังเป็นสังคมแห่งศาสนา และความเชื่อถือดั้งเดิม ซึ่งมีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม ที่มุ่งให้ผู้คนอยู่ร่วมกันด้วยการอยู่ในศีลในธรรมและเจริญธรรมโดยไม่เบียดเบียน ไม่ข่มเหง ไม่เอารัดเอาเปรียบ โดยปฏิบัติดีต่อกันตามภาระหน้าที่และเอื้ออาทรช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ราชอาณาจักรไทยมีผู้คนที่หลากหลาย หลายชาติพันธุ์ หลายประเพณีวัฒนธรรม จึงถือเป็นพหุสังคม หรือพหุวัฒนธรรม ที่ต่างอยู่ด้วยการยอมรับและเคารพซึ่งกันและกัน และทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาและรักษาอัตลักษณ์ของตน การใช้อำนาจโดยมิชอบมักจะก่อให้เกิดการคัดค้าน สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยใช้สิทธิหน้าที่ในการแสดงออกและใฝ่หาความยุติธรรมและเที่ยงธรรม
ราชอาณาจักรไทยคงอยู่มาได้ด้วยความสมัครสมานสามัคคี และผู้ปกครองต่างๆ ประพฤติชอบ อุทิศตนเพื่อส่วนรวม และไม่ทำตนใดๆ ให้เป็นปัญหา หรือเป็นเหตุของการขัดแย้ง และเหตุของความอ่อนแอ อ่อนเปลี้ยของประเทศชาติ
ประเพณีวัฒนธรรมของไทยคือ การพึ่งพาอาศัยกัน การปฏิบัติต่างตอบแทน แต่ทั้งหมดตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องชอบธรรม ฉะนั้น การพึ่งพากัน หรือการปฏิบัติต่างตอบแทนกันในทางที่ผิดนั้น ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยประการใดทั้งสิ้น บุญคุณต้องทดแทน ต้องเป็นบุญคุณที่เกิดขึ้นด้วยธรรม มิใช่ด้วยอธรรม
ราชอาณาจักรไทยท่ามกลางแหลมสุวรรณภูมินั้น แสนจะโชคดีเพราะอุดมสมบูรณ์ โดยอยู่ และพึ่งพาธรรมชาติแวดล้อมมาโดยตลอด คนไทยจึงอยู่กับธรรมชาติแวดล้อม ด้วยความเคารพ ด้วยความทะนุถนอม ซึ่งเชื่อว่า การทำลายธรรมชาติแวดล้อมเป็นบาป และบาปนั้นให้โทษแก่มวลมนุษย์ การรักษาและอยู่กับธรรมชาติเป็นหลักคำสอนของพุทธศาสนา จึงมิใช่ของใหม่สำหรับชาวไทย และมิใช่การคล้อยตามความคิดของต่างชาติ
วัดวาอาราม โบสถ์ สุเหร่า เป็นเวทีเพาะการเสวนาเพื่อร่วมมือกัน ทั้งในทางสร้างสรรค์ และในการแก้ปัญหา สะท้อนว่าราชอาณาจักรไทยเป็นสังคมแห่งการพูดจา หันหน้าเข้าหากัน ร่วมคิด ร่วมใจ ร่วมแรงกัน แต่พวกเราในวันนี้กลับลืมเลือน หันไปยึดมั่น จนเกิดการแตกแยก ชิงดีชิงเด่น และคล้อยไปกับลัทธิวัตถุนิยม
ประเทศเมื่อยังมีอยู่ ประชาชนก็ต้องช่วยกันรักษา ทำนุบำรุง ซึ่งก็ถึงเวลาแล้วที่ไทยเราจะหันกลับไปดูตัวเราเอง หันไปหารากฐานดั้งเดิมอันแท้จริง แล้วเราจะเห็นได้ว่า อิทธิพลแห่งความคิดและการปฏิบัติที่ไทยเรารับมานั้น มิใช่ของใหม่สำหรับไทยเรา แต่เรารับอิทธิพลเขามาโดยมิได้คิดและตระหนักว่า ไทยเรามีอะไร และจะผสมผสาน ปรับแต่ง ให้เหมาะสมได้อย่างไร
ราชอาณาจักรไทยมีความเป็นสากลอยู่เดิมในตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอยู่กับกฎเกณฑ์ การอยู่กับหลักธรรม การเคารพในหลักแห่งความเสมอภาค การเคารพในเรื่องสิทธิเสรีภาพและคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งตลอดร่วม 100 ปีมานี้ เราคิดว่าเป็นของฝรั่งมังค่า ทั้งที่เรามีอยู่พร้อมมูล เพียงแต่ว่าเราต้องกลับมาทบทวน ค้นคว้า และนำมาใช้
ราชอาณาจักรไทยก็จะเป็นประชาธิปไตยได้ไม่น้อยหน้าใคร เป็นสังคมแห่งการเคารพกฎเกณฑ์กติกา และที่อยู่ในธรรมะ ทุกคนรู้ซึ่งสิทธิและหน้าที่รับผิดชอบ
ในอดีต กษัตริย์ไทย หรือผู้ปกครอง เป็นผู้นำในการรักษาควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุง ซึ่งในการเมืองการปกครองในยุคสมัยนี้ อำนาจหน้าที่รับผิดชอบอยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลเป็นสำคัญ เมื่อราชอาณาจักรไทยติดสันดอนในหลายเรื่อง ผู้ปกครองบ้านเมืองก็ต้องสลัดความนึกคิดเพื่อตนเอง สละความคับแค้นในหัวใจ ความทึบในความรอบรู้ ต้องทำตนเป็นผู้มีหูฟัง ตาสว่าง ความคิดแจ่มใส และจิตใจอยู่กับธรรมะ
ต่างต้องตระหนักว่า ราชอาณาจักรจะมืดมนได้ ก็เพียงเพราะผู้นำ ผู้ปกครองเป็นสาเหตุแห่งปัญหา ผู้นำจึงต้องไม่มัวกระทำตนเช่นนั้น หากแก้ไขไม่ได้ ก็ควรได้เปิดใจให้กับตัวเอง ก้าวออกมาจากวังวน และเปิดทางให้กับคนที่เหมาะสมกว่าในราชอาณาจักรไทย ได้เข้ามาทำหน้าที่แทนตนเอง
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี