กรณีกรมป่าไม้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีเอาผิด “แม่สมพร-ชนาพรรณ-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ฐานรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จ.ราชบุรี 2,154 ไร่ และดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 147 ล้านบาท พ่วงเอาผิด 5 เจ้าหน้าที่รัฐด้วยนั้น
ผมได้โพสต์แสดงความเห็นย่อๆ ผ่านเฟซบุ๊คไปว่า
“อย่าหาทำ เงียบๆ ฟาดเรียบนะจ๊ะ
1. แม่สมพร 1,940 ไร่ ลูกสาว 132 ไร่ ลูกชาย 81 ไร่ ออกเอกสารสิทธิมิชอบ รุกป่าสงวนแห่งชาติ
2. เจ้าหน้าที่ 5 ราย (รวมอดีตปลัดอำเภอ) ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
3. มีหลักฐานบันทึกการซื้อขายที่ดิน รู้ทั้งรู้ว่าที่อยู่ในเขตป่าสงวน ก็ยังตกลงซื้อ แสดงเจตนายืนยันการครอบครอง และได้เข้าทำประโยชน์ต่อมา จึงแจ้งความ ปทส. ให้มาสู้คดีต่อไป
4. นึกอะไรไม่ออก ก็ตะโกนถามว่าของปารีณาล่ะๆๆๆ กรณีปารีณา เขาสรุปสำนวนฟ้องส่งอัยการแล้วจร้า”
ปรากฏว่า มีคนสอบถามกันเข้ามาเยอะ อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม
ผมจึงขอเล่าข้อมูลที่รับรู้เพิ่มเติมอีกบางส่วน ดังนี้
1. การตรวจสอบเรื่องนี้ ตั้งต้นที่ตรวจสอบการครอบครองที่ดินของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในท้องที่ตำบลรางบัว และตำบลด่านทับตะโก อ.จอมบึง จังหวัดราชบุรี ขณะนี้ ต้องถือว่าผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ยังต้องไปรับทราบข้อหา และนำข้อเท็จจริงมาหักล้าง เพื่อพิสูจน์ความสุจริตตามกระบวนการต่อไป
ส่วนกรณีของนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ สส.ราชบุรีนั้น เจ้าหน้าที่สรุปสำนวนฟ้องส่งอัยการไปแล้ว อยู่ในขั้นตอนนำตัวผู้ต้องหาส่งอัยการ
2. กรณีแม่สมพร ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่ากรมป่าไม้ ได้ตรวจสอบตรวจพบมีเอกสารสิทธิ จํานวน 77 ฉบับ
ประกอบด้วย
- โฉนด จํานวน 1 แปลง เนื้อที่ 43 – 0 – 64.3 ไร่
- น.ส. 3 ก จํานวน 55 แปลง เนื้อที่ 2,010 – 2 – 0 ไร่
- น.ส. 3 จํานวน 14 แปลง เนื้อที่ 694 –2 – 63 ไร่
- น.ส. 2 จํานวน 7 แปลง เนื้อที่ 350 – 0 – 0 ไร่
รวม เนื้อที่ทั้งหมด 3,098 – 1 – 27.3 ไร่
ตรวจพบว่า ที่ดินทั้งหมด อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (พ.ศ.2527) ซ้อนทับกับเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี หมายเลข 85” (พ.ศ. 2512)
3. ภ.บ.ท.5 และ น.ส.2
ตรวจสอบจากพยานหลักฐานการชําระภาษีบํารุงท้องที่ พบว่า นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ครอบครองที่ดินมือเปล่า (ภ.บ.ท.5) จํานวน 1 แปลง เนื้อที่ 90 ไร่
ตรวจสอบพบว่า ผู้มีชื่อตามใบจอง (น.ส.2) 7 แปลง เป็นบุคคลผู้ได้รับอนุญาตให้จับจองที่ดินของรัฐ ปัจจุบันมิได้ครอบครองและทําประโยชน์ในที่ดินที่ได้รับอนุญาตโดยได้โอนที่ดินให้แก่บุคคลอื่น จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกําหนด และเงื่อนไขของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ซึ่งนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ครอบครองมาก
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. กรมป่าไม้ได้ทําบันทึกแจ้งความกล่าวโทษการครอบครองที่ดิน น.ส.2 จํานวน7 แปลง เนื้อที่จํานวน 350-0-0 ไร่ และที่ดิน ภ.บ.ท.5เนื้อที่จํานวน 90 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 440 ไร่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปทส. โดยแจ้งข้อกล่าวหาครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 จํานวน 90 ไร่ และ ครอบครอง น.ส.2จํานวน 7 แปลง เนื้อที่ 350 ไร่ รวมเนื้อที่ 440 ไร่มาตรา 14 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507และ มาตรา 54 พระราชบัญญัติป่าไม้ 2484
4. หนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3ก) จํานวน 62 ฉบับ
ตรวจสอบพบว่า น.ส. 3 ก จํานวน 53 ฉบับ เนื้อที่ 1,940-3-93 ไร่ ปรากฏชื่อ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งอยู่ในท้องที่ ตําบลรางบัวและตําบลด่านทับตะโก อําเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2564 คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันดําเนินการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเพิ่มเติม ตรวจพบน.ส.3 ก อีกจํานวน 7 แปลง ประกอบด้วยผู้ครอบครอง จํานวน 2 ราย ได้แก่
(1) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จํานวน 2 แปลง เนื้อที่ 81-3-67 ไร่
(2) นางสาวชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ จํานวน5 แปลง เนื้อที่ 132-0-22 ไร่
เนื้อที่รวม 2,154 – 3 - 82 ไร่
ตรวจพบว่า ที่ดินทั้งหมด อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (พ.ศ.2527) ซ้อนทับกับเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี หมายเลข 85” (พ.ศ. 2512)
จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.3 ก ทั้ง 60 ฉบับ ออกโดยไม่มีหลักฐานเดิม เป็นการเดินสํารวจออกเมื่อปี พ.ศ. 2521 ก่อนประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี เมื่อปี 2527 แต่พื้นที่ดังกล่าว ถูกกําหนดเป็นเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข 85)” เมื่อปี พ.ศ.2512
วันที่ 11 ม.ค. 2564 เสนอให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก จํานวน 60 ฉบับ ดังนี้
- นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จํานวน 53 ฉบับ เนื้อที่ 1,940-3-93 ไร่
- นางสาวชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ จํานวน5 ฉบับ เนื้อที่ 132 – 0 – 22 ไร่
- นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จํานวน 2 ฉบับ เนื้อที่ 81-3-67 ไร่
รวม 60 ฉบับ เนื้อที่ 2,154 – 3 – 82 ไร่
5. กรณีแจ้งความเพิ่มเติมเอาผิด นางสมพร, น.ส.ชนาพรรณ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ในการแถลงข่าว เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2564 นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย นายชีวะภาพชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ร่วมกันแถลงข่าว
นายชีวะภาพได้อธิบายผลการตรวจสอบ พบว่า พื้นที่ที่มีการครอบครองทำประโยชน์ เป็นพื้นที่ต่อเนื่องขนาดใหญ่ เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 3 พันไร่เศษ มีการใช้ประโยชน์โดยปลูกยูคาลิปตัสต่อเนื่องทั้งพื้นที่ สืบทราบว่ามีการจ้างเฝ้าดูแลพื้นที่โดยกลุ่มบุคคลในพื้นที่ เป็น “ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน” สืบสวนสอบสวนพบว่าพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมด ถูกครอบครองโดยใช้เอกสารสิทธิประเภท น.ส.3 ก ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 60 ฉบับ และตรวจสอบพบผู้ครอบครอง น.ส.3 ก คือ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 53 ฉบับ เนื้อที่ 1,940-3-93 ไร่, น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 5 ฉบับ เนื้อที่ 132-0-22 ไร่ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 2 ฉบับ เนื้อที่ 81-3-67 ไร่รวมเนื้อที่ทั้งหมด 2,154-3-82 ไร่
พบว่า เอกสารทั้ง 60 ฉบับ เป็นเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อตรวจสอบโดยละเอียด พบว่าปรากฏชื่อผู้ครอบครอง 3 ราย คือนางสมพร, น.ส.ชนาพรรณ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจนำเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมายึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นการกระทำให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทั้งเจ้าพนักงานที่ดินและเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง จำนวน 5 คน ที่ได้ร่วมกันออกเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3 ก ทั้ง 60 แปลง เนื้อที่2,154-3-82 ไร่ ในจำนวนนี้ มีอดีตปลัดอำเภอ ทำการแทนนายอำเภอจอมบึง เป็นผู้ลงนามคำสั่งให้ออกเอกสารน.ส.3 ก ตั้งแต่ช่วงปี 2521 ด้วย
คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วตามรายละเอียดข้างต้น จึงเห็นว่าเป็นการกระทำที่เชื่อได้ว่า เป็นการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ประมวลกฎหมายที่ดินตามพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และประมวลกฎหมายอาญา จึงให้ดำเนินคดีกับนางสมพร, น.ส.ชนาพรรณ, นายธนาธร และเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันกระทำความผิดอีก 5 คน
รวมทั้งฟ้องแพ่ง จำนวน 147,063,223.15 บาทด้วย
6. รู้ทั้งรู้ว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหมายเลข 85
นายชีวะภาพได้ชี้ประเด็นสำคัญว่า จากการตรวจสอบ พบบันทึกการซื้อขายที่ดินดังกล่าว ระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ดินกับผู้ซื้อขาย มีการบันทึกถ้อยคำว่า
“พนักงานเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายทราบข้อเท็จจริงแล้ว และที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงอาจจะถูกแก้ไขหรือเพิกถอนได้”
นั่นหมายความว่า เจ้าตัวรับทราบอยู่แล้วว่า ที่ดินดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และอาจมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิในวันข้างหน้า แต่ก็ยังมีการยืนยันจะซื้อขายต่อ จึงเป็นการเจตนายืนยันครอบครองที่ดินโดยมิชอบ และเป็นหลักฐานสำคัญในการแจ้งความดำเนินคดีครั้งนี้
7. เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2564 ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อพิจารณาในมูลฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (15) แล้ว
8. ทั้งหมด เป็นข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับกรณีที่เกี่ยวข้องกับนักธุรกิจ นักการเมืองดัง
น่าแปลกใจ ร่ำรวยเงินทองมหาศาล แต่ทำไมต้องไปเบียดบังที่ดินรุกป่าสงวนแห่งชาติกว่า3 พันไร่
จะถูก-ผิด ว่ากันไปตามกฎหมายและข้อเท็จจริง ทั้งหมด ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังมีสิทธิ์ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเต็มที่
หวังว่า จะใช้ข้อเท็จจริงในการต่อสู้ ไม่ใช้การปลุกระดมมวลชน
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี