วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ภาพอุบาทว์ที่บังเกิดขึ้น ณ ใจกลางพระนครของประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 คือภาพที่บ่งบอกชัดเจนว่าสมาชิกชั้นสูงของพระราชวงศ์จักรีบางพระองค์กำลังถูกคุกคามอย่างหนักโดยกลุ่มฝูงชนผู้ต้องการจะให้บ้านเมืองนี้เกิดเหตุมิคสัญญีกลียุค
ทำให้เกิดคำถามว่า ในเมื่อประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ใช้ชื่อกลุ่มประมาณว่าผู้เรียกร้องประชาธิปไตยออกมาตะโกนหาสิทธิ เสรีภาพของตน แต่เหตุไฉนคนดูเสมือนรักและหวงแหนสิทธิ เสรีภาพของตนเองเสียเหลือเกินจึงได้จงใจละเมิดและคุกคามสิทธิ เสรีภาพของผู้อื่น
ขอถามย้ำๆ ว่า ผู้ที่อ้างว่าแสนรักและสุดหวงแหนสิทธิ เสรีภาพของตนเอง มีสิทธิละเมิดและคุกคามสิทธิ เสรีภาพของผู้อื่นได้กระนั้นฤา
ภาพบุคคลจำนวนหนึ่งรุมล้อมรถยนต์พระที่นั่งในระยะประชิดอันอาจให้เกิดอันตรายกับสมาชิกพระราชวงศ์ ซึ่งประทับอยู่ในรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมกับตะโกนด่าทอด้วยคำต่ำทรามสารพัด และมีบางคนขว้างสิ่งของใส่รถยนต์พระที่นั่ง ภาพเช่นนี้เป็นภาพที่บังควรจะเกิดขึ้นบนพระราชอาณาจักรไทย กระนั้นฤาต่อให้ไม่ใช่รถยนต์พระที่นั่งก็ตาม ภาพเช่นนี้ก็ไม่ควรจะบังเกิดขึ้นในพระราชอาณาจักรแห่งนี้ เพราะนี่คือการจงใจเจตนาหมายทำร้ายบุคคลอื่นอย่างโจ่งแจ้งชัดเจนโดยไม่มีคำปฏิเสธใดๆ สามารถหักล้างพฤติกรรมที่ชัดเจนเช่นนี้ได้
ในเมื่อผู้ชุมนุมประท้วงอ้างว่ามาชุมนุมประท้วงโดยสงบ และสันติ แต่แล้วเหตุใดจึงมีการแสดงพฤติกรรมหยาบช้าต่ำทรามเช่นนั้นเกิดขึ้นโดยการกระทำของกลุ่มผู้ประท้วง
การอ้างว่าขบวนรถยนต์พระที่นั่งแล่นผ่าไปในที่ชุมนุม เป็นคำอ้างที่ไม่มีเหตุผลแม้แต่น้อย เพราะในเมื่อสาธารณชนต่างทราบดีว่าในวันและเวลาดังกล่าวจะมีขบวนเสด็จฯ เนื่องจากมีหมายกำหนดการพระราชพิธีประกาศให้สาธารณชนได้รับทราบมาเป็นระยะเวลานานแล้ว
แล้วเหตุไฉนผู้อ้างว่าการชุมนุมประท้วงที่สงบ และสันติ จึงบังเกิดภาพของความรุนแรงขึ้นมา หรือผู้ชุมนุมจะอ้างว่ากลุ่มของตนเองไม่ได้แสดงพฤติกรรมหยาบช้าสามานย์ดังปรากฏ แล้วจะอ้างต่อไปว่าผู้แสดงพฤติกรรมหยาบช้านั้นเป็นพวกอื่น มิใช่พวกของตน
มนุษย์ผู้มีสติสัมปชัญญะสมควรกระทำความรุนแรงด้วยกรรมวิธีต่างๆ ต่อบุคคลอื่นหรือ ไม่ว่าความรุนแรงนั้นจะปรากฏทางกายภาพ ผ่านการกระทำ หรือแสดงออกด้วยคำพูด และแม้แต่การแสดงออกด้วยกรรมวิธีอื่นๆ ก็ตาม ขอถามย้ำว่ามนุษย์ผู้มีสติสัมปชัญญะสมควรแสดงออกซึ่งกิริยาต่ำสถุลเยี่ยงนั้นหรือ
คนที่สามารถแสดงพฤติกรรมต่ำสถุลได้ย่อมได้รับการบ่มเพาะความหยาบช้าสามานย์มาจากกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคม (Socialization) อันเริ่มมาจากครอบครัวของเขา ระบบการศึกษาที่ได้รับ ระบบเพื่อนฝูงคนรอบข้างในสังคมที่เขาดำรงชีวิตอยู่ การงานอาชีพที่เขาทำ และจากสื่อมวลชนที่เขาเลือกเสพ
เมื่อพูดถึงระบบการศึกษาของไทยที่ถูกวิจารณ์ว่ามีส่วนทำให้เกิดความไม่เป็นปกติสุขของบ้านเมือง ก็ต้องพูดไปถึงเรื่องความน่าละอายของคนสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยไทยหลายแห่ง โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยจำพวกที่ก่อตั้งมานานมีอายุนับร้อยปี เพราะในมหาวิทยาลัยเหล่านั้นมีคนสอนหนังสือที่ไม่ศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์ จนเข้าข่ายต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ คนพรรค์อย่างว่านั้นเข้าไปทำมาหากินด้วยการบอกเล่าข้อมูลเท็จให้กับเด็กและเยาวชนมาเป็นระยะเวลาอย่างน้อยไม่ต่ำว่า 20 ปี โดยสิ่งที่คนที่อาศัยคราบนักวิชาการหลอกลวงเด็กและเยาวชนต้องการคือใช้เด็กและเยาวชนเป็นเครื่องมือล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะพวกนักวิชาการกำมะลอไม่สามารถล้มล้างสถาบันนี้ได้ด้วยตัวเอง
ดังนั้นจึงไม่ต้องประหลาดใจกับการที่ได้พบเห็นว่าคนสอนหนังสือระดับอดีตคณบดี คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาบอกว่าไม่มีใครล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ผู้ชุมนุมต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วก็บอกด้วยว่าไม่สามารถพูดวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ได้ แต่น่าสังเกตว่าอดีตคณบดีรายนี้ไม่พูดถึงการจงใจล้อมรถยนต์พระที่นั่ง ไม่พูดถึงการแสดงความป่าเถื่อนหยาบช้าใส่พระราชวงศ์ที่ประทับในรถยนต์พระที่นั่ง แต่บอกเพียงว่าเพราะไม่สามารถพูดถึงหรือวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยได้
น่าตลกสิ้นดีที่คนระดับคณบดีมีมุมมองตีบตันได้เช่นนี้ ทำไมเลือกมองมุมเดียว ทั้งๆ ที่มีภาพจากมุมอื่นๆ ปรากฏชัด หรือว่าจริงๆ แล้วคณบดีรายนี้สนับสนุนให้เกิดพฤติกรรมหยาบช้าในสังคม
นี่คือตัวอย่างเล็กๆ เพียงตัวอย่างเดียวที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยที่มีอายุเก่าแก่แห่งหนึ่งของไทย ซึ่งเป็นเครื่องบ่งบอกชัดเจนว่าเหตุใดนักศึกษาจำนวนหนึ่งในมหาวิทยาลัยแห่งนั้นจึงมีพฤติกรรมจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เสมอๆ ซึ่งอันที่จริงยังมีพฤติกรรมสามานย์เช่นนี้ในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทยอีกด้วยซึ่งสาธารณชนได้รับทราบข้อเท็จจริงเสมอมาว่านิสิตและคนสอนหนังสือจำนวนหนึ่งในมหาวิทยาลัยแห่งนั้นมีพฤติกรรมสามานย์เพียงใด
ย้อนกลับไปที่ประเด็นการชุมนุมประท้วงที่อ้างว่าเพื่อปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเด็นใด เพราะที่เห็นชัดก็เพียงแค่ถามว่าทำไมพระมหากษัตริย์จึงทรงร่ำรวย ก็ต้องถามกลับว่าแล้วเหตุใดจะทรงร่ำรวยไม่ได้ ก็ในเมื่อพ่อแม่ของผู้ประท้วงยังมีเศรษฐสถานะร่ำรวยได้ในพริบตา ทั้งๆ ที่เมื่อสืบค้นย้อนขึ้นไปเพียงไม่กี่ปี บรรพบุรุษของผู้ประท้วงยังมีเศรษฐสถานะต่ำจนติดลบ แล้วเหตุใดจึงรวยได้ภายในพริบตา แล้วทำไมพระมหากษัตริย์จึงต้องเป็นผู้ไร้พระราชทรัพย์ หรือจะโกหกว่าทรงได้พระราชทรัพย์มาโดยไม่สุจริต
ขอย้ำว่าคนที่มีสติปัญญาต่างรู้ดีว่าพระมหากษัตริย์ไทยคือพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าแผ่นดินทรงมีความหมายที่ลึกซึ้งและสำคัญมากมายเกินพรรณนาต่อแผ่นดินและต่อประชาชน ดังนั้นการพยายามโกหกว่าพระเจ้าแผ่นดินไม่มีคุณประโยชน์ต่อแผ่นดินและต่อประชาชน จึงเป็นเพียงการกระทำของคนที่ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์โดยแท้
ย้อนกลับไปพูดถึงการชุมนุมทางการเมือง เรื่องนี้ถือเป็นสิทธิโดยชอบธรรม หากประท้วงโดยความสงบ สันติ ไม่ละเมิดสิทธิ เสรีภาพของบุคคลอื่น แต่การอ้างว่าชุมนุมประท้วงทางการเมืองที่มีเป้าประสงค์เพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่คนไทยผู้จงรักภักดีไม่สามารถยอมรับได้เป็นอันขาด ไม่ว่าผู้มีพฤติกรรมเช่นนั้นจะมีสถานภาพใดก็ตาม ดังนั้นจึงมีการประกาศชัดเจนจากบรรดาผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า ไม่ยินยอมให้ใครหน้าไหนล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นอันขาด และยินดีสละชีวิตเพื่อป้องปกสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ให้อยู่คู่แผ่นดินไทยสืบไปชั่วกาลนาน แล้วหากทราบชัดเจนว่ามันผู้ใดจงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็จะต้องตามไปเอาชีวิตมันผู้นั้นให้จงได้
แน่นอนว่า วิญูญูชนตระหนักเสมอว่าการฆ่าฟัน การประหัตประหารกัน เป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่มีคำถามที่น่าสนใจว่า เหตุใดผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงสามารถยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้จะรู้ดีว่าอาจจะต้องทำผิดกฎหมายด้วยการฆ่าคนก็ตาม
ผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ยังย้ำเสมอว่า ไม่ขัดขวางการประท้วงทางการเมืองที่มีเป้าหมายเพื่อล้มล้างรัฐบาลทุจริตฉ้อฉล หากรัฐบาลนั้นมีพฤติกรรมชัดเจนว่าโกงบ้านกินเมือง แต่ไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนก่อเหตุเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยได้เป็นอันขาด แล้วก็จะไม่มีวันยอมให้ใครก็ตามทำการอันไม่บังควรนี้ได้ ต่อให้คนที่ทำการอันหยาบช้านั้นเป็นลูกหลานหรือญาติพี่น้องของตน เขาก็ยืนยันว่าจะต้องกำจัดคนเหล่านี้ให้สิ้นซากโดยไม่มีข้อยกเว้น
การจงใจตะโกนด่าทอและแสดงอาการอาฆาตมาดร้ายต่อสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ดังปรากฏชัดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 โดยกลุ่มผู้ประท้วงบนถนนราชดำเนิน คือการตอกย้ำยืนยันว่าผู้มีพฤติกรรมสามานย์เช่นนั้นจงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์โดยชัดแจ้ง
เมื่อสาธารณชนได้ประจักษ์ชัดว่าผู้แสดงพฤติกรรมสามานย์เช่นนี้มีชื่อเสียง มีตัวตน มีหน้าตาเช่นไรแล้ว คำถามต่อไปคือผู้บังคับใช้กฎหมายของไทย และผู้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของไทย รวมถึงรัฐบาลไทยจะแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยสถานใด แล้วมีคำถามต่อไปด้วยว่า โคตรเหง้าญาติพี่น้องของผู้แสดงพฤติกรรมหยาบช้าสามานย์เช่นนี้ จะจัดการอย่างไรกับคนที่เป็นลูกหลานญาติพี่น้องของตนเอง จะยังคงสนับสนุนให้คนกลุ่มนี้แสดงพฤติกรรมสามานย์อีกต่อไปกระนั้นหรือ หรือจะยอมรับว่าญาติพี่น้องในโคตรตระกูลนี้สมคบคิดร่วมกันล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยกันทั้งโคตร

ผ่ากลยุทธ์'ค่ายสีน้ำเงิน' ไม่เร้าอารมณ์! เน้นทำได้ทำจริง
ปลัดนนท์ ยื่นใบลาออก ลงสมัครชิง สส.นนทบุรี พรรคภูมิใจไทย ลั่นเปลี่ยนเวลาราชการเป็นเวลาราษฎร
นักวิชาการ มธ. วิเคราะห์กระแสเลือกตั้ง ชี้ผลโพล'คนกรุงเกือบครึ่งยังลังเล' พบได้ไม่บ่อย
ไม่น่าเชื่อ พนง ถึงกับร้องไห้หนักมาก เมื่อเห็นสิ่งที่ลูกค้าทำ ชมคลิป
(คลิป) แพทองธาร หน้าเจื่อน! ตอบคำถามสื่อ ยศชนัน คะแนนดีขึ้น!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี