ฉบับอังคารที่แล้ว ผมเขียนเรื่องเล่าของป๋าเปรม หัวข้อไม่ยกมือไหว้คนโกง ฉบับนี้มาเล่ากันอีกหน เพราะการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นอีกสัญลักษณ์สำคัญที่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีอดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเคลื่อนไหวเพื่อสังคมไทยอย่างต่อเนื่องก่อนถึงแก่อสัญกรรม พลเอกเปรมฯย้ำกับสังคมเสมอว่า “ไม่ให้ยกย่องคนโกง”

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 พลเอกเปรม ได้ให้โอวาท ตอนหนึ่งที่ให้ต่อผู้จบหลักสูตร นักบริหารยุทธศาสตร์ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง นยปส. รุ่นที่ 5ที่สำนักงาน ป.ป.ช. โดยระบุว่า

“เราต้องกล้าหาญพอที่จะไม่ยกมือไหว้คนโกง คนโกงชาติบ้านเมือง ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เป็นญาติพี่น้องเป็นเพื่อนฝูงสนิทสนมกันแต่ถ้าเขาได้ร่ำรวยมาเพราะเขาโกง เราไม่จำเป็นจะต้องยกมือไหว้เขาหรอก ผมอยากให้ทุกคนไปสอนคนอื่นให้เกลียดคนโกง ทำอย่างไรก็ได้ ขอให้ทุกคนเกลียดคนโกงเพราะคนโกงคือสิ่งเลวร้ายที่สุดที่มีในชาติบ้านเมืองของเรา ถ้าพวกเราไม่ช่วยกันทำเรื่องนี้คือเราไม่ได้รักชาติ เราไม่ได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน เราทำให้ชาติได้รับความอับอายเป็นสิ่งที่พวกเราต้องไม่ยอม ต้องทำให้ได้ว่า ชาติเราไม่โกง หรือโกงแต่น้อย ความโกงในชาติของเรา ค่อยๆ หายไปทีละนิดและจะหายไปในที่สุด ด้วยฝีมือของพวกเรา ด้วยความพยายามของพวกเราความเสียสละของพวกเรา ที่ทำให้ชาติบ้านเมืองของเรามีเกียรติและเป็นชาติที่ไม่โกง...”

กระทั่ง ได้เกิดเป็นกระแส “อย่าไหว้คนโกง” เกิดขึ้นในสังคมไทยในเวลาต่อมา พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้ตอกย้ำและปลุกสังคมไทยให้ตระหนัก ถึงความเลวร้ายของการทุจริตคอร์รัปชั่น ไว้อย่างลึกซึ้งอีกหลายครั้งในการให้โอวาท ในงานสัมมนาเชิงวิชาการ “หัวข้อ คอร์รัปชั่น หายนะประเทศไทย”ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2559 ได้กล่าวว่า “คำว่าคอร์รัปชั่น ทางการนิยมแปลความหมายว่า การโกงชาติส่วนผมยืนยันว่า จะแปลความหมายว่า เป็น “การปล้นชาติ” ที่ทำให้ชาติประสบหายนะ แต่ก็มีความพยายาม คิดค้นวิธี การปราบการปล้นชาติ ที่ผ่านมาเคยเสนอว่าเราต้องเริ่มต้นจากเด็ก และเราต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างโดยเริ่มจากคนในชาติของเรา”

และพลเอกเปรมฯได้กล่าวย้ำว่า “เราไม่มีมาตรวัดความขี้โกงหรือมาตรวัดความร่วมมือร่วมใจแต่อาจมีตัวเลขพอบอกได้ว่าความละอายของคนในชาติมากขึ้นหรือลดลงโดยเฉพาะความร่วมมือที่ดีขึ้น เหมือนเดิมหรือเลวลงแต่สิ่งที่สำคัญ เราต้องช่วยกันคิดแก้ปัญหาว่ามีสิ่งใด สิ่งจูงใจที่จะได้รับความร่วมมือให้เลิกคิดว่าไม่ได้ปล้นผม ไม่ได้โกงฉัน เราอยู่กันสบายดีจะแกว่งเท้าไปหาเสี้ยนอย่างไร ตรงนี้ถือเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ผมบอกได้ว่าคนเรา เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน”

การขับเคลื่อนการต่อต้านการคอร์รัปชั่นหลายครั้ง พลเอกเปรมยังคงยืนยันตอกย้ำให้เห็นว่า “คอร์รัปชั่นเป็นปัญหาที่เลวร้ายที่สุดในประเทศ สร้างผลเสียให้มากที่สุด และเป็นสิ่งที่น่าละอายมากที่สุดสำหรับคนไทยทุกคน คนไทยจะถูกตำหนิ ถูกชี้หน้าว่าคนไทยเป็นชาติขี้โกง คนไทยเป็นคนขี้โกง เป็นคำที่น่าอับอายที่สุดและน่าต่อต้านที่สุด เพราะฉะนั้น จึงพอจะพูดได้ว่า คอร์รัปชั่นเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของคนไทยทุกคน ขอให้คนไทยที่ไม่ทุจริต ไม่คอร์รัปชั่นได้มองเห็นโรคร้ายที่สุดของชาติบ้านเมืองของเรา เราคงจะปล่อยให้ชาติบ้านเมืองของเรา ดำเนินต่อไปอย่างนี้ไม่ได้ ประเทศไทยต้องดีกว่านี้ ประเทศไทยต้องมีคนที่ซื่อสัตย์มากกว่าปัจจุบันนี้ เป็นสิ่งที่คนไทยจะต้องให้ความช่วยเหลือให้ความร่วมมือเพื่อที่ชาติของเราจะได้กล้าแกร่งและนั่นคือ สิ่งที่ผมพยายามพูดอยู่เสมอว่า การกระทำของคุณเป็นการตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเพื่อชาติบ้านเมืองของเราที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่ใช่เพื่อเราเท่านั้น เพื่อลูกหลานของเรา เพื่อชื่อเสียงของชาติบ้านเมืองของเรา..”

วันที่ 8 ธันวาคม 2558 พลเอกเปรม ยังได้เสนอแนะวิธีสร้างความโปร่งใสไว้ 10 ประการในงานปาฐกถาพิเศษ “ประเทศไทยโปร่งใสได้อย่างไร” คือ

1.เริ่มต้นที่ตัวเราต้องมีความโปร่งใสก่อนจึงค่อยไปที่คนรอบข้างและองค์กร

2.หยุดและเลิกระบบอุปถัมภ์ไม่ช่วยเหลือคนโกงไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ลูกเมียญาติพี่น้องแม้จะยากแต่จำเป็นและสำคัญมาก

3.ใครทุจริตหรือร่วมมือกับคนทุจริตต้องเรียกว่าเป็นผู้ทรยศชาติ

4.ควรอบรมปลูกฝังด้านคุณธรรมจริยธรรมตั้งแต่เด็ก

5.ภาคเอกชนต้องทำให้เป็นตัวอย่างว่าการทำธุรกิจไม่โกงก็สามารถทำได้

6.ไม่ปล่อยให้คนโกงลอยนวล

7.ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่รัฐทุกทางเท่าที่ทำได้ ในการป้องกันการทุจริต

8.การแก้ทุจริตต้องเริ่มต้นที่ผู้บริหารองค์กร เป็นสำคัญ

9.พูดเรื่องการปล้นชาติทุกวันให้คนเข้าใจว่าการทุจริตทำให้ประเทศเสียหาย

10.กระบวนการกำจัดคนปล้นชาติ ต้องรวดเร็วรุนแรงเด็ดขาดต้องช่วยกันให้มีคนดีมากๆ ไม่ให้คนเลวมีที่ยืน

ในสังคมเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน นี่เป็นเพียงข้อคิดบางส่วน ของพลเอกเปรม รัฐบุรุษ ผู้คงไว้ซึ่งคุณูปการ และมาตรฐานของความซื่อสัตย์สุจริต ร่วมต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชั่น จนวาระสุดท้าย เป็นภารกิจที่ฝากไว้ให้คนไทย ร่วมกันสานต่อไป

ท่านผู้อ่านที่ประสงค์จะศึกษาผลงานสำคัญของพลเอกเปรมเพิ่มเติมผมขอแนะนำให้อ่านหนังสือเล่มล่าสุด “พลเอกเปรมติณสูลานนท์ รัฐบุรุษคู่แผ่นดิน” สำหรับมอบไว้ในห้องสมุดต่างๆ หรือมีไว้เป็นส่วนตัวเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต ลองติดต่อไปที่รายการเรื่องเล่าของป๋าเปรม FM90.5ดร.สุเมต สุวรรณพรหม 08-1110-3939 คงมีพอที่จะแบ่งปันกันนะครับ