วันอังคาร ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันอังคาร ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
ภัยเศรษฐกิจ หนักไม่แพ้ภัยสู้รบ

ดูทั้งหมด

  •  

ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา นำมาสู่การปะทะกันตามแนวชายแดนต่อเนื่อง

ล่าสุด สหรัฐ และจีน ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเจรจายุติการสู้รบ


ในส่วนของสหรัฐ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ งัดเอาภาษีโต้ตอบมาขู่ทั้งไทยและกัมพูชาด้วย

ทำให้สถานการณ์สู้รบที่มีผลต่อเศรษฐกิจอยู่แล้ว ผูกเข้ากับภาษีโต้ตอบของสหรัฐที่จ่อจะเริ่มใช้ 36% ในวันที่ 1 ส.ค.นี้แล้วด้วย

1. ผลกระทบทางเศรษฐกิจการค้า จากสถานการณ์สู้รบกัมพูชา

เที่ยวบินไทย – กัมพูชา ยังปกติ

กระทรวงการท่องเที่ยวฯเชื่อสถานการณ์ชายแดนไม่กระทบท่องเที่ยว ตัวเลขยังเพิ่มต่อเนื่องทะลุ
1 แสนคนต่อวัน

นักวิเคราะห์ชี้เศรษฐกิจกัมพูชาเสี่ยงกระทบมากกว่าไทย หากปะทะชายแดนยืดเยื้อ เนื่องจากมีความเปราะบางมากกว่าไทย และเครื่องมือทางนโยบายน้อยกว่า

กรมบัญชีกลาง ขยายเงินทดรองราชการเพิ่มเติมอีก 100 ล้านบาท ให้ผู้ว่าฯอีก 3 จังหวัด รับมือปัญหาไทย-กัมพูชา

กระทรวงพาณิชย์ อัดมาตรการเยียวยาเกษตรกร ผู้ประกอบการ รับมือผลกระทบชายแดนกัมพูชา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และสร้างโอกาสทางการค้าใหม่ ๆ ตามนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย”

2. ภาษีโดนัลด์ ทรัมป์ กับการสู้รบไทย-กัมพูชา

ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งสองประเทศที่จะโดนภาษี 36%

ถ้าไทยเราโดน 20% ว่าเหนื่อยแล้ว ถ้าโดน 36% กระทบหนักแน่นอน

คุณกรณ์ จาติกวณิช มองว่า “เกรงว่าเราออกตัวช้าไป เบาไป อาจจะเชื่อ lobbyist ที่จ้างมามากไป เวลานี้เราต้องหวังว่าทรัมป์จะไม่พิจารณาเปรียบเทียบข้อเสนอของเรากับของเวียดนามและอินโดนีเซีย ที่ได้เสนอเปิดตลาดให้สินค้าอเมริกัน 100% ในอัตราภาษีนำเข้าที่ 0%

ความเสี่ยงวันนี้ คือ อเมริกาอาจเลือกที่จะไม่ตอบรับข้อเสนอรัฐบาลไทยเลย และเดินหน้าเก็บภาษีที่ 36% ตั้งแต่วันศุกร์ที่จะถึงนี้ แล้วค่อยรอให้เรายอมเขาเองภายหลัง

หากเป็นเช่นนี้เราจะได้รับผลกระทบแรงมาก การส่งออกลดลง การลงทุนหาย และการผลิตย้ายไปที่ประเทศเพื่อนบ้านเรา

แต่หากทรัมป์คิดว่าการประกาศสรุปดีลกับเราเป็นผลดีทางการเมืองและเศรษฐกิจให้กับเขา ไทยก็อาจจะโชคดี

ทรัมป์เองมีปัญหาเรื่อง Epstein file อาจจะมองว่าการประกาศดีลการค้าทำให้เขาดูดี

แต่โอกาสสูงที่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเราเท่าที่รัฐบาลเราเชื่อ

เขามีภาระสำคัญกว่า เช่น การปิดดีลกับ EU ส่วนไทยในยุคนี้แทบไม่อยู่ในสายตา

หากตัดสินใจเชือดไก่ให้ลิงดูก็ไม่กระทบอะไรกับตัวเขามาก

และวันนี้เรามีเรื่องอยู่กับกัมพูชา อาจจะเป็นการเพิ่มความไม่นอนในแนวทางการตัดสินใจของอเมริกา ซึ่งหวังว่าจะไม่นำไปสู่การคงอัตราภาษีไว้ที่ 36% ทั้งสองประเทศ เพื่อไม่เป็นการแสดงออกว่าเข้าข้างใคร?

หากเป็นเช่นนี้ กัมพูชาเดือดร้อนแน่นอน ประมาณ 40% ของการส่งออกของเขาไปที่อเมริกาซึ่งส่วนใหญ่คือ เสื้อผ้า ชุดกีฬา ที่สามารถผลิตแทนได้ที่เวียดนาม หรืออินโดนีเซีย

มีโอกาสกระทบแรงงาน 800,000 คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้

ส่งผลต่อเรา หนักเช่นกัน ตลาดหุ้นไทยที่เพิ่งปรับขึ้นมาสองร้อยจุดเป็นด่านแรก ผลต่อเศรษฐกิจ ต่อการว่าจ้าง จะตามมาติดๆ

ผมขอเน้นอีกครั้งว่าผลจะออกมาอย่างไร นี่คือสัญญาณเตือนให้เรารีบพัฒนาตัวเราเอง”

หลังจากนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอให้ไทยกับกัมพูชาพูดคุยยุติการสู้รบ โดยหยิบเอาภาษีมาขู่

คุณกรณ์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “..ผมได้เขียนด้วยว่า หากจะมีข้อตกลงได้ อเมริกาต้องไม่ได้เพียงแค่ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่ทรัมป์ต้องได้ “win” ทางการเมือง

วันนี้จึงมีทางออก ทั้งทางความมั่นคงและทางเศรษฐกิจ

ผมหวังว่าเราได้ตอบว่า “เราไม่เคยต้องการให้เกิดความรุนแรง พร้อมหยุดยิงเมื่อกัมพูชาหยุด และพร้อมตั้งโต๊ะเจรจาเรื่องชายแดนกับกัมพูชาทันที”

กัมพูชาเองจะเดือดร้อนมากจากอัตราภาษีที่สูง ดังนั้น การแทรกแซงโดยทรัมป์น่าจะเป็นทางลงให้ฮุนเซนถอยจากศึกที่เขาไม่มีวันชนะ

การตกลงหยุดยิงน่าจะช่วยให้ทั้งสองประเทศได้รับข้อตกลงภาษีลดลง และเข้าจังหวะที่ทรัมป์ต้องการผลงานการเจรจาสงบศึก หลังจากที่ยังไม่สามารถทำได้ตามที่เคยหาเสียงไว้ในกรณี รัสเซีย/ยูเครน และ อิสราเอล/ปาเลสไตน์

เป็นที่รู้กันว่าทรัมป์ต้องการ Nobel Prize จากผลงานระงับสงคราม

ส่วนเราได้กลับไปเจรจากับกัมพูชาในระดับทวิภาคี โดยไม่มีศาลโลก (ทรัมป์เองก็ไม่ชอบศาลโลก)

เราได้โอกาสนี้มาด้วยเลือดเนื้อและความเสียสละของทหารและประชาชนคนไทย หวังว่ารัฐบาลจะใช้ให้เป็นประโยชน์กับเรา”

3. น่าสนใจว่า สหรัฐจะลดภาษีให้เราแค่ไหน?

ขณะนี้ สหรัฐปิดดีลกับอียูได้แล้ว

คุณกอบศักดิ์ ภูตระกูล ระบุว่า “ยุโรปยอมเปิดตลาดทั้งหมดของประเทศสมาชิก 27 ประเทศ คน 450 ล้านคน ให้กับสินค้าสหรัฐที่ 0%

ขณะเดียวกัน ยอมให้สหรัฐคิด Tariffs 15% บวกกับจ่าย Tariffs อัตราพิเศษ ++ สำหรับเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม (ที่สหรัฐประกาศแล้ว) และยา ชิพ … อื่นๆ (ที่จะประกาศต่อไป)

พร้อมสัญญาเพิ่มเติม ตามแบบดีลญี่ปุ่น เพื่อให้ได้ 15%

โดยซื้อพลังงานจากสหรัฐ 7.5 แสนล้านดอลลาร์

ลงทุนในสหรัฐอีก 6 แสนล้านดอลลาร์

พร้อมซื้อยุทโธปกรณ์จากสหรัฐ (แต่ยังไม่บอกตัวเลข)

ซึ่งสอดรับกับการที่สมาชิก NATO ได้ตกลงที่จะจัดงบประมาณด้านกลาโหมให้มากขึ้น

ครั้นพอมีคนถามตรงๆ ว่า “ยุโรปได้อะไรจริงๆ จากดีลนี้”

President of the European Commision บอกว่า “… เรามีความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างกัน ข้อตกลงนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว การค้าจะได้เดินหน้าต่อไป เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองฝ่าย … ”

สรุปง่ายๆ ก็คือ ยุโรปยอมทุกอย่าง เพื่อจะได้ค้าขายกับสหรัฐต่อ

ฝืนยิ้ม กล้ำกลืน ยอมรับ Tariffs ที่ไม่สมดุล 15% ต่อ 0%

ซึ่งน่าจะเป็น One-side Deal ที่สหรัฐได้ข้างเดียว เพื่อสิทธิดังกล่าว 

สำหรับไทย ดีลนี้ก็มีความหมายอย่างยิ่งเช่นกัน เพราะสหภาพยุโรป มี 27 ประเทศ มีคน 450 ล้านคน มีหลายประเทศเป็นประเทศเล็กๆ ที่มีสินค้าคล้ายๆ กับไทย เป็นคู่แข่งของเรา

เมื่อประเทศเหล่านี้ ได้ดีล 15%

รวมถึงญี่ปุ่น 15%

อินโดนีเซีย 19%

ฟิลิปปินส์ 19%

เวียดนาม 20%

นอกจากนี้ สหรัฐจะมีดีลอีก 2-3 ประเทศ เช่น อินเดีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ ซึ่งมีโอกาสได้ 20% หรือต่ำกว่าเช่นกัน

ทั้งหมด จะเป็นแรงกดดันต่อภาคส่งออกไทยต่อไป

หลังจากนี้ สำหรับประเทศที่เหลือ ในโค้งสุดท้าย President Trump บอกว่า ให้เตรียมรับจดหมายยืนยันอัตรา Tariffs ที่สหรัฐจะส่งไปให้ก่อน 1 สิงหาคม โดยไม่มีการเลื่อนออกไป รวมถึง จะได้ส่งจดหมายแจ้งอีกร้อยกว่าประเทศ ที่เคยได้อัตรา Minimum 10% ด้วย ว่าจะจบที่เท่าไร มาติดตามกันครับ”

4. สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) แถลงการส่งออกของไทยในเดือนมิถุนายน 2568 มีมูลค่า 28,649.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (938,533 ล้านบาท)

ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ที่ร้อยละ 15.5

แต่แนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป จะต้องดูภาษีโต้ตอบของสหรัฐว่าจะเจออัตราเท่าใด?

“แนวโน้มการส่งออกครึ่งหลังของปี 2568 การดำเนินมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลต่อการค้าไทยและโลกอย่างมีนัยสำคัญ

ผลของการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีต่างตอบแทนจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. 2568 เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อทิศทางการค้าระหว่างประเทศในอนาคตของไทย

โดยไทยได้ยื่นข้อเสนอฉบับใหม่ที่เปิดตลาดมากขึ้นให้กับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ซึ่งได้รับการตอบรับในทิศทางที่ดี

คาดว่าไทยจะได้รับอัตราภาษีที่เหมาะสม และยังสามารถแข่งขันกับประเทศผู้ส่งออกรายอื่นในภูมิภาคได้

ในระยะยาว การสร้างความสมดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ ถือว่าจะเป็นโอกาสให้ไทยเร่งปรับปรุงโครงสร้างการส่งออกไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต สร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศเพื่อรองรับการกระจายความเสี่ยงการผลิตและลงทุน และยกระดับสภาพแวดล้อมทางการค้าของประเทศให้แข่งขันได้ในระดับโลกเพิ่มขึ้น

ในส่วนของการบรรเทาผลกระทบ ภาครัฐได้เตรียมความพร้อมด้วยมาตรการสนับสนุนทั้งภาคธุรกิจและเกษตรกรรม

สำหรับปัจจัยอื่นๆ ที่คาดว่าจะส่งผลต่อการส่งออกในครึ่งปีหลัง อาทิ ความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ผลไม้ที่กำลังออกสู่ตลาด สงครามในตะวันออกกลาง การชะลอการลงทุนเพื่อรอดูท่าทีการเจรจา การปรับตัวของผู้ส่งออกในการปรับเปลี่ยนแหล่งนำเข้าวัตถุดิบให้สอดคล้องกับเงื่อนไขของการลดภาษีของสหรัฐฯ

สถานการณ์เหล่านี้เป็นประเด็นที่กระทรวงพาณิชย์ยังคงต้องติดตามและหามาตรการรับมือ เพื่อแก้ปัญหา และหาแนวทางเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสมต่อไป”

5. ศึกหนักเศรษฐกิจไทย ทั้งการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว

วิจัยกรุงศรี ให้มุมมองที่ต้องจับตาหลังจากนี้ ระบุว่า

“จับตาผลการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ

หลัง 2 ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนต่อรองภาษีตอบโต้เหลือ 19-20%

ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้อาจชะลอลงจากปีก่อน

แม้มีมาตรการรองรับผลกระทบสงครามการค้าจาก BOI แต่ยังต้องติดตามการเจรจาการค้าไทยกับสหรัฐฯ

เลขาฯสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เผยว่า จากการประกาศใช้นโยบายเก็บภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯล่าสุด ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล ประกอบกับการแข่งขันทางธุรกิจในประเทศมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น

ทาง BOI จึงออกมาตรการ “ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย เพื่อรองรับโลกยุคใหม่” โดยมีเป้าหมาย คือ (i) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเสริมสร้าง Supply Chain ในประเทศให้แข็งแกร่ง และ (ii) ลดความเสี่ยงจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ และจัดระเบียบการลงทุนเพื่อรักษาสมดุลในการแข่งขันทางธุรกิจให้เหมาะสม

ข้อมูลจาก BOI ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งในแง่จำนวนโครงการ (822 โครงการ หรือ +20% YoY) และมูลค่าการลงทุน (4.31 แสนล้านบาท หรือ +97% YoY)

นำโดยการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีของสหรัฐฯ นับเป็นแรงกดดันที่มีนัยสำคัญต่อการตัดสินใจของนักลงทุน

โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานโลก และพึ่งพาการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯเป็นหลัก

ทั้งนี้ ยังต้องติดตามการเจรจาการค้าไทยกับสหรัฐฯ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการว่าจะสามารถลดอัตราภาษีตอบโต้ให้ต่ำกว่า 36% ได้หรือไม่

ขณะที่ประเทศคู่แข่งในภูมิภาคอย่างเวียดนามและอินโดนีเซียสามารถเจรจาลดอัตราภาษีลงเหลือ 20% และ 19% ตามลำดับ

หากไทยเผชิญอัตราภาษีที่สูงกว่าอาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะต่อไป

จำนวนนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวอย่างช้าๆ วิจัยกรุงศรีคาดปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดเพียง 34 ล้านคน

ล่าสุดข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง วันที่ 13 กรกฎาคม มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยรวม 17.75 ล้านคน ลดลง 5.6% YoY สร้างรายได้ 8.22 แสนล้านบาท

โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย จีน อินเดีย รัสเซีย เกาหลีใต้

จากข้อมูลรายสัปดาห์ล่าสุดแม้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับกว่า 10,000 คนต่อวัน จากราว 7,000-8,000 คนต่อวัน ในช่วงก่อนหน้า แต่ยังนับว่าต่ำเมื่อเทียบกับปี 2562 ที่เคยมากถึง 30,000 คนต่อวัน

สะท้อนให้เห็นว่า การฟื้นตัวยังอ่อนแอและยังไม่กลับเข้าสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งนอกจากผลกระทบจากความกังวลด้านความปลอดภัยแล้ว ยังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศคู่แข่ง เช่น ญี่ปุ่น และเวียดนาม

ปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ วิจัยกรุงศรี ตัดสินใจปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไทยในปี 2568 ลงเหลือ 34 ล้านคน

จากเดิมคาดที่ 36.5 ล้านคน

และลดลงจากปีก่อนที่ 35.5 ล้านคน

โดยประเมินว่าการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนอาจยังไม่สามารถเร่งตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ตลาดท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ แม้บางประเทศจะมีแนวโน้มดีขึ้น อาทิ อินเดีย และยุโรป แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยช่องว่างของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เคยเป็นตลาดหลักของไทย” สรุป

เท่ากับว่า เศรษฐกิจไทยเจอศึกหนัก เครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวหลักๆ จะกระทบหมด

ทั้งการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว

นักการเมืองตื่นหรือยัง รัฐบาลตื่นหรือยัง

เมื่อไหร่ประเทศไทยจะมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพกว่านี้ มีศักยภาพกว่านี้

มีผู้นำที่มีบารมี มีความสามารถที่จะพาประเทศไทยรอด สร้างความเชื่อมั่นแก่ทุกภาคส่วนมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ ได้หรือยัง?

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
20:14 น. ถนนเส้นทางหลวง ตาก-แม่สอด พบทรุดตัว-รอยแยกยาว 80 เมตร
19:52 น. จเรตำรวจแห่งชาติประชุมผู้แทน 10 ประเทศ-UNODC จับมือร่วมปฏิบัติการวอร์รูม IAC
19:43 น. ชาวบ้านดีใจ! หลังจ.ตราดประกาศให้ผู้อพยพกลับบ้านได้แล้ว
19:24 น. ทหารไทยจัดให้!! ล้อมรั้วลวดหนาม'ปราสาทตาเมือนธม' ปิดทางขึ้นฝั่งเขมร หลังยึดคืนสำเร็จ
19:09 น. 'วัชระ'จี้'อธิการบดี'เพิกถอนดุษฎีบัณฑิต'ฮุนเซน' นัดประชุมสภาม.ร. ลบชื่อ 8 ส.ค.นี้
ดูทั้งหมด
ประณามไทย! วุฒิสภากัมพูชาออกแถลงการณ์ 6 ข้อ วอนนานาชาติช่วย
ด่วน! ทอ.ส่ง 'F-16' 6 ลำ ทิ้งระเบิดพื้นที่ช่องอานม้าของกัมพูชา
เหตุปะทะล่าสุด! เขมรงัดอาวุธหนัก 'อาร์พีจี-ปืนใหญ่กระสุนแตกอากาศ' กระหน่ำยิงไทย
ละลาย! F-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 ไม่พลาดเป้า 4 เครื่องกลับฐานบินปลอดภัย
'ครูเดวิด'ตีแผ่ความจริงชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ชาวโลกได้รับรู้ สับเละพวกบิดเบือนประวัติศาสตร์!
ดูทั้งหมด
หมาป่าช่วยสิงโตล่าม้าลาย
เสี้ยนหนาม
ภัยเศรษฐกิจ หนักไม่แพ้ภัยสู้รบ
Sister Wives
ต้องฟ้อง ‘2 พ่อลูกตระกูลฮุน’ อาชญากรสงคราม
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ถนนเส้นทางหลวง ตาก-แม่สอด พบทรุดตัว-รอยแยกยาว 80 เมตร

ชาวบ้านดีใจ! หลังจ.ตราดประกาศให้ผู้อพยพกลับบ้านได้แล้ว

ทหารไทยจัดให้!! ล้อมรั้วลวดหนาม'ปราสาทตาเมือนธม' ปิดทางขึ้นฝั่งเขมร หลังยึดคืนสำเร็จ

'วัชระ'จี้'อธิการบดี'เพิกถอนดุษฎีบัณฑิต'ฮุนเซน' นัดประชุมสภาม.ร. ลบชื่อ 8 ส.ค.นี้

บีบหัวใจ! พ่อแม่'พลทหาร ธีรยุทธ'ร่ำไห้ ลูกชายเสียชีวิตในสนามรบ

'หมอวี'เรียกร้องสหประชาชาติ-ทั่วโลกประณามการกระทำของกัมพูชา

  • Breaking News
  • ถนนเส้นทางหลวง ตาก-แม่สอด พบทรุดตัว-รอยแยกยาว 80 เมตร ถนนเส้นทางหลวง ตาก-แม่สอด พบทรุดตัว-รอยแยกยาว 80 เมตร
  • จเรตำรวจแห่งชาติประชุมผู้แทน 10 ประเทศ-UNODC จับมือร่วมปฏิบัติการวอร์รูม IAC จเรตำรวจแห่งชาติประชุมผู้แทน 10 ประเทศ-UNODC จับมือร่วมปฏิบัติการวอร์รูม IAC
  • ชาวบ้านดีใจ! หลังจ.ตราดประกาศให้ผู้อพยพกลับบ้านได้แล้ว ชาวบ้านดีใจ! หลังจ.ตราดประกาศให้ผู้อพยพกลับบ้านได้แล้ว
  • ทหารไทยจัดให้!! ล้อมรั้วลวดหนาม\'ปราสาทตาเมือนธม\' ปิดทางขึ้นฝั่งเขมร หลังยึดคืนสำเร็จ ทหารไทยจัดให้!! ล้อมรั้วลวดหนาม'ปราสาทตาเมือนธม' ปิดทางขึ้นฝั่งเขมร หลังยึดคืนสำเร็จ
  • \'วัชระ\'จี้\'อธิการบดี\'เพิกถอนดุษฎีบัณฑิต\'ฮุนเซน\' นัดประชุมสภาม.ร. ลบชื่อ 8 ส.ค.นี้ 'วัชระ'จี้'อธิการบดี'เพิกถอนดุษฎีบัณฑิต'ฮุนเซน' นัดประชุมสภาม.ร. ลบชื่อ 8 ส.ค.นี้
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ภัยเศรษฐกิจ หนักไม่แพ้ภัยสู้รบ

ภัยเศรษฐกิจ หนักไม่แพ้ภัยสู้รบ

29 ก.ค. 2568

ฮุนเซนปลูกอคติต่อไทย  ในแบบเรียนกัมพูชา

ฮุนเซนปลูกอคติต่อไทย ในแบบเรียนกัมพูชา

28 ก.ค. 2568

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

25 ก.ค. 2568

‘ชินวัตร’จะไร้ตำแหน่ง หรือไร้แผ่นดิน?

‘ชินวัตร’จะไร้ตำแหน่ง หรือไร้แผ่นดิน?

24 ก.ค. 2568

มาเที่ยวปราสาท ไม่ใช่มาป่วนประสาท

มาเที่ยวปราสาท ไม่ใช่มาป่วนประสาท

23 ก.ค. 2568

ชายชุดดำ กับคนชุดแดง (จบ)

ชายชุดดำ กับคนชุดแดง (จบ)

22 ก.ค. 2568

ชายชุดดำ กับคนชุดแดง

ชายชุดดำ กับคนชุดแดง

21 ก.ค. 2568

ไทยต้องปรับตัว ผู้นำรัฐบาลไร้ฝีมือ รีบออกไป

ไทยต้องปรับตัว ผู้นำรัฐบาลไร้ฝีมือ รีบออกไป

18 ก.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved