มีคำถามว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยในปัจจุบันไม่ทันสมัยหรือมีความล้าหลังในประเด็นใด เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาของประเทศไทยในเรื่องใด แล้วเหตุใดจึงมีผู้อ้างว่าจำเป็นต้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย
ตามข้อเท็จจริงที่ทุกคนรับทราบโดยทั่วกันคือ สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยยุคปัจจุบัน สถาปนาพระราชวงศ์จักรีมาตั้งแต่การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เมื่อปี พ.ศ. 2325 นับจากวันนั้นจวบจนวันนี้ สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยได้มีอายุยืนยาวมาแล้ว 238 ปี
ตลอด 238 ปีที่ผ่านมา สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยโดยพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ได้ทรงกระทำความดีความงามทุกอย่าง รวมถึงทรงอุทิศพระวรกายเพื่อให้ประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ
ครั้นเมื่อถึงยามที่ชาติบ้านเมือง และประชาชนไทยตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ มีภยันตรายจากข้าศึกนอกพระราชอาณาจักรมุ่งร้ายหมายเข้ามาทำลายความสงบสุขของพระราชอาณาจักรไทย พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงแก้ปัญหาให้กับชาติบ้านเมืองและประชาชน โดยทรงทำให้ภยันตราย และเหตุวิกฤติลุล่วงผ่านพ้นไปได้เสมอมา และส่งผลทำให้พระราชอาณาจักรและประชาชนมีความผาสุกร่มรื่นตลอดมา
ด้วยเหตุนี้ ประชาชนชาวไทยผู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นขององค์พระมหากษัตริย์ จึงถวาย ความเคารพ ความเทิดทูน และบูชาพระมหากษัตริย์ของเขาไว้สูงสุด และอย่างสุดหัวใจ รวมถึงถวายคำสัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ตราบชั่วชีวิตของเขาจะหาไม่
ในยามนี้ ประชาชนชาวไทยผู้ถวายความจงรักภักดีอย่างสุดหัวใจต่อพระมหากษัตริย์ ต่างตระหนักและประจักษ์ดีว่ากำลังเกิดราชภัยคุกคามต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อองค์พระมหากษัตริย์ โดยผู้ก่อเหตุร้ายคือคนไทยด้วยกันเอง
เพราะฉะนั้น ประชาชนชาวไทยผู้ถวายความจงรักภักดี และยอมถวายชีวิตเป็นราชพลีจึงพร้อมใจประกาศรวมตัวเพื่อปกป้ององค์พระมหากษัตริย์ และสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกทั้งยังประกาศว่าไม่ยินยอมให้ผู้ใดล่วงละเมิดพระบรมเดชานุภาพเป็นอันขาด และยืนยันว่าพร้อมจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดทุกชนิดโดยไม่มีข้อยกเว้นกับผู้จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
มีบุคคลบางกลุ่มตั้งคำถามในเชิงเสียดสีกับผู้ที่ประกาศตัวถวายความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ว่าเป็นพวกคลั่งระบบกษัตริย์จนไม่ลืมหูลืมตา และยังกล่าวร้ายรวมถึงเสียดสีอีกว่า ผู้ที่ถวายความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์นั้น เป็นไดโนเสาร์ เต่าล้านปี เป็นพวกล้าหลังไม่ทันต่อสถานการณ์โลกยุคปัจจุบัน
ทั้งนี้ผู้ที่จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์มักอ้างตลอดเวลาว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปสำหรับประเทศไทย รวมถึงอ้างด้วยความเท็จอีกด้วยว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศ แล้วอ้างด้วยข้อความอันเป็นเท็จว่า ประเทศที่เจริญแล้วในยุคปัจจุบัน ไม่มีประเทศใดมีสถาบันพระมหากษัตริย์อีกต่อไป
ขณะเดียวกันผู้ที่มีความคิดเข้าข่ายจงใจโค่นล้ม ทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ยังอ้างว่าจำเป็นจะต้องทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นเสมือนสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศสหราชอาณาจักร ซึ่งผู้ที่เข้าใจถึงมูลเหตุในการอ้างดังกล่าว ล้วนตระหนักดีว่าเป็นข้อกล่าวอ้างที่ยกขึ้นมาเพื่อหาสาเหตุในการทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเท่านั้น
การที่จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นเหมือนสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศอื่นๆ เป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอย เพราะความเป็นจริงนั้น ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของแต่ละประเทศล้วนแตกต่างกันดังนั้นจึงไม่เคยมีประเทศใดบนโลกนี้ที่มีความเหมือนกันทุกประการไม่ว่าจะในเชิงเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ด้วยเหตุที่ว่าแต่ละชนชาติและแต่ละเผ่าพันธุ์ที่รวมตัวก่อตั้งเป็นประเทศได้ล้วนมีรากเหง้าและประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน
ดังนั้น ข้ออ้างของกลุ่มผู้มีความจงใจโค่นล้มทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ที่อ้างว่าจำเป็นต้องทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และองค์พระมหากษัตริย์ไทยเป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น จึงเป็นการอ้างที่มิได้ดูบริบทแท้จริงของสังคมไทยให้ลึกซึ้ง
ข้อเท็จจริงประการสำคัญที่วิญญูชนรับทราบถึงความแตกต่างของบริบททางสังคมไทยและสังคมของประเทศสหราชอาณาจักรคือประวัติศาสตร์การก่อตั้งประเทศ รวมถึงความแตกต่างในเรื่องความคิด วิธีคิด ทัศนคติ ความเชื่อ วิถีชีวิต และคุณภาพการศึกษา ของคนในสองประเทศ
เราต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่งคือวิถีทางของการดำรงชีวิตของคนไทยกับคนอังกฤษไม่มีความเหมือนกันด้วยประการทั้งปวง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้คนไทยเป็นเหมือนคนอังกฤษ แล้วก็ไม่สามารถทำให้คนอังกฤษเป็นเหมือนคนไทยได้เช่นกัน
คนไทยคงไม่สามารถรับประทานอาหารเหมือนคนอังกฤษได้ทุกมื้อทุกวัน และทุกเวลา ดังนั้นการที่จะอ้างว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยจะต้องเป็นเหมือนสถาบันพระมหากษัตริย์ของอังกฤษจึงเป็นคำกล่าวอ้างที่เลื่อนลอย และไร้สาระ
ขอให้ลองเปรียบเทียบพระราชกรณียกิจต่างๆ ของพระมหากษัตริย์ไทยในยุคปัจจุบันกับพระราชกรณียกิจต่างๆ ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เอลิซาเบธ ที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร แล้วจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
ซึ่งในที่นี้จะไม่ขอกล่าวอ้างว่าพระมหากษัตริย์ของไทยทรงงานหนักเพื่อประเทศชาติมากกว่าสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เอลิซาเบธ ที่ 2 เพราะบริบททางการเมือง และทางสังคมของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน
เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศด้อยพัฒนาที่เพิ่งก้าวเข้าสู่สถานะของประเทศกำลังพัฒนาเมื่อไม่กี่สิบปีมานี่เอง ส่วนประเทศอังกฤษนั้นเคยดำรงสถานภาพเป็นชาติมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก ในยุคเมื่อกว่า 100 ปีที่ผ่านมา และในปัจจุบันประเทศอังกฤษก็ยังคงสถานภาพของประเทศที่พัฒนาแล้ว
ดังนั้นการจะเปรียบเทียบพระราชกรณียกิจขององค์พระประมุขของทั้งสองประเทศจึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ด้วยประการทั้งปวง
ครั้นจะเปรียบเทียบในบริบทการเมืองการปกครองในรูปแบบรัฐสภาของทั้งสองประเทศ เราต้องยืนยันว่าไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้อีกเช่นกัน เพราะคุณภาพของนักการเมืองไทยกับนักการเมืองอังกฤษนั้นต่างกันมากมายจนเกินกว่าจะนำมาเปรียบเทียบกันได้
ส่วนคุณภาพของประชาชนระหว่างไทยกับอังกฤษนั้น เรื่องนี้วิญญูชนล้วนตระหนักดีว่าคุณภาพของประชาชนประเทศใดสูงหรือต่ำกว่ากัน
เมื่อหันไปมองคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยกับของอังกฤษ ก็เป็นสิ่งที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่าคุณภาพการศึกษาของประเทศใดดีหรือด้อยกว่ากัน
นี่เป็นแค่เพียงองค์ประกอบสำคัญบางประการของสังคม ระหว่างประเทศไทยกับประเทศสหราชอาณาจักร ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมากมายมหาศาล เพราะฉะนั้นการที่จะมีใครคนใดคนหนึ่งตั้งความหวังว่าต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยเป็นเสมือนสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศสหราชอาณาจักร จึงเป็นความคิดที่เลื่อนลอยและไร้สาระอย่างที่สุด
คนไทยผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เคยมองเห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยมีความล้าหลัง หรือไม่ปรับตัวให้เข้ากับบริบทของสังคมไทยที่ปรับเปลี่ยนไปตลอดเวลา เพราะคนไทยผู้จงรักภักดีประจักษ์ชัดตลอดเวลาว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย รวมถึงองค์พระมหากษัตริย์ของไทยทรงปรับพระองค์ให้เข้ากับสถานการณ์ของประเทศอยู่ตลอดเวลา ด้วยทรงคำนึงถึงความพัฒนา ความมั่นคง ความปลอดภัย ของประเทศชาติ และยังทรงคำนึงถึงความผาสุกร่มเย็นของอาณาประชาราษฎร์ตลอดเวลา ดังนั้นสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยและองค์พระมหากษัตริย์จึงทรงทำทุกหนทางเพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนมีความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขตลอดเวลา
เพราะฉะนั้น ข้ออ้างใดๆ จากกลุ่มคนที่ประชาชนผู้จงรักภักดีเห็นชัดว่าแสดงความจงใจสำแดงพฤติกรรมที่มุ่งหมายโค่นล้ม ทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงไม่เป็นสิ่งที่ผู้จงรักภักดีสามารถยอมรับได้ ต่อให้อ้างด้วยความเท็จว่าตั้งใจจะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ตาม
การปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์คือการแสดงพฤติกรรมหยาบช้าจาบจ้วง ล่วงละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และสมาชิกพระราชวงศ์ชั้นสูง กระนั้นหรือ นี่คือคำถามจากประชาชนผู้จงรักภักดีที่มีไปถึงกลุ่มผู้แสดงพฤติกรรมอันหยาบช้าสารพัดชนิดต่อสมาชิกพระราชวงศ์ชั้นสูงดังปรากฏชัดเจนต่อสายตาสาธารณชนไปแล้วเป็นระยะๆ
การจงใจปิดล้อมรถยนต์พระที่นั่งซึ่งสมเด็จพระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอฯประทับอยู่ในรถยนต์พระที่นั่งคันนั้นคือการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ กระนั้นหรือ
การตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายต่อองค์พระประมุขของชาติโดยกลุ่มผู้ประท้วง ถือเป็นการตั้งใจปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ กระนั้นหรือ
การเขียนถ้อยคำหยาบคายเพื่อโจมตีด่าทอพระมหากษัตริย์บนผิวถนน บนกระดาษ บนแผ่นป้าย และในระบบสื่อสารสาธารณะ คือแนวทางการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ กระนั้นหรือ
การจงใจแสดงกิริยาท่าทางด้วยอาการหยาบโลน เพื่อล้อเลียนองค์พระมหากษัตริย์และสมาชิกพระราชวงศ์ชั้นสูง คือการจงใจปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ กระนั้นหรือ
การกล่าวร้ายว่าพระมหากษัตริย์ทรงสั่งการให้ประทุษร้ายหรือสังหารประชาชน คือการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ กระนั้นหรือ
การแสดงพฤติกรรมไม่ให้เกียรติต่อครุยพระราชทาน โดยเฉพาะครุยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีการแสดงพฤติกรรมไม่ให้เกียรติต่อครุยต่างกรรม ต่างวาระ เป็นประจำ ถือเป็นแนวทางหนึ่งในการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ใช่หรือไม่
การกล่าวร้ายต่างๆ นานา โดยใช้ข้อความอันเป็นเท็จเพื่อมุ่งโจมตีองค์พระมหากษัตริย์ ถือเป็นการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ กระนั้นหรือ
มีคำถามสุดท้ายคือ ผู้ที่อ้างว่าต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์มีความตั้งใจจริงที่จะปฏิรูป หรือต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
อย่างไรก็ตาม วิญญูชนพยายามติดตามพฤติกรรมทุกชนิดของกลุ่มผู้อ้างว่าต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่กลับพบเพียงว่าถ้อยคำปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงคำลวงโลก เพราะเห็นแค่เพียงพฤติกรรมอันหยาบช้าสารพัดชนิดของกลุ่มผู้อ้างว่าต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ที่แสดงออกให้สาธารณชนได้ประจักษ์อยู่ตลอดเวลา
ประชาชนผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และจงรักภักดีต่อองค์พระประมุขของประเทศไทย ต่างพยายามอดกลั้นอย่างที่สุด เมื่อได้เห็นพฤติกรรมหยาบช้าที่คนกลุ่มหนึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจงใจหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สาเหตุที่ประชาชนผู้จงรักภักดียังคงอดกลั้นในเรื่องนี้ได้ก็เพราะไม่ต้องการทำเรื่องร้ายใดๆ ให้บังเกิดขึ้นบนแผ่นดินนี้ ด้วยความสำนึกว่าเพราะไม่ต้องการให้พระมหากษัตริย์ต้องทรงเสียพระราชหฤทัย เพราะทรงต้องเห็นคนไทยด้วยกันเองเข่นฆ่าประหัตประหารกัน
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ประชาชนไทยผู้จงรักภักดียังคงยึดมั่นในหลักของความอดทนอดกลั้นเสมอมา เพราะไม่ต้องการทำให้พระมหากษัตริย์ที่พวกเขาถวายความเคารพอย่างสูงต้องเสียพระราชหฤทัย แม้ในใจส่วนลึกจะรู้ดีว่าผู้ที่อ้างว่าต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นมีเป้าหมายอยู่ที่การล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
แต่ถึงกระนั้น ประชาชนชาวไทยผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ต่างยืนยันว่า จะไม่ยอมให้ใครคิดร้ายและโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นอันขาด และพร้อมจะถวายชีวิตเป็นราชพลีเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์และองค์พระมหากษัตริย์ไว้ตลอดไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี