คนไทยจำนวนไม่น้อยไม่เคยเชื่อถือว่านักการเมืองจำนวนไม่น้อยในบ้านเมืองของเรา เป็นคนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นคนบริสุทธิ์ และเป็นคนดี นอกจากนั้น คนไทยจำนวนมากยังไม่เคยศรัทธา เชื่อมั่น และเคารพนับถือรัฐมนตรีไทยหลายต่อหลายคน อย่าว่าแต่รัฐมนตรีเลย แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีหลายคนมาแล้วที่คนไทยมองว่าไร้คุณความดี จนเข้าทำนอง ปราศจากคุณงามความดีต่อแผ่นดินไทย
แล้วคุณๆ เล่าครับ มีความเห็นและมีทัศนคติอย่างไรกับนักการเมืองไทยจำนวนมากบนแผ่นดินนี้
ขอถามว่าทุกครั้งเมื่อมีการประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีคุณมีความรู้สึก มีความเห็นประการใด เมื่อคุณได้เห็นรายชื่อบุคคลที่ถูกแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี รวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย แล้วมีนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีสักกี่คนที่คุณถูกใจ ชื่นชมเคารพ ศรัทธาอย่างจริงใจ โดยปราศจากคำถามใดๆ
เราทุกคนที่ติดตามการเมืองไทยมาโดยตลอดย่อมทราบดีอยู่แก่ใจว่า นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสูงสุดในฝ่ายบริหาร ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นประมุขของฝ่ายบริหาร ดังนั้นเราจึงพยายามคาดหวังว่านายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นคนดี (ย้ำว่าคาดหวังเท่านั้น) แล้วก็คาดหวังต่อไปว่ารัฐมนตรีต้องเป็นคนดีด้วย (ย้ำว่านี้คือความคาดหวัง แต่ต้องบอกว่าเป็นความคาดหวังที่มักไม่ค่อยเป็นความจริง เพราะเกือบทุกครั้งเมื่อคนไทยเห็นรายชื่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีก็ส่ายหัว ร้องยี้กันเป็นประจำ แต่คนที่คนไทยร้องยี้ก็มักจะได้กลับมาเป็นรัฐมนตรี เวียนไปวนมาซ้ำมาซ้ำไปอยู่เสมอ แม้เราจะมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากหุ่นเชิดหุ่นกระบอก หุ่นชัก หรือมาจากทหารที่ทำรัฐประหารก็ตาม ประเทศของเราก็ไม่เคยว่างเว้นจากรัฐมนตรีที่คนไทยจำนวนไม่น้อยรังเกียจและขยะแขยง
แถมยิ่งล่าสุด คนไทยได้ยินได้เห็นมาแล้วว่า นายกรัฐมนตรีรายหนึ่งหงุดหงิดมาก เพราะถูกรัฐมนตรีนินทา ซึ่งเรื่องนี้คนไทยประจักษ์ดี เพราะนายกรัฐมนตรีคนที่เรารู้จักกันดี ออกมาแสดงอาการหงุดหงิดและพูดทำนองว่า อย่านินทาผม อย่าพูดถึงผมในทางไม่ดี อย่าลืมว่าผมตั้งให้เป็นรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นอย่านินทาผม เดี๋ยวผมยึดตำแหน่งรัฐมนตรีคืนนะ (จ๊ะ) พร้อมทั้งสำทับอีกว่า ผมเป็นคนตั้งรัฐมนตรี
เมื่อนายกรัฐมนตรียอมรับเต็มปากเต็มคำและแอ่นอกรับด้วยว่าเป็นคนตั้งรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่ารัฐมนตรีหน้ามนคนหนึ่งถูกศาลออสเตรเลียพิพากษาจำคุกในคดีค้ายาเสพติด และสุดท้ายถูกเนรเทศออกจากออสเตรเลีย แต่สุดท้ายของสุดท้ายผู้เคยต้องโทษจำคุกเพราะคดีค้ายาเสพติดรายที่เรารู้จักกันดีก็ได้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีประกาศก้องว่า ผมตั้งรัฐมนตรีด้วยมือผมเอง
เมื่อรูปการณ์เป็นเช่นนี้ เราจะเอาอย่างไรกันดี เพราะนายกรัฐมนตรีตั้งรัฐมนตรีที่เคยต้องคดีค้ายาเสพติดแม้จะไม่ได้ต้องคดีนี้ในประเทศไทย แต่ก็ต้องย้ำว่าเขาเคยติดคุกเพราะคดียาเสพติด (เฮโรอีน) ในออสเตรเลีย
ขอย้ำว่า เราทุกคนที่สนใจเรื่องราวการเมืองต่างก็รู้ดีว่า นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสูงสุดในฝ่ายบริหาร นายกรัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่สอบสวนในด้านการบริหารราชการแผ่นดิน และเราก็คาดหวังว่านายกรัฐมนตรีต้องรู้ดีอยู่แล้วว่า รัฐมนตรีคนหนึ่งในรัฐบาลของท่านนายกฯ เคยต้องคดียาเสพติด หรือว่าท่านนายกฯ จะบอกว่าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย แต่หากท่านนายกฯ ไม่รู้มาก่อน ก็ไม่เป็นอะไร เพราะท่านนายกฯอาจจะไม่รู้จริงๆ แต่ขอย้ำว่าคนอื่นๆ บนแผ่นดินไทยรู้อยู่เต็มอกว่ารัฐมนตรีรายหนึ่งในรัฐบาลของท่านเคยต้องคดียาเสพติดจากออสเตรเลีย
คำถามต่อมาที่สาธารณชนตั้งแล้วถามไปยังท่านนายกฯ คือ ท่านรู้ใช่ไหมว่าคดียาเสพติดคือคดีที่มีบทกำหนดอยู่แล้วในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี แล้วถ้าหากนายกรัฐมนตรีนิ่งเฉยกับการทำตามกฎระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี ก็หมายความว่านายกรัฐมนตรีจงใจละเลยเพิกเฉยการปฏิบัติหน้าที่ แต่ถ้าหากนายกรัฐมนตรีจะอ้างว่ารัฐมนตรีรายดังกล่าวไม่ผิดกฎหมายไทย เพราะไม่ได้ถูกลงโทษโดยศาลไทย ก็ขอให้นายกรัฐมนตรีประกาศให้สาธารณชนรับทราบโดยทั่วกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เข้าใจได้ว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญของไทยพิพากษาว่าผู้ค้ายาเสพติดที่ถูกลงโทษจำคุกในออสเตรเลียไม่มีความผิดในสารระบบกฎหมายของประเทศไทย ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงไม่สามารถก้าวล่วงคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า นายกรัฐมนตรีไทยรับได้ใช่หรือไม่ที่รัฐมนตรีในรัฐบาลภายใต้การนำของตนเองคือผู้ที่ถูกศาลออสเตรเลียสั่งจำคุกมาแล้ว
แต่ก็มีคำถามที่น่าสนใจอีกข้อหนึ่งคือ หากมีข้อพิสูจน์ว่า ถ้าเผอิญตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรายใดรายหนึ่งของไทยไม่ว่าจะเป็นชุดไหนคณะใดก็ตาม ต้องคำพิพากษาของศาลออสเตรเลียให้จำคุกในคดีค้ายาเสพติด คนผู้นั้นยังสามารถรับตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญของไทยได้หรือไม่
ที่นี้หากจะพิจารณาในมุมของพรรคการเมืองที่รัฐมนตรีผู้ต้องคดีถูกจำคุกเพราะค้ายาเสพติดสังกัดพรรคการเมืองนั้นอยู่ พรรคการเมืองต้นสังกัดจะต้องรับผิดชอบในกรณีนี้อย่างไรบ้าง พรรคการเมืองต้นสังกัดจะอ้างว่าไม่รับรู้ และไม่รับผิดชอบ เพราะรัฐมนตรีคนดังกล่าวไม่ได้ค้ายาเสพติดในพระราชอาณาจักรไทย กระนั้นหรือ หรือจะอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ารัฐมนตรีรายดังกล่าวค้ายาเสพติด หรือจะอ้างว่าการค้ายาเสพติดนอกราชอาณาจักรไทย ไม่ผิดกฎหมายไทย
อย่างไรก็ตาม มีความเห็นจากคนอื่นๆ ที่อยู่นอกพรรคการเมืองต้นสังกัดที่รัฐมนตรีผู้ต้องคดีถูกจำคุกเพราะค้ายาเสพติดในออสเตรเลียว่า พรรคฯ สมควรต้องมีมติให้บุคคลผู้นั้นพ้นจากความเป็นสมาชิกภาพของพรรค แล้วต้องหลุดจากตำแหน่ง สส. โดยพลัน นี่คือความเห็นของคนภายนอกพรรคซึ่งมีรัฐมนตรีถูกพิพากษาให้จำคุก เพราะคดียาเสพติดในออสเตรเลีย แต่ก็มีความเห็นสวนกลับว่า แล้วพรรคการเมืองพรรคหนึ่งจะเอาอย่างไรกับการที่สาธารณชนมั่นใจว่ารัฐมนตรีผู้สังกัดพรรคนั้นคือต้นตอสำคัญของการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จากสถานบันเทิงชนิดพิเศษในย่านทองหล่อ (กรณีนี้เข้าคำพังเพย ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่)
แต่จะพูดไปให้เหนื่อยใจเพื่ออะไรกัน เพราะแทบจะไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์การเมืองไทยมาก่อนว่าพรรคการเมืองไทยขับรัฐมนตรีที่สาธารณชนมีความเห็นตรงกันว่าเป็นผู้มีมลทิน มีรอยด่างพร้อย เพราะได้กระทำความผิดในคดีอาญา เพราะที่ผ่านมาจะเห็นว่าพรรคการเมืองก็ปกป้องรัฐมนตรีที่สาธารณชนลงความเห็นว่ามีความผิด ส่วนรัฐมนตรีที่สาธารณชนลงความเห็นว่ามีความผิดก็ตะแบงว่าไม่ผิด เพราะไม่เคยติดคุกในเมืองไทย ซึ่งก็ต้องถามกลับว่า คุกของเมืองไทยมีไว้ขังรัฐมนตรีไทย กระนั้นหรือ
ผู้ที่ศึกษาเรื่องราวการเมืองของไทยอย่างใกล้ชิดให้ความเห็นตรงกันว่า อย่าไปหวังว่าพรรคการเมืองไทยจะกล้าขับผู้มีอิทธิพลของพรรคออกจากพรรคเป็นอันขาด เพราะไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้ปรากฏมาก่อน เนื่องจากพรรคการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยมีสถานะเป็นเสมือนสมบัติส่วนตัวของนายทุนที่มีอำนาจเหนือพรรค ดังนั้น การเรียกร้องให้พรรคการเมืองของไทยทุกพรรครู้สำนึก รู้ผิด รู้ชอบ และมีความรับผิดชอบทางการเมืองนั้น จึงเป็นเพียงแค่การได้แต่พูดเท่านั้น เพราะพรรคการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยไม่เคยมีความรับผิดชอบต่อสาธารณะแม้แต่น้อย
ในเมื่อความจริงปรากฏในประเทศไทย และในสังคมโลกแล้วว่า มีรัฐมนตรีรายหนึ่งถูกศาลออสเตรเลียพิพากษาจำคุก เพราะทำผิดคดีค้ายาเสพติด แต่ทว่ารัฐมนตรีรายนั้นยังสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้ แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะยอมรับว่ารัฐมนตรีผู้นั้นเคยต้องถูกจำคุกเพราะคดียาเสพติดมาแล้วก็ตาม แต่ก็บอกว่าไม่ผิดกฎหมายไทย เพราะไม่ได้ถูกศาลไทยพิพากษาจำคุก ดังนั้นสาธารณชนจึงมีคำถามตามมาว่า สรุปแล้วคนผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของไทยต้องทำผิดคดีแล้วถูกศาลไทยสั่งจำคุกเท่านั้นใช่หรือไม่ คนไทยไม่ต้องสนใจอีกต่อไปว่ารัฐมนตรีไทยทำผิดคดีอุกฉกรรจ์ในต่างแดนหรือไม่ ถ้าเรื่องเช่นนี้ยังคงบังเกิดบนแผ่นดินไทย ก็ไม่ต้องหวังว่าจะเหลือศรัทธาใดๆ กับคณะรัฐมนตรีไทย และรัฐบาลไทยอีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี