หลังจากสหรัฐประกาศยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกแล้วสหรัฐก็ทุ่มเทที่จะเข้ามามีบทบาทกับกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้นทั้งทางด้านการทหารและทางด้านเศรษฐกิจ จนทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะบรรดาประเทศอาเซียนทั้งหลายด้วย
เพราะหลังจากการย่างสามขุมเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว สหรัฐก็ได้ประกาศที่จะจัดตั้งฐานทัพ โดยเฉพาะฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ในประเทศอาเซียน ซึ่งประเทศไทยกำลังถูกจับตามองจากนานาชาติว่าอาจตกเป็นเป้าหมายที่จะใช้เป็นฐานยิงขีปนาวุธดังกล่าว
เพราะประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก และมีภูมิยุทธศาสตร์สำคัญที่ถ้าหากตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์แล้วก็อาจใช้ถล่มอาวุธนิวเคลียร์ไปที่ประเทศจีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ และแม้แต่รัสเซียได้
ดังนั้นประเทศที่เป็นเป้าหมายที่จะถูกถล่มด้วยอาวุธนิวเคลียร์ดังกล่าวจึงได้แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะรัสเซียได้เตือนอย่างชัดเจนว่าถ้าตรวจพบว่ามีการยิงขีปนาวุธไปยังรัสเซียจากประเทศใด รัสเซียจะถือว่าเป็นการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และจะถล่มกลับด้วยอาวุธนิวเคลียร์ในทันที
ในขณะที่อิหร่านก็ได้แสดงท่าทีชัดเจนว่าประเทศใดยินยอมให้ชาติอื่นยิงขีปนาวุธหรือทำอันตรายต่ออิหร่าน อิหร่านก็พร้อมจะตอบโต้ด้วยอาวุธร้ายแรงไปยังประเทศนั้นในทันที
สำหรับจีนและเกาหลีเหนือนั้นแม้ไม่ปริปากพูดจาแต่ก็คงมีความรู้สึกนึกคิดอย่างเดียวกันเพราะใครเล่าจะยอมให้ประเทศของตนถูกถล่มด้วยอาวุธนิวเคลียร์จากข้างเดียว
จึงเป็นเหตุให้คนไทยร้อนอกร้อนใจและถามหาความจริงกันว่ารัฐบาลไทยจะเอาอย่างไรกันแน่ โดยมีท่าทีชัดเจนแทบเป็นเอกฉันท์ว่าไม่ต้องการให้ชาติใดมาใช้ประเทศไทยเป็นฐานทัพหรือเป็นฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์เป็นอันขาด
แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่มีผู้มีอำนาจหน้าที่คนใดในเรื่องนี้ที่จะแสดงท่าทีใดๆ หรือบอกเล่าความจริงใดๆ ให้กับประชาชนไทยได้รับทราบ จึงทำให้เกิดความสงสัยและแสวงหาความจริงกันต่อไป
แต่ก็ประณามกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่าใครก็ตามที่อนุญาตให้ต่างชาติทำการเช่นนั้นคือคนขายชาติ คือ คนทรยศชาติและเป็นคนที่ทำร้ายคนไทยทั้งชาติ ที่จะต้องถูกประณามประจานชั่วลูกหลานเหลนโหลน
สำหรับประเทศอาเซียนนั้นในสภาพปัจจุบันนี้ไม่ใช่ประเทศอาเซียนเหมือนยุคที่ยังเป็นซีโต้อีกต่อไปแล้ว หลายประเทศเข็ดขยาดในการเลือกคบมิตรที่คบไปถูกกดขี่ข่มเหงไป สร้างความแตกแยก สร้างสงครามกลางเมือง และแบ่งแยกดินแดน ดังนั้นจึงต่างก็ปรับท่าทีจนอาเซียนมีท่าทีเฉพาะของตนเองชัดเจนแล้ว
เมียนมาซึ่งติดกับประเทศไทยด้านตะวันตก ได้รับประสบการณ์จากสถานการณ์ที่มีการก่อการเพื่อยึดยะไข่แยกไปเป็นอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เมียนมาอาจถูกแบ่งแยกเป็นหลายประเทศ ดังนั้นเมียนมาจึงปรับท่าทีไปเป็นพันธมิตรกับจีน รัสเซีย และอิหร่าน และพันธมิตรของกลุ่มองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ถึงขั้นร่วมซ้อมรบกันอย่างจริงจังแล้ว
รวมทั้งความร่วมมือให้จีนมาตั้งฐานทัพขอบมหาสมุทรอินเดีย รวมทั้งใกล้ชายแดนไทยอีกด้วย และเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถหยุดยั้งการทำอันตรายต่อประเทศจีนได้
ทางด้านตะวันออกของประเทศไทยคือลาวและกัมพูชานั้นผูกมิตรสนิทเป็นหุ้นส่วนกับจีนในทุกด้านรวมทั้งทางการทหาร ถึงขั้นมีความตกลงให้จีนจัดตั้งฐานทัพในกัมพูชาแล้ว
ส่วนมาเลเซียนั้นทราบดีว่าตกเป็นเป้าหมายที่จะถูกรวมกับบางพื้นที่ของประเทศไทยเพื่อใช้เป็นฐานแทนฮ่องกง ดังนั้นด้วยประสบการณ์ที่เคยเป็นอาณานิคมมาก่อน มาเลเซียจึงพยายามสลัดตัวออกจากความสัมพันธ์เดิมๆ หันไปจับมือกับจีน รัสเซีย และอิหร่านอย่างแน่นแฟ้นถึงขั้นที่จะร่วมกันเป็นหนึ่งในศูนย์กลางศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ร่วมกับตุรกีและปากีสถานด้วย
สำหรับฟิลิปปินส์ก็เช่นเดียวกัน มีประสบการณ์จากการที่จะถูกยึดมินดาเนาแยกดินแดนออกไป แต่ได้รับการช่วยเหลือจากรัสเซีย และจีน จึงสามารถรั้งดินแดนดังกล่าวเอาไว้ได้ ฟิลิปปินส์จึงไม่ต้องการคบมิตรแบบนั้นอีก และหันไปร่วมมือกับจีน รัสเซียอย่างแน่นแฟ้น กระทั่งปฏิเสธไม่ให้สหรัฐตั้งฐานทัพเรือที่ฟิลิปปินส์อีกแล้ว
ส่วนอินโดนีเซียนั้นมีประสบการณ์จากการที่ถูกแบ่งแยกดินแดนติมอร์ตะวันออกออกไปตั้งเป็นประเทศใหม่และอาเจะห์ก็กำลังยื้อยุดกันอยู่ หากยังไม่เปลี่ยน
ท่าทีก็เห็นท่าอินโดนีเซียจะต้องถูกแบ่งแยกเป็นหลายประเทศซึ่งอินโดนีเซียก็ทราบดีว่าสิ่งที่เรียกว่ายุทธศาสตร์ปลาหมึกยักษ์นั้นเป็นอย่างไร ดังนั้น อินโดนีเซียจึงปรับท่าทีไปคบหารัสเซียและจีนมากขึ้น และยินยอมให้รัสเซียและจีนส่งกองเรือตลอดจนเรือดำน้ำไปป้วนเปี้ยนอยู่แถบนั้น อันเป็นการวางหมากล้อมสกัดการเชื่อมโยงระหว่างกองเรือที่ 7 กับกองเรือที่ 5 ที่เกี่ยวข้องกับสามช่องแคบ คือมะละกา ซุนดา และแลมบอร์ก
สำหรับเวียดนามนั้นยังเอาแน่นอนอันใดไม่ได้ เพราะด้านหนึ่งก็ระแวงจีน แต่วางใจรัสเซีย และรอยแค้นจากสงครามเวียดนามยังไม่หายไป
ดังนั้นสภาพของอาเซียนทุกวันนี้จึงเหลือแต่ประเทศไทย สิงคโปร์ และบรูไนที่จะต้องถูกจับตาดูว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ เฉพาะบรูไนนั้นถือว่าเป็นประเทศเล็ก ไม่ยอมเข้าเกี่ยวข้องในปัญหาความขัดแย้ง ส่วนสิงคโปร์ก็เปิดสัมพันธ์ทางการค้ากับอิหร่านไปเรียบร้อยแล้ว
นี่คือสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอันก่อให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวงต่อประเทศไทยที่จะต้องปรับตัววางตนอย่างไรจึงจะมีความปลอดภัย ไม่ถูกแบ่งแยกดินแดน และไม่ถูกปั่นหัวให้เกิดเป็นสงครามกลางเมืองหรือถูกยึดครองเป็นอาณานิคม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี