ม็อบป่วนเมืองที่ตั้งชื่อกันเป็นรายวันสารพัดชื่อจนเรียกตามไม่ทันนั้น ได้สร้างความสับสนให้แก่คนจำนวนมาก เพราะไม่รู้จะเรียกขานชื่อกันอย่างไรถูก เนื่องจากพอตั้งชื่อหนึ่งแล้วถูกท้วงติงว่าไปเอาชื่อพวกเผด็จการบ้าง พวกโจรปล้นแผ่นดินบ้างมาเป็นชื่อม็อบ ก็ตระหนกตกใจเปลี่ยนชื่อกันไปเรื่อยๆ ดังนั้น เพื่อให้เรียกขานได้ง่ายขึ้นก็จะเรียกม็อบดังกล่าวในชื่อรวมว่าม็อบกาเหว่าที่บางเพลงหรือม็อบกาเหว่า
ม็อบกาเหว่านั้นแรกเริ่มเดิมทีก็มีสองพวก พวกหนึ่งเรียกร้องทางการเมืองต่อรัฐบาล โดยเฉพาะเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ซึ่งเป็นปกติในทางการเมืองที่การเรียกร้องแบบนี้ย่อมได้รับการคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญ
แต่อีกพวกหนึ่งเป็นพวกมีเถยจิตแอบแฝงที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งข้อเรียกร้องทางการเมืองบังหน้า และพ่วงท้ายด้วยข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ นั่นคือใช้หน้าฉากหรือหน้ากากเป็นข้อเรียกร้องทางการเมือง แต่เบื้องหลังคือการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
แต่เนื่องจากม็อบที่มีเบื้องหลังนั้นมีท่อน้ำเลี้ยงมาก มีคนคอยชักใยในระดับสากลจึงมีเงินมีทองมีแผนงานมีเครื่องไม้เครื่องมือครบครัน ทุกครั้งที่มีการจัดชุมนุมม็อบกลุ่มล้มเจ้าก็จะมีบทบาทนำเพราะเป็นเจ้าของรถนำขบวน เป็นเจ้าของเครื่องเสียงและจัดรายการเวทีทั้งหมด ดังนั้นกลุ่มนี้จึงกลายเป็นกลุ่มนำและทำให้อีกกลุ่มหนึ่งค่อยๆ อ่อนกำลังลงไป
ม็อบกาเหว่าดังกล่าวนี้เวลาจะเรียกชุมนุมก็จะอ้างว่าเพื่อขับไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อต่อต้านเผด็จการทรราช ทำให้เด็กเยาวชนนักเรียนนิสิตนักศึกษาและประชาชนทั่วไปที่ไม่พอใจรัฐบาลพากันไปร่วมชุมนุม
แต่ครั้นถึงวันเวลาชุมนุมจริงกลับกลายเป็นว่ามีการกล่าวปราศรัยจาบจ้วงล่วงเกินด่าว่ามุ่งร้ายอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ โดยแทบไม่มีการแตะต้องนักการเมืองเลย ทั้งๆ ที่ทุกคนก็รู้ดีกันอยู่แล้วว่าปัญหาในบ้านเมืองนั้นเป็นเรื่องทางการเมือง เป็นเรื่องของรัฐบาลไม่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งทรงอยู่เหนือการเมือง
ยิ่งนานวันเข้าการชุมนุมทุกครั้งก็กลายเป็นการชุมนุมเพื่อจาบจ้วงระรานรังแกสถาบันพระมหากษัตริย์ ดูหมิ่นเหยียดหยามด่าว่า กระทั่งชักชวนกันไปเผาวัง หรือกระทั่งชักชวนกันไปกดดันพระมหากษัตริย์ซึ่งทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจปกติ และบังอาจถึงขั้นขู่จะฆ่า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยนับตั้งแต่มีพระมหากษัตริย์ขึ้นในประเทศไทย
แต่เหตุการณ์นี้กลับมาเกิดขึ้นในยุคสมัยที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องถือว่าเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่จะติดตัวช่วงเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปในประวัติศาสตร์ของประเทศชาติอีกนานเท่านาน
ขบวนการล้มเจ้าที่หนีคดีและเป็นผู้ลี้ภัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และฝรั่งเศสต้องอยู่ภายใต้กฎของผู้ลี้ภัยที่จะต้องไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ปรากฏว่าคนเหล่านั้นกลับตั้งวงใส่ร้ายป้ายสีบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรงทุกเมื่อเชื่อวัน และเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้ประเทศนั้นจับกุมส่งกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย หรืออย่างน้อยต้องให้หยุดการกระทำเช่นว่านั้น หรือให้ขับไล่ออกไปจากประเทศเหล่านั้น
แต่ผู้รับผิดชอบในกระทรวงการต่างประเทศกลับเพิกเฉย ปล่อยให้มีการกระทำเช่นนั้นต่อไป ซึ่งเป็นการย่ำยีหัวใจคนไทยจนสุดประมาณ ใครจะท้วงติงว่ากล่าวประการใดก็ทำเป็นหูทวนลม
สำหรับภายในประเทศก็มีการใช้โซเชียลมีเดียคือการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ใส่ร้ายป้ายสีจาบจ้วงล่วงละเมิดข่มเหงรังแกและบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นจำนวนมาก ประชาชนร้องเรียนให้ดำเนินคดีให้เด็ดขาด แต่ก็หามีใครนำพาไม่ ผู้รับผิดชอบดูแลกระทรวงดิจิทัลฯทำเป็นหูทวนลม แม้จะถูกประชาชนก่นด่าสักเท่าใดก็ไม่มีการแก้ไขอะไรให้ดีขึ้น
จำเป็นจะต้องกล่าวว่านี่เป็นพฤติกรรมที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบที่จะต้องรับผิดชอบในทางอาญาและในทางการเมือง แต่กลับไม่มีนักการเมืองหน้าไหนใส่ใจทำหน้าที่ตามหน้าที่ของตน
ต่อมานายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่าไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร และขอเป็นกลาง เป็นเหตุให้นายตำรวจคนสำคัญให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในลักษณะเดียวกัน
ต่อปัญหาการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำลายความมั่นคงของชาติและสถาบันหลักของประเทศ ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติหน้าที่ให้เป็นหน้าที่ของผู้มีหน้าที่ระดับต่างๆ ชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำตามหน้าที่และจะวางตัวเป็นกลางปล่อยให้บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไปไม่ได้
เพราะเป็นกลางกันแบบนี้ขบวนการล้มเจ้าจึงฮึกเหิมลำพองและก่อเหตุรุนแรงขึ้นทุกวันจนประชาชนเริ่มทนไม่ไหวและใกล้จะเกิดเป็นสงครามกลางเมืองเต็มทีแล้ว
ดังนั้นคนมีหน้าที่จึงต้องทำหน้าที่ของตน จะอ้างตนเป็นกลางไม่ได้ เพราะนั่นคือเป็นการกระทำที่โบราณเรียกว่าทรยศต่อเจ้า เป็นข้าขายเจ้าเป็นบ่าวขายนาย ซึ่งจะเป็นจัญไรของชีวิตที่จะไม่อาจแก้ไขได้อีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี