หลังจากกลุ่มซีพีเป็นเจ้าของกิจการของเทสโก้ โลตัส ผ่านดีลมูลค่ากว่า 3.38 แสนล้านบาท และผ่านการอนุมัติของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าของประเทศไทยเรียบร้อยไปแล้ว
ล่าสุด เทสโก้โลตัสก็เปลี่ยนโฉม-เปลี่ยนชื่อ
จากเทสโก้ โลตัส เป็น Lotus’s และ Lotus’s go fresh
โดยจะทยอยปรับสาขาทั้งหมดทั่วประเทศ
ขณะนี้ โลตัส ในประเทศไทย ประกอบด้วย ไฮเปอร์มาร์เก็ต 214 สาขา ตลาดโลตัส 179 สาขา ร้านค้าขนาดเล็ก (Lotus’s go fresh) 1,574 สาขา และเช่าพื้นที่ในศูนย์การค้า 191 สาขา รวม 2,158 สาขา
แต่ประเด็นที่น่าสนใจติดตาม และเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และอนาคตกิจการของชาวบ้าน ผู้ผลิตสินค้าชุมชน เกษตรกร SME ว่าจะมีส่วนแบ่งในผลประโยชน์ของอาณาจักรค้าปลีกของซีพีอย่างไร
มีดังต่อไปนี้
1. ปัจจุบัน ร้าน 7/11 ในประเทศไทย มีจำนวนสาขาทั้งหมด 12,225 สาขา
นอกจากนี้ เครือซีพียังมีร้านแม็คโคร อีกกว่า 134 สาขา
การรวมธุรกิจโลตัสกับ 7/11 จึงมีผลกระทบต่อการแข่งขันทางการค้าในธุรกิจร้านค้าปลีก ซึ่งเป็นร้านค้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของประชาชนวงกว้าง
ทั้งในแง่ผู้บริโภคที่จะซื้อสินค้า และในแง่ผู้ผลิตที่จะขายสินค้าให้ผู้บริโภคผ่านร้านสะดวกซื้อเหล่านี้
2. คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) มีมติเสียงข้างมาก 4:3 อนุญาตให้รวมธุรกิจระหว่างกลุ่มซี.พี. (ร้าน 7/11 และแม็คโคร) และบริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (ร้านเทสโก้ โลตัส)
กขค.ชี้ว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) อยู่ภายใต้อำนาจสั่งการของ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ดังนั้น บริษัทที่มีความสัมพันธ์กันทางนโยบายหรืออำนาจสั่งการซึ่งมีสถานะเสมือนเป็นหน่วยธุรกิจเดียวกันกับผู้ขออนุญาต จึงมีจำนวน 7 บริษัท ได้แก่ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด บริษัท ซี.พี. เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด บริษัท ซี.พี. รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)
3. กขค.พิจารณาว่า ตลาดที่มีความทับซ้อนกันของผู้ขออนุญาต และผู้ถูกรวมธุรกิจ คือ “ตลาดร้านค้าปลีกขนาดเล็ก” ได้แก่ ร้าน 7/11 และเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส
สำหรับตลาดร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ก่อนการรวมธุรกิจ ผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าปลีกขนาดเล็กที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด คือ 7/11 มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ
73.60 รองลงมา คือ เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 9.45 และกลุ่มเซ็นทรัล (แฟมิลี่มาร์ทและท็อปส์ เดลี่) มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 4.79
ก่อนการรวมธุรกิจ ตลาดร้านค้าปลีกขนาดเล็กจึงมีผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด คือ 7/11 ซึ่งส่งผลให้ภายหลังการรวมธุรกิจ 7/11 และเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส จะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 83.05 และกลายเป็นผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าปลีกขนาดเล็กที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด
รองลงมา คือ กลุ่มเซ็นทรัล (แฟมิลี่มาร์ทและท็อปส์ เดลี่) และมินิบิ๊กซี มีส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 4.79 และ 3.24 ตามลำดับ โดยส่วนแบ่งตลาดของผู้ประกอบธุรกิจ 3 รายแรกในตลาด (CR3) เท่ากับ 91.08
ดังนั้น ภายหลังการรวมธุรกิจ ตลาดร้านค้าปลีกขนาดเล็ก จะมีผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาดเพียงรายเดียว คือ เซเว่น อีเลฟเว่น และเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส
กขค.วินิจฉัยว่า การรวมธุรกิจนั้น ไม่ก่อให้เกิดการผูกขาด แต่ทำให้ผู้ขออนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด ตามข้อ 3 (2) ของประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์การเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด
4. โดยรู้ทั้งรู้ว่าจะทำให้กลุ่มซีพีมีอำนาจเหนือตลาดและอำนาจต่อรองมากกว่าเดิม มีอำนาจทางเศรษฐกิจในกิจการค้าปลีกสมัยใหม่ขนาดเล็ก แต่คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) โดยมติเสียง
ข้างมาก อนุญาตให้รวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
ด้วยเหตุผลว่า ถ้าไม่อนุญาตจะเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน ฯลฯ แถมยืนยันว่าเมื่อเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด จะต้องถูกบังคับโดยกฎหมายแข่งขันทางการค้า
ในประการสำคัญ กขค.ยังกำหนดเงื่อนไขในการรวมธุรกิจพ่วงไปด้วย โดยกำหนดระยะเวลาและเงื่อนไข ให้กลุ่มซีพีปฏิบัติ ในประการที่เป็นการเพิ่มผลประโยชน์แก่ธุรกิจรายเล็กรายน้อย และสินค้าชาวบ้าน ดังนี้
(1) ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตให้รวมธุรกิจและผู้ประกอบธุรกิจที่มีสถานะเสมือนเป็นหน่วยธุรกิจเดียวกัน กระทำการรวมธุรกิจกับผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นในตลาดร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่สินค้าอุปโภค-บริโภค เป็นระยะเวลา 3 ปี ทั้งนี้ ไม่รวมถึงตลาดอี-คอมเมิร์ซ (E-Commerce)
(2) ให้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เพิ่มสัดส่วนของยอดขายสินค้าที่มาจากผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ประกอบด้วยกลุ่มสินค้าเกษตร สินค้าเกษตรชุมชน สินค้าชุมชน สินค้าวิสาหกิจชุมชนหรือผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น(OTOP) และกลุ่มสินค้าอื่นๆ ของร้าน 7/11 และ เทสโก้ สโตร์ส รวมกันทุกรูปแบบ ในอัตราเพิ่มขึ้น จากปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยให้ใช้หลักเกณฑ์ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ตามความในกฎหมายว่าด้วยการกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(3) ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตให้รวมธุรกิจและผู้ประกอบธุรกิจที่มีสถานะเสมือนเป็นหน่วยธุรกิจเดียวกันในตลาดร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่สินค้าอุปโภคบริโภค ใช้ข้อมูลร่วมกันหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการตลาดที่เกี่ยวข้องกับผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายสินค้าหรือวัตถุดิบ โดยให้ถือว่าเป็นความลับทางการค้า
(4) ให้บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (โลตัส) คงไว้ซึ่งเงื่อนไขของสัญญาและข้อตกลงระหว่างผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายสินค้าหรือวัตถุดิบรายเดิมที่ได้มีการทำสัญญาหรือข้อตกลงไว้เป็นระยะเวลา 2 ปี เว้นแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญาที่เป็นคุณหรือเป็นประโยชน์และต้องได้รับการยินยอมจากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายสินค้าหรือวัตถุดิบรายเดิมด้วย
(5) ให้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด สนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) ตามความในกฎหมายว่าด้วยการกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น ด้วยการกำหนด ระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) เป็นระยะเวลา 30 – 45 วัน นับจากวันที่ยื่นเอกสารเรียกเก็บเงิน เป็นระยะเวลา 3 ปี
โดยจำแนกเป็น
5.1) กลุ่มสินค้าเกษตร สินค้าเกษตรชุมชน สินค้าชุมชน สินค้าวิสาหกิจชุมชน หรือผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น (OTOP) ภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน และ
5.2) กลุ่มสินค้าอื่นๆ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 45 วัน ทั้งนี้ กรณีข้อกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อเดิมที่มีผลใช้บังคับก่อนคณะกรรมการ การแข่งขันทางการค้าออกคำสั่งนี้ มีระยะเวลาการให้สินเชื่อน้อยกว่าที่คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้ากำหนด ให้ใช้ข้อกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อเดิม หรือกรณีที่มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
ฯลฯ
5. เงื่อนไขข้างต้น หากมีการดำเนินการอย่างเป็นจริง น่าจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ผลิตสินค้าที่เป็น
ชาวบ้านรายเล็กรายน้อย ธุรกิจ SME สินค้าชุมชน ฯลฯ เพราะจะได้ช่องทางจำหน่ายสินค้า และสินเชื่อทางการค้ามากขึ้นกว่าเดิม
โดย 7/11 และโลตัส จะต้องดำเนินการเพิ่มสัดส่วนของยอดขายทุกๆ ปี
หวังว่า กลุ่มซีพี ซึ่งเป็นอาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่ มีอำนาจเศรษฐกิจ จะเคารพในเงื่อนไขอันเป็นเหตุให้คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) อนุญาตให้รวมธุรกิจได้สำเร็จดังกล่าว
หากดำเนินการอย่างจริงใจ จะขอชื่นชม ยกย่อง ว่าไม่ใช่แค่เปลี่ยนโลโก้เท่านั้น ยังทำธุรกิจเกื้อหนุนสินค้าชาวบ้านให้ได้มีโอกาสลืมตาอ้าปากมากขึ้นด้วย
แต่ทั้งหมดนั้น กรรมจะเป็นเครื่องชี้เจตนา และพิสูจน์ความจริงใจ
โดยคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ในฐานะผู้ที่ปล่อยยักษ์ออกมาจากตะเกียง ให้รวมกับยักษ์ จนเป็นอภิมหายักษ์ค้าปลีก ย่อมมีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะต้องติดตามกำกับตรวจสอบต่อไป
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี