วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายชินโสะ อาเบะ สร้างสถิติดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองร่วมสมัยของญี่ปุ่น โดยได้เป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น 2 ช่วงช่วงแรกกินระยะเวลาประมาณ 1 ปี (ค.ศ. 2006-2007) และช่วงที่ 2 กินเวลารวม 8 ปี (ค.ศ. 2012-2020)
จนเมื่อเดือนสิงหาคมนี้ นายอาเบะได้ออกมาประกาศลาออก โดยให้เหตุผลว่ามีปัญหาทางสุขภาพ-โรคลำไส้เรื้อรัง และเมื่อเข้ากลางเดือนกันยายน ญี่ปุ่นก็ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ นามว่า โยชิฮิเดะ ซูงะ ผู้เป็นอดีตมือขวาของนายอาเบะ เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งตามระบบการเมืองของญี่ปุ่น ถือว่าเป็นตำแหน่งสำคัญที่สุดรองจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
และเมื่อญี่ปุ่นมีผู้นำคนใหม่ สังคมโลกจึงมีคำถามว่า แล้วญี่ปุ่นจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไป
โดยสามัญสำนึกที่ว่า เมื่อนายซูงะ เป็นคู่หู เป็นมิตรคู่ใจของนายอาเบะมายาวนาน ก็คงไม่พ้นที่จะสานต่อนโยบาย และมาตรการต่างๆ ที่นายอาเบะได้เคยกระทำมา เพื่อที่จะเสริมสร้างความมั่นใจและเสถียรภาพให้แก่ชาวญี่ปุ่น และชาวโลกว่า นโยบายและมาตรการต่างๆ ของญี่ปุ่นนั้นจะมีความต่อเนื่อง และเรื่องใดๆ ที่ค้างคาก็จะมีการดำเนินการให้แล้วเสร็จ
ก็มีคำถามต่อไปว่า แล้วผลงานของนายอาเบะมีอะไรบ้างที่นายกฯญี่ปุ่นคนใหม่จะมารับช่วงกันต่อไป เพื่อความเจริญก้าวหน้าของญี่ปุ่น และเพื่อสถานะของญี่ปุ่นในเวทีโลก
ก่อนหน้านี้เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ ที่เศรษฐกิจของญี่ปุ่น “ย่ำเท้า” อยู่กับที่ และนายอาเบะ ได้สร้างทฤษฎีการฟื้นฟูเศรษฐกิจแบบอาเบะ (Abenomics) ซึ่งประกอบไปด้วย 3 แนวทาง ที่เรียกกันว่า “ธนูสามดอก” (Three Arrows) อันได้แก่
1) มาตรการการเงิน: เพิ่มการลงทุนจับจ่ายใช้สอย โดยวิธีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำ ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากญี่ปุ่นนั้นต่ำกว่าศูนย์ ซึ่งคนที่ฝากเงินกับธนาคารแทนที่จะได้ดอกเบี้ย กลับต้องจ่ายค่าฝากเงินกับธนาคารแทน ทำให้ชาวญี่ปุ่นพยายามนำเอาเงินไปลงทุนและใช้จ่ายต่างๆ เพื่อช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจ
2) กระตุ้นการลงทุนในประเทศด้วยการอัดฉีดงบประมาณรัฐลงไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการขยายโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ
3) การปรับโครงสร้างการจ้างงาน อันได้แก่ การส่งเสริมแรงงานสตรี การเปิดประเทศให้กับแรงงานต่างชาติ และการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายแรงงาน ให้การจ้างงานมีความยืดหยุ่นคล่องตัวขึ้น รวมทั้งหันมาพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ส่วนทางด้านความมั่นคงประเทศและการต่างประเทศ นายอาเบะได้พยายามเพิ่มบทบาทของญี่ปุ่นบนเวทีโลก โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมายเพื่ออำนวยให้กองกำลังป้องกันชาติสามารถไปปฏิบัติการนอกอาณาเขตแบบร่วมมือกับต่างประเทศ (Collective Defense) ได้ เช่น ในกรณีการรักษาสันติภาพ การป้องกันการรุกรานที่กระทบต่อความมั่นคงของโลก นอกจากนั้นก็เป็นการกระชับความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกามหามิตรให้กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยการเสริมแสนยานุภาพ และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกองกำลังสหรัฐฯ ในญี่ปุ่น
นอกจากนั้นก็ดำเนินการเจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกาตามคำเรียกร้องของฝ่ายสหรัฐฯ ให้มีความสมดุลและต่างปฏิบัติตอบแทนที่ดีต่อกัน ไปจนถึงการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีกับกลุ่มสหภาพยุโรป อีกทั้งญี่ปุ่นยังคงความเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการขับเคลื่อนการร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศรอบมหาสมุทรแปซิฟิก (ที่เป็นความร่วมมือและผลักดันของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา) แต่ในที่สุดแล้วสหรัฐอเมริกาก็ถอนตัวไป (โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์)
ส่วนในเรื่องความร่วมมือว่าด้วยความมั่นคงแบบพหุภาคี ญี่ปุ่นก็ได้เข้าร่วมกับสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอินเดีย เป็นกลุ่มร่วมมือ 4 เส้า (Quadruple) ในการเผชิญหน้ากับการขยายแสนยานุภาพและการขยายอิทธิพลของจีนในคาบสมุทรอินเดียและแปซิฟิก และได้มีส่วนสำคัญในการผลักดันแนวคิดว่าด้วย การร่วมมือคาบสมุทรอินเดีย-แปซิฟิก ในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงปลอดภัยทางการเดินเรือและเดินอากาศ โดยให้มหาสมุทรทั้ง 2 เป็นช่องทางติดต่อที่เสรี ไม่ตกอยู่ในอาณัติของประเทศหนึ่งใด (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศจีน)
ถือได้ว่า นายกรัฐมนตรีอาเบะ มีผลงานที่จับต้องได้ทั้งเรื่องภายในและเรื่องการต่างประเทศ และเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์
แต่การใดก็จะต้องมีอุปสรรค หรือความล้มเหลวเป็นธรรมดา นายกรัฐมนตรีอาเบะนั้นกระทำการไม่สำเร็จในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในเรื่องการเปลี่ยนสถานะประเทศให้เป็นประเทศธรรมดาๆ ที่จะมีกองทัพอย่างสมบูรณ์สมน้ำสมเนื้อ แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถทำให้เกิดการเป็นรัฐเอกราชและกองทัพที่สามารถปฏิบัติการเยี่ยงกองทัพอื่นๆ ทั่วโลก
ในเรื่องการบริหารราชการ นายกรัฐมนตรีอาเบะ แม้จะมีข่าวอื้อฉาว (Scandals) ว่าด้วยการช่วยเหลือเพื่อนฝูงแบบลับ ในการตั้งโรงเรียนอาชีวะแพทย์สตรี ทั้งที่มีการปิดโควตาไปก่อนหน้า แต่โดยภาพรวมแล้ว นายกรัฐมนตรีอาเบะก็ยังถูกจัดได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงในการดูแลสังคม และเสริมสร้างสถานะของประเทศ
จวบจนยุคหลังๆ คะแนนนิยมของนายอาเบะได้ตกลงมาพอสมควร จากกรณีไม่สามารถจัดการกับวิกฤติโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วทันใจ สังคมมองว่าไม่ได้ตอบสนองปัญหาแบบถึงลูกถึงคน ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่า ทางผู้นำญี่ปุ่นไม่ได้คาดการณ์ถึงความรุนแรงของโรคระบาดนี้มาตั้งแต่ต้น และการวางมาตรการต่อมาไม่ครอบคลุมชัดเจนให้เป็นที่ประจักษ์และสบายใจต่อชาวญี่ปุ่น
นายอาเบะจัดได้ว่าเป็นนักการเมืองที่มีอุดมการณ์ชาตินิยม แต่มีความช่ำชองในการบริหารราชการและตัดสินใจที่เรียกว่า “ใช้การได้” (Pragmatic) และมีความชาญฉลาดในการอ่านกระแสการเมืองและการตัดสินใจ จนทำให้สามารถกุมชัยชนะการเลือกตั้งถึง 6 ครั้ง ทั้งในระดับวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร
นายอาเบะ มาจากตระกูลสูงส่งทางการเมืองของญี่ปุ่น ปู่เป็นนายกฯ บิดาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ทางครอบครัวภรรยามีความร่ำรวยเป็นอย่างมากจากอุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยว และมาบัดนี้นายอาเบะ ก็ได้ส่งต่ออำนาจให้กับนายซูงะ ซึ่งมาจากครอบครัวเกษตรกรปลูกผลสตรอว์เบอร์รี่ ทั้ง 2 คน จึงมีความแตกต่างกันอย่างมากในเรื่องที่ไปที่มา แต่ต่างก็ได้มีโอกาสในการที่จะนำพาประเทศญี่ปุ่นไปสู่ความยิ่งใหญ่
สรุปแล้ว ทิศทางญี่ปุ่นภายใต้การนำของ นายซูงะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็คงจะสืบทอดเจตนารมณ์นายอาเบะอย่างแข็งขัน เพราะได้ร่วมแรงร่วมใจกันมาร่วม 8 ปี และแกนนำพรรคต่างๆ ก็คงอยากให้นโยบายมีความต่อเนื่องเพื่อคงเสถียรภาพของทิศทาง โดยนายซูงะ น่าจะดำเนินงานต่อในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และขยายบทบาทของญี่ปุ่นในเวทีระหว่างประเทศ ทั้งเพื่อแข่งขันและตีกรอบอิทธิพลจีน
kasitfb@gmail.com

ผ่ากลยุทธ์'ค่ายสีน้ำเงิน' ไม่เร้าอารมณ์! เน้นทำได้ทำจริง
ปลัดนนท์ ยื่นใบลาออก ลงสมัครชิง สส.นนทบุรี พรรคภูมิใจไทย ลั่นเปลี่ยนเวลาราชการเป็นเวลาราษฎร
นักวิชาการ มธ. วิเคราะห์กระแสเลือกตั้ง ชี้ผลโพล'คนกรุงเกือบครึ่งยังลังเล' พบได้ไม่บ่อย
ไม่น่าเชื่อ พนง ถึงกับร้องไห้หนักมาก เมื่อเห็นสิ่งที่ลูกค้าทำ ชมคลิป
(คลิป) แพทองธาร หน้าเจื่อน! ตอบคำถามสื่อ ยศชนัน คะแนนดีขึ้น!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี