ม็อบ 19-20 ก.ย.2563 ที่คุยไว้อย่างเบิ้มๆ จบลงแบบมุ้งมิ้งกลิ้งหลุนๆ
บทเรียนความล้มเหลวครั้งนี้ ทำให้คนไทย “ตาสว่าง” อย่างไรบ้าง?
1. นายไพศาล พืชมงคล ซึ่งช่วงหลังแสดงความเห็นโจมตีรัฐบาลพลเอกประยุทธ์อย่างต่อเนื่อง ให้ความเห็นว่า ม็อบ 19 กันยา ไม่ชนะ!!!
“1. เกิดความสับสนในการนำ ว่าจะชูธง 10 ข้อ หรือชูธง 3 ข้อ ทำให้มวลชนลังเล
2.ในขณะประกาศว่าจะเคลื่อนม็อบไปทำเนียบ แต่มีข่าวว่าจะไปลานพระบรมรูปทรงม้า ทำให้มวลชนกลัวว่าจะถูกหลอกไปเป็นเครื่องมือชนกับสถาบัน จึงรั้งรอไม่เข้าร่วม
3. นักศึกษามาร่วมน้อยกว่าที่คาด กำลังส่วนใหญ่เป็นอดีตคนเสื้อแดง
4. แกนนำ 10 ข้อ ตีปี๊บสร้างข่าวว่า คนส่วนใหญ่เอาด้วยกับม็อบ 10 ข้อนั้น คราวนี้จะได้เห็นของจริง จะโดดเดี่ยวมากขึ้น
5. ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อว่าคุณสมศักดิ์และคุณปวินเป็นผู้นำม็อบ 10 ข้อ และส่วนใหญ่ก็รู้กันดีว่า ชาติไหนบงการชักใยอยู่ข้างหลังซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนไทยต้องการ”
2. นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ระบุว่า
“เมื่อ 20 กันยายน ม็อบปลดแอกได้ทำสิ่งที่คิดว่าเซอร์ไพรส์สุดๆ ส่งมอบหนังสือถวายฎีกาถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่าน ผบช.น. และได้อ่านรายละเอียดในหนังสือฎีกา
สาระสำคัญของฎีกาที่คุณรุ้งได้อ่านต่อหน้าผบช.น. และสื่อนำมาถ่ายทอดออกอากาศ คือ ให้พระมหากษัตริย์ปฏิรูปโดยยึด 10 ข้อเรียกร้องเมื่อ 10 สิงหาคม จะไม่ขอเผยแพร่ซ้ำ
ส่วนข้อฎกาที่ให้นายกฯลาออก และให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพระองค์ ม็อบต้องไปพูดกับนายกฯ เรียกร้องกับรัฐสภา
พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง พระมหากษัตริย์ทรงสั่งใครไม่ได้ รัฐบาลและรัฐสภาต้องกราบบังคมทูลเรื่องต่างๆ เพื่อขอให้พระองค์ทรงลงพระปรมาภิไธย จึงจะประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ และทุกครั้งต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ซึ่งจะเป็นเจ้าของหนังสือที่กราบบังคมทูลนั่นคือผู้รับผิดชอบตัวจริง
หากเป็นร่างกฎหมายที่ผ่านสภา และพระองค์ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธยภายใน 90 วัน รัฐสภาสามารถถวายคืนให้ทรงลงพระปรมาภิไธย หากไม่ทรงเห็นด้วยภายใน 30 วันให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายได้เลย แปลว่าพระมหากษัตริย์มิได้ทรงมีอำนาจอะไรเหนืิอรัฐสภาของประชาชนเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ ข้อเรียกร้องไม่ยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงชาติให้ประท้วงด้วยการชูสามนิ้ว หากไม่กลัวผิดกฎหมาย ทำแล้วสบายใจ แต่อยากถามดังๆ ว่า ตกลงคนมาม็อบนี้ไม่ใช่คนไทยไม่มีความภูมิใจในชาติ เป็นลูกหลานต่างด้าวหรือไง ถึงไม่เคารพเพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมี
ฟังคำฎีกาแล้วตกใจ ทำไมถึงได้เหิมเกริม สิ้นคิดขนาดนี้ นี่หรือปัญญาชนกับพ่อกับแม่ของเราเอง ยังไม่กล้าพูดขนาดนี้ แต่นี่มันหนังสือฎีกาถึงองค์พระประมุข สถาบันสูงสุดของประเทศ ศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งชาติฝากความหวังไว้กับรุ่นใหม่กลุ่มนี้ยากจริงๆ...”
3. คุณวรวรรณ ธาราภูมิ เขียนเรื่อง “ความคาดหวังกับความจริงเรื่องม็อบ 19 ก.ย. 2563”
เนื้อหาถูกแชร์ต่อเยอะมาก เพราะเป็นคนในแวดวงตลาดทุนที่ไม่ใช่ว่าสนับสนุนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทุกเรื่องไป เนื้อหาระบุใจความสำคัญว่า
“ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าคาดหวังว่าจะได้รับฟังแนวคิดที่มีประโยชน์และอาจจะแตกต่าง จากคนรุ่นหลาน อยากรู้จริงๆ ว่าเขาต้องการอะไรถึงได้ก่อม็อบ และคาดหวังว่าแนวคิดเหล่านั้นจะนำพาไปสู่การปรับปรุงแนวปฏิบัติของชนชั้นปกครองได้
ข้าพเจ้าคาดหวังว่าจะได้เห็นนักศึกษาขึ้นเวที แสดงวิสัยทัศน์ของตนต่ออนาคตของประเทศซึ่งต่อไปก็จะอยู่ในมือของพวกเขา เพื่อให้คนรุ่นเราไม่ว่ารัฐบาล / สส. ทุกพรรค / สว. / นักธุรกิจทั้งหลาย / รวมไปถึงพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ จะได้รับรู้ว่าลูกหลานกำลังมีปัญหาที่ตรงไหน และเขามองพวกเราอย่างไร
ข้าพเจ้าคาดหวังว่าจะมีหลานๆ สักคนขึ้นเวทีแล้วถามถึงแนวทางของรัฐในการรับมือกับอนาคตที่ตนเองจะไม่มีงานทำเพราะเทคโนโลยีที่มาทดแทนได้...เพื่อให้รัฐบาลนำไปเป็นโจทย์ที่ต้องแก้ไข ป้องกันล่วงหน้า อย่างจริงจัง
ข้าพเจ้าคาดหวังว่าจะมีใครที่ตอกย้ำถึงความไม่เสมอภาคในกระบวนการยุติธรรม และความอ่อนแอขององค์กรอิสระที่น่าจะทำตัวไม่อิสระแล้วในหลายๆ กรณี
ข้าพเจ้าคาดหวังว่าหลานๆ จะเสนอแนวคิดในการเดินหน้าอนาคตไทยอย่างสร้างสรรค์ ในมุมมองของเขา
ข้าพเจ้าคาดหวังว่าจะมีคนพูดเรื่องข้อดีข้อเสียของการมี สว.แบบปัจจุบัน รวมไปถึงการนับคะแนนเลือกตั้งที่เอามาหารด้วยสูตรประหลาดที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ
ข้าพเจ้าคาดหวังว่าจะมีนักศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์สักคน ที่สามารถชี้แนวทางใหม่ที่ปฏิบัติได้จริงในเรื่องทุนนิยม การผูกขาด และความเหลื่อมล้ำ
ข้าพเจ้าคิดเรื่อยเปื่อยไปจนถึงว่าจะมีนักเรียน นักศึกษา สักคนมาพูดถึงภัยอันตรายที่วัยรุ่นต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคุกคามทางเพศ เว็บการพนัน และยาเสพติด
แล้วข้าพเจ้าก็พบว่าความจริงที่ได้จากม็อบ ว่ามันคือความตั้งใจในการโจมตี บั่นทอนคุณค่าของพระมหากษัตริย์
มีเท่านี้จริงๆ
มีแม้กระทั่งจะให้แก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ในหลวงไปขึ้นศาลเมื่อมีการฟ้องร้อง ฯลฯ รวมไปถึงกระทบกระทั่งทางอ้อมต่อพ่อหลวง ร.9 กรณีสวรรคตของ ร.8 ฯลฯ
แล้วก็จบด้วยคำขู่ตามภาพแรกที่เป็นตอนท้ายคำปราศรัยของคุณทนายอานนท์
ถ้านี่คือเป้าหมายของม็อบ ข้าพเจ้าก็ไม่หวังอะไรจากลูกหลานที่ชูสามนิ้วอีกแล้ว เนื่องจากข้าพเจ้าไม่เห็นคุณค่าของการจัดม็อบตามที่คาดหวังเลยรวมถึงไม่เห็นประโยชน์ของการจะสนับสนุน เพราะการปักหมุดคณะราษฎรการย่ำยีสถาบันสูงสุดในแบบที่ทำ มันมิได้ทำให้คนกินดีอยู่ดี มิได้ลดความเหลื่อมล้ำ มิได้ทำให้เกิดความสามัคคีในคนไทยด้วยกันเลยสักนิด
แถมยังไปช่วยผลักดันคนที่กำลังหงุดหงิดกับรัฐบาล ทำให้เขาจำต้องเลือกข้างนายกฯ อีกครั้ง เพราะทนรับฟังพวกท่านก้าวร้าวต่อสถาบันสูงสุดไม่ไหว
ก็แปลกใจที่คนรุ่นใหม่ยังฝังใจกับพิธีกรรม ถึงขั้นตอกหมุดคณะราษฎรอีกครั้ง ... ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะทำอะไรไร้สาระแบบนี้
สรุปคือผิดหวังมาก
ใครจะโกรธเกลียดที่ข้าพเจ้าคิดเห็นอย่างนี้ก็ตามใจท่าน แต่ก่อนคิด ก่อนออกความเห็น ข้าพเจ้าได้รับฟัง ได้ศึกษาข้อมูลจริงด้วยตนเอง แล้วคิดอย่างไร ก็แสดงออกมาตรงๆ ตามนี้
ข้าพเจ้าก็คงต้องแสวงหาแนวทาง แนวร่วม ที่คิดแบบเดียวกัน เพื่อทำให้เราพ้นจากวังวนอุบาทว์ทั้งหลาย ต่อไป เพราะไม่สามารถฝากอนาคตประเทศไว้กับพวกท่านได้ตามที่เคยคิดหวัง”
4. แค่ความเห็นของ 3 ท่านนี้ สะท้อนบทเรียนที่สังคมไทยได้เห็นจากความล้มเหลวของม็อบ 19-20 ก.ย.2563 ได้เป็นอย่างดี
ทุกฝ่ายควรมองว่า นี่คือโอกาสของประเทศชาติ
หยุดสร้างเงื่อนไข แต่ควรช่วยกันเพิ่มโอกาส เพื่อให้ประเทศชาติส่วนรวมเดินต่อไปได้
หยุดป่วนบ้านป่วนเมืองได้แล้ว
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี