แกนนำม็อบหลายคน ทยอยเดินเข้าคุก
แกนนำม็อบหลายคน เงินทยอยไหลเข้า-ออกบัญชี
ขณะที่มวลชนร่อยหรอลงทุกวัน
ล่าสุด จำนวนผู้ชุมนุมเหลือน้อยกว่ากลุ่มการ์ดที่จัดตั้งกันมาด้วยซ้ำ
ในสถานการณ์เช่นนี้ แกนนำม็อบ แกนนำการ์ด และผู้ที่เคยสนับสนุนม็อบ ควรตระหนักว่า อย่าให้ใครนำพาม็อบไปในทางที่ใช้ความรุนแรงเพียงเพราะหวังศพ หวังการสูญเสียเลือดเนื้อ เพื่อจะได้เป็นเครื่องมือในการพลิกผันสถานการณ์เด็ดขาด
เพราะนั่นเป็นสิ่งที่สังคมไทย รู้เท่าทันมาหลายครั้งแล้ว
และมันเป็นวิธีการที่บัดซบ เลวทราม มีแต่สัตว์นรกที่คิดได้ทำได้
1. แหล่งข่าวที่ติดตามสถานการณ์ม็อบได้เปิดเผยถึงทิศทางความเคลื่อนไหวของม็อบ พึงระวัง ดังนี้
...กลุ่มการ์ดบางกลุ่ม นำโดย นาย ฐ. พยายามจะดึงมวลชนเสื้อแดงมาร่วมจัดกิจกรรมด้วย เนื่องจากแกนนำมีแนวทางต้องการใช้ความรุนแรง และไม่สนใจว่ามวลชนจะได้รับผลกระทบอย่างไร แนวคิดนี้ ทำให้จัดกิจกรรมถูกหมางเมินจากแกนนำและมวลชนอีกหลายกลุ่ม
มูลเหตุจูงใจที่แกนนำบางคนมุ่งจะใช้ความรุนแรงดังกล่าว เนื่องมาจากทราบว่า นาย ป. (แกนนำการ์ดอีกกลุ่ม) ได้ทำข้อตกลงกับบุคคลภายนอกที่ต้องการโค่นรัฐบาล เพื่อต้องการให้ม็อบยุติลง โดยใช้แนวทางทำให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้มีดำเนินการกับผู้ชุมนุม ซึ่งหากทำสำเร็จ แกนนำกลุ่มนี้จะได้รับการช่วยเหลือลี้ภัยไปต่างประเทศ หลังจบการชุมนุม ตามที่ได้เขียนคำร้องขอไว้แล้ว หลังจากนั้น เมื่อเปลี่ยนขั้วการเมือง จะรอให้คดีความถูกเคลียร์เรียบร้อย ค่อยเดินทางกลับ
ขณะที่ภาพรวมการชุมนุมจะมุ่งเน้นมวลชนเสื้อแดงเป็นพิเศษ เนื่องจากจะต้องใช้มวลชนกลุ่มนี้ในการผลักดัน และเป็นเครื่องมือในการสร้างสถานการณ์รุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งสอดคล้องกับการปรับตำแหน่งของกลุ่มการ์ดบางกลุ่ม ในการปรับ ผบ.ร้อย.จำนวน 2 คน ที่เคยเป็นอดีตคนเสื้อแดงเมื่อปี’53 ขึ้นมาเป็น ผบ.ร้อย.คุมกำลังในการชุมนุม
แผนการ รปภ.การชุมนุมจะเป็นเพียงแผนกว้างๆ ในการจัดการพื้นที่ โดยมีกลุ่มการ์ดกลุ่มหนึ่งรับผิดชอบพื้นที่ชั้นใน เพื่อใช้ในภารกิจผลักดันแนวปะทะของเจ้าหน้าที่ด้านหน้า โดยแกนนำที่ทราบแผนการปฏิบัติดังกล่าวมี นาย ศ. นาย ก. และ นาย ฐ. ทั้งนี้ นาย ฐ. แจ้งว่าจะไม่เข้าไปพื้นที่ชุมนุม แต่จะคอยสังเกตการณ์อยู่บริเวณรอบนอก
ส่วนพื้นที่ชั้นนอก จะมีกลุ่มการ์ดอีกกลุ่มรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม
ได้มีการปรับให้กลุ่มแนวร่วมของกลุ่มการ์ดกลุ่มนี้บางส่วน ให้เข้าไปช่วยพื้นที่ชั้นในร่วมกับกลุ่มแรก เพื่อเสริมแนวปะทะกับเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ นาย ศ.และ นาย ก. ได้เตรียมระเบิดชนิดต่างๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นระเบิดปิงปองไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อใช้สร้างสถานการณ์ ขณะเดียวกัน พบว่ากลุ่มการ์ดบางกลุ่มมีการเตรียมระเบิดปิงปองไว้จำนวน 400 ลูก เช่นกัน โดยสถานการณ์ความรุนแรงนี้จะเป็นทางลงให้กับกลุ่มแกนนำ…
เพราะฉะนั้น อย่าแปลกใจที่เจ้าหน้าที่จะต้องใช้ตู้คอนเทนเนอร์ และสร้างแนวป้องกันสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้างาน ขณะเดียวกัน ก็พยายามสกัดแผนปฏิบัติการที่จะใช้ความรุนแรงให้ระงับไปให้ได้
2. ข้อคิดเตือนใจสำหรับผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะนายทุน และแกนนำบางส่วน
ลองพิจารณาคำเตือนจาก ดร. ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ว่าด้วยเรื่อง “สงครามประชาชนไม่เคยเกิดขึ้นโดยการจ้างวาน” ดังนี้
“...
(1) คนรุ่นใหม่ที่เดินขบวนเฉพาะกลุ่มที่มีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อล้มเจ้าอยากสถาปนาระบบประธานาธิบดีขึ้นในประเทศไทยตามความต้องการของผู้ที่จ่ายเงินสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง (ทั้งที่เป็นคนไทยและฝรั่ง) ควรจะสำเหนียกไว้ด้วยว่า การจะพลิกฟ้าพลิกดินเช่นนั้นได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนส่วนใหญ่ที่เรียกกันว่า การปฏิวัติโดยประชาชน อย่างที่เคยเกิดขึ้นที่ประเทศรัสเซียในสมัยเลนิน (Lenin) เคยเกิดขึ้นในประเทศจีนในสมัยซุนยัดเซ็นและอีกครั้งในสมัยเหมา เจ๋อ ตุง หรือที่เคยเกิดขึ้นในคิวบาสมัยฟีเดลคาสโตรและที่เคยเกิดขึ้นในฝรั่งเศสสมัยการปฏิวัติใหญ่ใน ค.ศ. 1789
แต่ลองคิดเปรียบเทียบดูเถิดว่า มันมีสถาบันใดในประเทศไทยที่มีพฤติกรรมเลวร้ายมากจนถึงกับทำให้ประชาชนทั้งประเทศลุกฮือขึ้นก่อสงครามประชาชนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ ดังกล่าวข้างต้นหรือไม่
แน่นอน ความบกพร่องไม่สวยงามในทุกสถาบันของชาติย่อมมี เพราะเป็นเรื่องของคน ไม่ว่าจะเป็นสถาบันในทางศาสนาหรือสถาบันที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา
เราทุกคนทั้งคนในและนอกสถาบันต่างๆ จึงต้องมีหน้าที่ช่วยกันปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้ทุกสถาบันคงสามารถอยู่เป็นหลักอย่างมั่นคงเพื่อประโยชน์ในการรักษาความเป็นเอกภาพ ความเป็นชาติ และความเป็นเอกราชมีอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ของตนเองต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
(2) เหตุแห่งการเกิดปฏิวัติประชาชนดังกล่าวในประเทศอื่นๆ มันยังไม่มีในประเทศไทย ใช่หรือไม่?
แล้วพวกเราเดินขบวน ดิ้นรน ก่อกวน ต่อสู้ไปเพื่ออะไร
โดยเฉพาะในยุคที่ประเทศมีภัยจากโรคภัยไข้เจ็บและเศรษฐกิจของโลกตกต่ำอย่างสาหัสในขณะนี้
ตัวรัฐบาลเองก็มาโดยชอบของรัฐธรรมนูญ (มันจะผิดจะถูกมันก็เป็นกฎหมายที่ทุกคนต้องเคารพตามหลัก Legal Positivism)
และตัวรัฐบาลเองก็ยังไม่มีอะไรแสดงให้เห็นว่ามีลักษณะเป็นเผด็จการรัฐสภา (ตามทฤษฎีรูปแบบของ Totalitarianism) กล่าวคือ ไม่เคยเสนอกฎหมายหรือนโยบายอะไรที่เพื่อให้เกิดการโกงกินคอร์รัปชั่นกันระหว่างผู้มีอำนาจและเครือญาติอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ยังเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยที่ยังให้เกียรติ ใช้ความอดทนสูงในการรับฟังเสียงติติงของฝ่ายค้านที่บางครั้งก็หยาบคายก้าวร้าวที่เหมาะจะใช้บนเวทีนอกรัฐสภาเท่านั้น
และก็ยังเป็นรัฐบาลที่ยังไม่แสดงอะไรให้เห็นถึงการใช้ความรุนแรงเกินเหตุกับ mob ของประชาชนที่ใช้สิทธิชุมนุมนอกสภา มีแต่ใช้หลักนิติธรรมกับผู้ทำผิดกฎหมายในทุกกรณีเท่านั้น
นอกเสียจากว่า ถ้ามันเป็นเพียงอาชีพเพราะเป็นหนทางได้เงินเพื่อเลี้ยงชีพไปวันๆ ดีกว่าตกงานก็ทำไปเถิด ผมไม่ว่าอะไรหรอก เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางเสี่ยงอนาคตเอาเองก็แล้วกัน เพราะเงินทุนสามานย์ทั้งจากคนไทยสามานย์และจากฝรั่งสามานย์มันยังมีอีกมากมายมหาศาล พวกเขาคงจ้างให้เกิดการก่อกวนความสงบของประเทศไทยได้อีกหลายสิบปี
คนไทยส่วนใหญ่จึงต้องเข้าใจและเตรียมใจไว้อดทนกับมัน
เพราะเราเลือกเกิดใหม่ไม่ได้อีกแล้วครับ”
3. เพราะฉะนั้น ก่อนจะออกมาตะโกนว่า ฝ่ายอำนาจรัฐยัดเยียดข้อหา กฎหมายไม่ชอบธรรม ฯลฯ ก็ต้องกลับไปดูพฤติกรรมของแกนนำที่ถูกดำเนินคดีด้วยว่า เจตนาจงใจท้าทายกฎหมาย ด้วยการละเมิด ด้วยความหยาบคายมาอย่างไรบ้าง สังคมเคยตักเตือนติติง กลับไม่เคยรับฟัง แต่ไปหลงตามคำยุยงยงหนุนส่งจากอาจารย์และนักการเมืองบางกลุ่ม ที่ปัจจุบันก็ยังหดหัวอยู่หลังม็อบต่อไป
และยังเตรียมจะหาคนรุ่นใหม่รายอื่นที่ “อยากมีตัวตน” หรือ “อยากมีฐานะ” ชั่วข้ามคืน ด้วยการยุยงปลุกปั่นให้ขึ้นมากระทำการและติดคุกติดตะรางแทนพวกตนต่อไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี