นักการเมืองของประเทศไทยเป็นที่ชิงชังรังเกียจของประชาชนมาแทบทุกยุคทุกสมัย เพราะพฤติกรรมโดยทั่วไปนั้นไม่เป็นไปในทางที่พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชน แต่เป็นพฤติกรรมที่แสวงหาประโยชน์ส่วนตน และใช้อำนาจหน้าที่จัดสรรปันแบ่งผลประโยชน์กันระหว่างนักการเมืองตลอดมา
จึงเป็นเหตุของการยึดอำนาจและการเปลี่ยนแปลงอำนาจตลอดมาเป็นระยะเวลาเกือบ 90 ปี มาแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพัฒนาการทางการเมืองของประเทศนอกจากไม่ก้าวหน้าไปในทางที่จะเป็นผลดีเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนแล้ว กลับหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าเดิมมาก
บรรดาพลังแห่งความชั่วร้ายทั้งหลายของประเทศล้วนไปรวมศูนย์อยู่ที่การเมืองและนักการเมืองทั้งสิ้น และทำให้ประเทศไทยทรุดหนักลงอย่างทั่วด้าน เกิดเป็นวิกฤติของชาติต่อเนื่องมาหลายสิบปีแล้วก็หามีผู้ใดคิดอ่านแก้ไขไม่
ในบทพระราชปรารภของรัฐธรรมนูญ 2560 จึงมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น คือมีการแก้ไขบทพระราชปรารภจากที่คณะกรรมการยกร่างได้ยกร่างขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยมีการแก้ไขถึงสองวรรค ให้มีข้อความที่สอดคล้องตรงกัน
โดยชี้ให้เห็นถึงสาเหตุวิกฤติของประเทศชาติว่าเกิดจากสาเหตุสี่ประการ คือ การทุจริตหนึ่ง การฉ้อฉลหนึ่ง การบิดเบือนการใช้อำนาจหนึ่ง และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของราษฎรอีกหนึ่ง นี่คือสมุทัยอริยสัจของแผ่นดินนี้ ที่มีฐานะเป็นบทพระราชปรารภอันทุกคนต้องน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติเพื่อแก้ไขวิกฤติของประเทศชาติ
บทพระราชปรารภดังกล่าวได้แสดงอยู่ในรัฐธรรมนูญ2560 อันย่อมหมายความแจ้งชัดว่าวิกฤติและเหตุแห่งวิกฤติของชาตินั้นปรากฏและดำรงอยู่ตั้งแต่ก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 แล้วทั้งสี่ประการดังที่ปรากฏในบทพระราชปรารภนั้น
ดังนั้นใครเป็นผู้ก่อวิกฤติ ใครเป็นผู้ก่อต้นเหตุของวิกฤติทั้งสี่ประการนั้นจึงต้องรับผิดชอบ และถ้ายังเป็นผู้มีอำนาจอยู่ก็ต้องรีบดำเนินการแก้ไขเพื่อให้บรรเทาเบาบางลง
ต้องนับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงสำแดงพระปัญญาทัศน์ด้วยสัจธรรมถึงทุกข์อริยสัจของประเทศชาติตามที่เป็นอยู่จริงว่าเกิดจากเหตุสี่ประการ
ดังนั้นถ้าจะแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศชาติตามหลักอริยสัจสี่ก็ต้องดับที่เหตุแห่งทุกข์ คือต้องดับหรือที่แก้ไขที่เหตุของวิกฤติดังกล่าวให้หมดสิ้นไป
นั่นคือต้องหยุดและปราบปรามการทุจริตอย่างเฉียบขาดให้เป็นผลจริง
ต้องหยุดการฉ้อฉลทั้งหลายและต้องสร้างแบบแผนการประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้องดีงามขึ้นในการบริหารราชการแผ่นดิน ต้องกำจัดพวกฉ้อฉลทั้งหลายออกจากอำนาจ
ต้องหยุดการบิดเบือนการใช้อำนาจซึ่งทำผิดให้เป็นถูก ทำถูกให้เป็นผิด ปกป้องช่วยเหลือคนผิดด้วยกลวิธีทั้งทางกฎหมาย อำนาจ การเมืองและเงินตรา หยุดใช้อำนาจหน้าที่ในการบิดเบือนใส่ร้ายป้ายผิดให้กับผู้ที่ไม่ได้กระทำความผิดเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตน ต้องทำให้การบังคับใช้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ยำเกรงของคนชั่วช้าสารเลวทั้งหลาย เป็นที่นับถือเลื่อมใสของบัณฑิตและสาธุชนทั้งหลาย
ต้องรีบเอาใจใส่อาณาประชาราษฎรทั้งประเทศที่กำลังเดือดร้อนทุกข์เข็ญและต้องถือเป็นเป้าหมายในการเอาใจใส่ช่วยเหลือจากภาครัฐ อย่าให้ถูกกล่าวหาได้ว่าคืบก็เจ้าสัว ศอกก็เจ้าสัว วาก็เจ้าสัว ทั้งเนื้อทั้งตัวก็เป็นทาสเจ้าสัว กระทั่งยกแผ่นดินให้เจ้าสัวดังที่เป็นอยู่
หลังจากรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้มาถึงวันนี้เข้าปีที่ 4 แล้ว เหตุแห่งวิกฤติทั้งสี่ประการนั้นลดน้อยถอยลงไปหรือว่าขยายตัวลุกลามเป็นมะเร็งร้ายของแผ่นดินก็เห็นๆ กันอยู่
ดังนั้นจึงต้องจับตาดูกันให้ดีว่ากองไฟที่ใหญ่โตและไหม้ลามมากขึ้นทุกทีนั้นในที่สุดก็จะต้องดับลง คงเหลือว่าจะดับลงเมื่อใดและด้วยอาการอย่างใดเท่านั้น นี่เป็นสัจธรรมที่ไม่อาจผลัดเปลี่ยนแปลงได้ ดุจดังพระอาทิตย์ที่ต้องขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก
ล่าสุดความเส็งเคร็งของนักการเมืองที่สร้างความรู้สึกทุเรศในหัวใจประชาชนก็คือเรื่องการเข้าชื่อกันให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยก่อนยื่นก็มีการถอนชื่อออกไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งเหตุของการถอนชื่อนั้นก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามีความโสโครกเกิดขึ้นอย่างไร
จนเรื่องเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งคนทั้งหลายก็หวังว่าความยุติธรรมจะสำแดงอานุภาพให้ปรากฏได้ว่าถูกหรือผิดอย่างไรเพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่คนทั้งหลายได้ประพฤติปฏิบัติต่อไปในวันข้างหน้า
แต่ปรากฏว่าเรื่องโสโครกก็เกิดขึ้นจนได้ โดยมิได้คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนว่าจะรู้สึกเกลียดชัง เคียดแค้น และทุเรศอย่างไร คือมีการถอนชื่อออกจากเรื่องที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ จนทำให้จำนวนผู้เข้าชื่อไม่ถึงจำนวนที่กำหนด และเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญต้องยกคำร้องไม่สามารถพิจารณาอะไรต่อไปได้
ใครทำให้เกิดการถอนชื่อ และเมื่อถอนชื่อแล้วยังมีหน้ามาขอความเป็นธรรมกับประชาชนเสียอีก นี่คือสภาพสุดเส็งเคร็งที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมือง
“สินค้าคนล้นตลาดอนาถไฉน คนพอใจเป็นทาสเงินกว่าเดินหนี
โลกจึงวุ่นคุณธรรมถูกย่ำยี แต่กูนี้ยอมตายไม่ขายตัว”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี