ข้อเรียกร้องของพรรคก้าวไกล ดูจะเป็นข้อเรียกร้องที่ประเจิดประเจ้อที่สุด
เพราะอะไร?
1. พรรคก้าวไกล เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และปล่อยประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยทันที
ความจริง... “ผู้บริสุทธิ์” ที่อ้างนั้น ได้ถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.เท่านั้น แต่ยังมีข้อหาตามกฎหมายอาญาปกติ และเป็นข้อหาหนักเช่น มาตรา 116 หรือแม้แต่มาตรา 110 จากกรณีคุกคามขบวนเสด็จฯของราชีนีเมื่อวันที่ 14 ต.ค. ซึ่งคดีเหล่านี้หลายคดีไม่ได้มีข้อหาผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น หากบริสุทธิ์จริง ก็สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายปกติ ต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม
2. พรรคก้าวไกล เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภายหลังจากยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต้องถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยไม่อยู่ภายใต้การครอบงำของวุฒิสภา
ความจริง... หากนายกฯ ลาออก ในขณะที่ม็อบพุ่งเป้าโจมตีสถาบันพระมหาษัตริย์อย่างรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ เจตนาของข้อเรียกร้องนี้ แท้จริงคืออะไรกันแน่? เพราะม็อบประกาศไว้แล้วลาออก ม็อบก็ไม่จบ
นอกจากนี้ หากลาออก แล้วเลือกนายกฯใหม่ตามกระบวนการในสภา หากผลปรากฏว่า สส.เสียงข้างมากหนุนพลเอกประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบ ม็อบจะยอมรับหรือไม่? พรรคฝ่ายค้านจะยอมรับหรือไม่? หรือจะอ้างว่ามีมือที่มองไม่เห็น ใช้วิธีกล่าวหาต่อไปอีกว่ามีการกดดัน ซื้องูเห่า เหมือนที่เคยกล่าวอ้างโดยปราศจากหลักฐาน เพราะจำได้ไหม ใครเคยบอกว่าจะดำเนินคดีก็ไม่มีการดำเนินคดี
3. พรรคก้าวไกลยังอ้างว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลหยิบยกเอาประเด็นในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ มาใช้สร้างสถานการณ์ ยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความเกลียดชังในหมู่ประชาชน เพื่อให้รัฐบาลนำมาใช้เป็นเหตุในการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนผู้เห็นต่างทางการเมือง
ความจริง... หากไม่หูหนวกตาบอด ไม่หลอกตัวเอง ไม่ตอแหล ก็ย่อมจะมองเห็นว่า ฝ่ายใดที่มีการเคลื่อนไหว ทำกิจกรรม ปราศรัย ขึ้นป้ายปลุกเร้าผู้ชุมนุม ส่งเสียงตะโกนด่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยถ้อยคำหยาบคายที่สุด ในพื้นที่การชุมนุมอย่างโจ่งแจ้ง
ที่สำคัญ การคุกคามรถเสด็จฯ มีหลักฐาน วีดีโอคลิป ชัดเจนว่ามีผู้ชุมนุมตะโกนบอกกันว่าให้ปฏิบัติการ ก่อนจะลงไปบนท้องถนนที่รถยนต์พระที่นั่งราชินีกำลังเสด็จฯมา ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ ทั้งชูสามนิ้ว และอาการคุกคาม รุมล้อมรถเสด็จฯ ตะโกนหยาบคาย ขนาดนั้นยังพยายามบิดเบือนประเด็น แถไถกันอย่างหน้าด้านๆ
4. ขณะที่พรรคฝ่ายค้านอย่าง พรรคเพื่อไทย ก็เสนอให้นายกฯ ลาออก แล้วเลือกนายกฯใหม่ จากบัญชีชื่อที่แต่ละพรรคเสนอไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ขอให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง ขอให้รัฐบาลปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมทุกคนขอให้พล.อ.ประยุทธ์ประกาศลาออกไปเสียเลย การเสนอชื่อนายกฯก็ให้เป็นไปตามกติกา ตามรายชื่อแคนดิเดตนายกฯที่เคยยื่นไว้ พรรคเพื่อไทยยังมีชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ อยู่
5. นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี หรือ “แรมโบ้อีสาน” อดีตลูกหม้อระบอบทักษิณ มือทำม็อบการเมืองของพรรคเพื่อไทย ทำจดหมายเปิดผนึกถึงพรรคเพื่อไทย ระบุว่า
“...ผิดหวัง ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ยังเล่นการเมืองแบบเดิมๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
#บทเรียนในอดีต ไม่เคยเอามาใช้ เจ็บแล้วไม่เคยจำ
จากการแถลงการณ์ 4 ประเด็น ของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้บริหารพรรค ผมเห็นแล้วว่า ยังเป็นการตีกินทางการเมืองไม่ได้ช่วยหาทางออกที่ดีให้กับบ้านเมืองเลยสักนิด
ผมจึงขอเขียนจดหมายเปิดผนึก โดยรวบรวมข้อมูลคำถามจากประชาชนฝากมาถึงพรรคเพื่อไทย และฝากผู้บริหารพรรคเพื่อไทย ได้ตระหนักว่า อย่าเล่นการเมืองแบบเดิมๆ เหมือนในอดีต บทเรียนในอดีต เจ็บแล้วต้องจดจำ โดยมีเนื้อหาสาระ ดังนี้
1. การให้ท้ายแกนนำที่คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ควรสนับสนุนหรือไม่
2. การให้ สส.ไปประกันตัวแกนนำ คนที่ปราศรัยก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบัน และปิดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน เหมาะสมหรือไม่
3. แถลงการณ์ 4 ข้อ ไม่เห็นว่า พรรคเพื่อไทยมีการประกาศจุดยืนปกป้องสถาบันกษัตริย์ ประเด็นนี้ ช่วยตอบพี่น้องประชาชนว่า พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนเดียวกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล นางสาวพรรณิการ์ วานิชและกลุ่มก้าวหน้า และกลุ่มคณะราษฎร 63 หรือไม่ เพราะประชาชนเห็นภาพ สส.เพื่อไทย เข้าไปร่วมชุมนุมและให้การสนับสนุนแกนนำเหล่านี้ตลอดมา
4. การที่พรรคเพื่อไทย เสนอให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออก พรรคเพื่อไทยหวังผล ได้อำนาจมาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของพวกพ้องตนเองหรือไม่ มีอะไรยืนยันว่า จะไม่ตอบสนองผลประโยชน์ธุรกิจทางการเมือง และมีอะไรยืนยันจะไม่ปล่อยให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเช่นอดีตในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
5. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ประกาศยืนหยัดปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จะไม่ให้ใครมาก้าวล่วง จาบจ้วง ล้มล้างสถาบัน พรรคเพื่อไทยมีผู้นำกล้าประกาศ จุดยืนเช่นนี้หรือไม่
6. พรรคเพื่อไทยหรือบุคคลใดจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย รู้ได้อย่างไรว่าจะไม่มีคนมาขับไล่ เพราะประชาชนที่ปกป้องสถาบันฯ พร้อมจะขับเคลื่อนออกมาปกป้องสถาบันฯทุกเวลา ถึงแม้มีรัฐบาลใหม่ม็อบบนท้องถนนจะจบได้อย่างไร เหตุการณ์ม็อบชนม็อบก็เกิดขึ้นมาในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทยแล้วมิใช่หรือ แล้วจะมีแนวทางป้องกันมิให้ม็อบชนม็อบไว้อย่างไร
7. ถ้ารัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง ถ้าเกิดสถานการณ์เกิดเหตุรุนแรง ทำลายสถานที่ราชการ เผาบ้านเผาเมืองเหมือนในอดีต พรรคเพื่อไทยจะรับผิดชอบหรือไม่
8. การใช้พฤติกรรมลักษณะเชิงข่มขู่จะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คนเดียว ทั้งที่ไม่มีความผิดในเรื่องอะไร เป็นการทำหน้าที่ของพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่ดีหรือไม่
9. ข้อสุดท้าย การเล่นการเมืองแบบอาฆาตแค้นส่วนตัว และต้องการทำลายล้างกันตลอดมา โดยไม่คิดถึงความเสียหายต่อประเทศชาติประชาชน ขอให้ได้อำนาจทางการเมืองกลับคืนมาเพื่อผลประโยชน์ธุรกิจของใครบางคนหรือพวกพ้องตน พรรคเพื่อไทยยังมีแนวคิดวิธีการเช่นนี้อยู่หรือไม่
คำถามทั้ง 9 ข้อนี้ ผมได้รวบรวมจากพี่น้องประชาชนฝากถามมา และยังมีคำถามอีกมากมายหลายคำถามที่ประชาชนที่จงรักภักดีและปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฝากถามมา ผมจะได้ฝากคำถามส่งมาถึงพรรคเพื่อไทยในโอกาสต่อไป
พรรคเพื่อไทยควรนำบทเรียนในอดีตมาเตือนสติ อย่าให้ประเทศชาติบ้านเมืองเสียหายย่อยยับมากกว่านี้ไปอีกเลย - ด้วยความรักและห่วงใย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์”
จดหมายเปิดผนึกของแรมโบ้อีสาน อดีตมือทำงานการเมืองของพรรคเพื่อไทย อาจเข้าทำนอง “อ้าปาก ก็เห็นลิ้นไก่” คือ รู้ทันไปจนถึงไส้ติ่ง หรือรู้เช่นเห็นชาติ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี