ทำไมการประกาศสละเงินเดือน 3 เดือน ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึง “ไม่ว้าว!!” แถมกระแสพลิก เรียกร้องให้ “สละเก้าอี้นายกรัฐมนตรี” จะดีกว่า จะเหมือนเป็นการ “ทำบุญประเทศ” !!
พอถามว่า แล้วจะให้ใครมาเป็นนายกฯ ล่ะ คนส่วนมากไม่ตอบ แต่คนส่วนหนึ่งบอก เอา “ผู้ว่าฯ หมูป่า” หรือ “นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร” ที่ปัจจุบัน เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง มาเป็นสิ!
1) เอาประเด็นสละเงินเดือนก่อน ว่าทำไมคนไม่ว้าว!
เรื่องสละเงินเดือนนี้ นายกฯ ไม่สะท้อนวิสัยทัศน์ “ผู้นำ” แต่เป็น “ผู้ (ทำ) ตาม” แถมตามอย่างข้าราชการระดับผู้ว่าฯ ที่ไม่ได้มีบัญชีทรัพย์สินเท่านายกฯ แน่ๆ
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี คือคนที่สังคมชื่นชม เมื่อทราบข่าวว่า ท่านสละเงินเดือน 3 เดือน ให้แก่ “พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์” จังหวัด เพื่อไว้ช่วยเหลือประชาชนที่โทรมาปรึกษาและแจ้งให้ทราบถึงความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเรื่อง ค่าเช่าบ้าน ตกงาน ไม่มีข้าวกิน ปัญหาเรื่องเด็ก คนแก่ ผู้พิการ ฯลฯ ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจต่อ “ทุกข์ชาวบ้าน”
ผู้ว่าฯชัยวัฒน์กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนก็ไม่ได้มีเงินเยอะมากมายอะไร แต่ในยามนี้ทุกคนต้องช่วยกัน สมัยที่ตนรับราชการใหม่ นายอำเภอท่านแรกเคยสอนไว้ว่า
“เงินเดือนเรามาจากไหน มาจากหลวงใช่หรือไม่ หลวงเอามาจากไหน เอามาจากประชาชนใช่หรือไม่ ทีประชาชนเดือดร้อน ไม่คืนประชาชนบ้างล่ะ” ตนจึงกลับมาคิดได้ว่า เงินที่เราเอามาใช้ คือเงินพี่น้องประชาชน เขาจ้างเราทำงาน เมื่อนายจ้างเราเดือดร้อน ก็ต้องช่วยเหลือนายจ้าง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ทั้งนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดปทุมธานี ทุกคนไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอง ให้ใช้จ่ายตามสมควร เพื่อช่วยเหลือประชาชนเท่าที่ทำได้ ลงแรง ลงกำลัง ลงความสามารถใส่เข้าไปเลย โอกาสนี้เป็นโอกาสที่เราจะได้บุญ เพราะว่าคนกำลังทุกข์ เมื่อเราเข้าไปช่วยให้พ้นทุกข์เราก็จะได้บุญไปด้วย หากประชาชนโทร. สายด่วนมาขอความช่วยเหลือ ต้องให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
เห็นไหมครับ, เงินเดือนที่ผู้ว่าฯปทุมธานีประกาศสละ ท่านสละอย่างมีเป้าหมายที่เป็น “รูปธรรม”ที่สะท้อนความอินังขังขอบต่อทุกข์ชาวบ้าน
หันมาดูนายกฯ ที่ประกาศสละโดย “...ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดขึ้นว่า จะไม่รับเงินเดือนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อเอาเงินก้อนนี้ไปช่วยเหลือประชาชน...” (ที่มา : แนวหน้าออนไลน์) รูปธรรมมันยังไม่มี ไม่มีกลุ่มคนเดือดร้อนที่ท่าน “มองเห็น” และ “โฟกัส” ไว้
บวกกับว่า ความคาดหวังต่อคน ที่มีต่อนายกฯ ไม่ใช่เงินแค่ 376,770 บาท ตรงนี้ แต่นายกฯ ถืองบประมาณและเงินกู้อยู่ รวบอำนาจจากกฎหมายหลายสิบฉบับมา “ซิงเกิ้ล คอมมานด์” ท่านได้ใช้มันอย่างมีประสิทธิภาพ ทันท่วงที แม่นยำ และมียุทธศาสตร์ เพื่อ “ดับทุกข์” ให้แก่ประชาชนหรือไม่ เพียงใด และอย่างไร
การประกาศสละเงินเดือน 3 เดือนของท่าน จึงนอกจากจะ “ไม่ว้าว!” แล้ว ยังเปิดช่องให้คนคิดต่อและแสดงออกกันด้วยว่า ถ้าอยากเห็น พล.อ.ประยุทธ์เสียสละ เขาอยากให้ท่านเสียสละ “ลาออก” มากกว่า!!
2) พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก แล้วบ้านเมืองจะดีขึ้นไหม?
คำตอบแรกก่อนเลย ท่านไม่ออกครับ, ท่านยืนยันจะอยู่ครบเทอมมาก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน บวกกับคำว่า “ยิ่งไล่ยิ่งสู้” อีกต่างหาก ผมจึงไม่เคยคิดจะไล่ท่านเลยครับ เหนื่อยเปล่า
พรรคพลังประชารัฐ ยิ่งคงไม่ปล่อยให้อำนาจเปลี่ยนขั้วไปจากฝั่งที่ตนเองอิงแอบและเกื้อหนุนกันอยู่แน่นอนต่อให้ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ขั้วอำนาจฝั่งที่ปั้น ค้ำยัน และหนุน พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ ก็ไม่ปล่อยไปให้ขั้วอื่นขึ้นมาเป็นหรอกครับ เขาก็คงต้องหา “คนของเขา” มาเป็นอยู่ดี
หรือเมื่อดูตามกติกาของรัฐธรรมนูญ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศลาออก คณะรัฐมนตรีก็สิ้นสภาพทันที ทั้งหมดอยู่ในสถานะ “รักษาการ” จนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่มารับช่วงการบริหารประเทศต่อไป
“ประยุทธ์” ที่รักษาการ จะปราดเปรื่อง มีวิสัยทัศน์ มีประสิทธิภาพ กว่า “ประยุทธ์” นายกฯคนปัจจุบันยังไงหรือครับ?
ระหว่างนั้น ก็ต้องเกิดการประชุมรัฐสภา (สส.+สว.) เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยกติกาก็ต้องโหวตคนที่ได้รับการเสนอชื่อไว้กับ กกต. ก่อน อันได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (จากการเสนอของพรรคพลังประชารัฐ)นายอนุทิน ชาญวีรกูล (จากการเสนอของพรรคภูมิใจไทย)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (จากการเสนอของพรรคประชาธิปัตย์)และนายชัยเกษม นิติสิริ (จากการเสนอของพรรคเพื่อไทย) คิดกันหรือครับว่า พรรคพลังประชารัฐกับ สว. จะเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์
จะเลือกอนุทิน ที่ตอนนี้ก็เป็นแม่งานคนหนึ่งในกระบวนการทำงานที่ประชาชนจำนวนหนึ่งบอกว่า “ผิดหวัง”(แม้อีกส่วนหนึ่งจะไม่ได้บอกอะไร) พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งก็มีสมาชิกจำนวนไม่น้อยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับภูมิใจไทยทั้งกรณีกลุ่มดาวฤกษ์ (เรื่องไม่ไว้วางใจศักดิ์สยาม ชิดชอบ) ทั้งกลุ่มชลบุรี ที่หงุดหงิดกับการจัดสรรควัคซีนลงบุรีรัมย์ ทั้งๆ ที่ชลบุรี ติดเชื้อโควิดกันโครมๆ
จะเลือกอภิสิทธิ์ ที่ประกาศไม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ มาตั้งแต่ก่อนไก่โห่ ประกาศว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญแถมพรรคก็มีเสียงในสภาเป็นลำดับที่ 3 เท่านั้นเอง พรรคพลังประชารัฐ และ สว. ที่รู้แน่ว่า อภิสิทธิ์ ต้องผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญ ตัดอำนาจ สว.ในการโหวตเลือกนายกฯ แน่ อย่างนั้นหรือ
ก็ต้องใช้เวลาอยู่นาน ในการเลือก “นายกฯ ในบัญชี” ก่อน ระหว่างนั้น บ้านเมืองจะเป็นยังไงครับ บ้านเมืองก็อยู่ในการแก้ปัญหาของ “ประยุทธ์-อนุทิน” เหมือนเดิม แต่อำนาจไม่เท่าเดิมแล้ว เพราะเป็นแค่ “รัฐบาลรักษาการ”ก็ขนาดอำนาจเต็ม ประสิทธิภาพยังแบบนี้ ถ้าอำนาจลดลงไปอีก ประสิทธิภาพจะดีขึ้น ทุกคนจะอยู่รอดปลอดภัย วัคซีนจะไหลมาเทมา คิวการฉีดจะได้รับการตอบรับ ไม่ถูกเลื่อน ไม่สะเปะสะปะ ประชาชนจะได้รับการตรวจคัดกรองถ้วนหน้า เตียงจะมา เครื่องมือแพทย์จะพร้อมพรั่ง ชนิดที่โรงพยาบาลไม่ต้องประกาศรับบริจาค อย่างนั้นหรือครับ?
จากนั้นรัฐสภาก็จะต้องของดเว้นการใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา เพื่อไปใช้กระบวนการเลือกนายกฯ จากคนนอกบัญชี แค่ขั้นตอนนี้ก็ไม่รู้จะใช้เวลาตกลงกันกี่เดือน จากนั้นก็ต้องทาบทาม นำเสนอ โหวต ซึ่งก่อนจะสู่กระบวนการนี้ได้ ก็ต้องคุยกันนอกรอบ จัดตั้งรัฐบาลกันนอกรอบ ต่อรองเก้าอี้กันนอกรอบ จึงค่อยมาทำพิธีโหวตนายกฯ กัน ย้อนกลับไปดูก่อนหน้านี้ก็ได้ครับ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เวลาเจรจากับภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์กี่เดือน กว่าจะได้ตั้งรัฐบาล
ระหว่างนั้น ประเทศไทยก็อยู่ในการบริหารจัดการของ พล.อ.ประยุทธ์ ขวัญใจคนเดิมนี่อยู่ดี
และย้ำอีกที ว่าแม้ไม่ใช่ประยุทธ์ ขั้วของคนหนุน พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือ “ผู้เลือก” ตัวจริง มิใช่ประชาชนหรือฝ่ายค้านที่เสือกไสไล่ส่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้สำเร็จ เพราะอำนาจการโหวตเลือกนายกฯ อยู่ที่ สส. กับ สว. ในรัฐสภา ไม่ใช่นอกรัฐสภา ที่ขับรถประท้วงกันอยู่ตามท้องถนนหรือที่ call out กันอยู่ในโซเชียลมีเดีย!
3) แล้วทำไมคนจึงนึกถึง “ผู้ว่าฯ หมูป่า”
ประสิทธิภาพและวิสัยทัศน์ คือ คำตอบครับ
ตอนเป็นผู้ว่าฯ เชียงราย ท่านทำหน้าที่ “ผู้บัญชาการสถานการณ์” ได้มีประสิทธิภาพมาก เหตุการณ์เด็กทีมหมูป่าติดถ้ำ อลวนอลเวงมากนะครับ คนแห่กันจะไปช่วยสารพัดกลุ่ม สารพัดแผน สารพัดวิธี แต่ทั้งหมดก็ถูกจัดระเบียบ ถูก “บัญชาการสถานการณ์” ได้ ด้วยการเลือกทีมเลือกภารกิจ กระจายกำลังกัน พวกหนึ่งดำน้ำ พวกหนึ่งหาปล่อง พวกหนึ่งสูบน้ำ พวกหนึ่งปีนเขา ฯลฯ มันสะท้อนภาวะผู้นำที่รู้จัก จัดการกับกำลังพล แจกงานเป็น มียุทธศาสตร์
จากนั้นท่านมาเป็นผู้ว่าฯ พะเยา มีตัวอย่างการจัดการ“หมอกควันพิษ” PM2.5 ที่ถือเป็นปัญหาเรื้อรังสำหรับพื้นที่ภาคเหนือ และระดับประเทศ
“ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์” มีวิธีการจัดการที่แตกต่างออกไปด้วยการทำงานเชิงรุก โดยใช้ชุดความรู้และความจริงที่รู้กันอยู่ว่า ช่วงที่หมอกควันพิษจะรุนแรงคือช่วงฤดูกาลเผาป่าเผาไร่นาเพื่อเตรียมทำการเกษตร ท่านก็ออกประกาศ “มาตรการ 60 วันอันตราย ห้ามเผาทุกชนิดโดยเด็ดขาด” และขอความร่วมมือทุกภาคส่วน บังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเคร่งครัด ซึ่งก็ปรากฏเป็นผลงานที่ทำให้ จ.พะเยาในช่วงเวลานั้น ไม่มีปัญหา PM2.5
เมื่อมาเป็นผู้ว่าฯ ลำปาง ขณะที่ผู้คนหลงเชื่อเฟคนิวส์ ปั่นกระแสให้กลัวการฉัดวัคซีน ไม่เชื่อมั่นว่าวัคซีนจะดี มีประสิทธิภาพ แถมแอปพลิเคชั่น “หมอพร้อม”ก็ไม่พร้อม แต่จังหวัดลำปางกลับมีประชาชนลงทะเบียนแสดงความจำนงรับการฉีดวัคซีนมากเป็นอันดับสองรองจากกรุงเทพมหานคร
“ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์” อธิบายไว้ว่า เป็นเรื่องของการบริหารจัดการเชิงรุก และการบูรณาการกันของหน่วยงานในจังหวัด โดยให้ อสม.ที่ใกล้ชิดชาวบ้านปูพรมเคาะประตูบ้าน ทำความเข้าใจในเรื่องของวัคซีนต่อประชาชน โดยเป้าหมายต้องการให้คนในจังหวัดห้าแสนกว่าคน ได้รับวัคซีนทั่วถึงและรวดเร็ว จนต่อมา หลายจังหวัดทำตามและได้ผล
เมื่อส่วนกลางประกาศ “ปิดแคมป์ก่อสร้าง” จังหวัดลำปางเป็นจังหวัดแรกที่ประกาศ “รับคนลำปางกลับบ้าน” แจ้งช่องทางติดต่อ แจ้งขั้นตอน อ้าแขนรับอย่างอบอุ่น จนหลายจังหวัดเห็นดีด้วย และทยอยประกาศตามมา
การเห็นปัญหา เท่าทันปัญหา และนำหน้าปัญหา เราเรียกว่า “วิสัยทัศน์” ซึ่งผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์แสดงออก ปฏิบัติ ครั้งแล้วครั้งเล่าจนคน “เกิดความหวัง” ในตัวท่าน
ตัดภาพกลับมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
(จงเติมคำในช่องว่าง....)
4) ปัญหาของพล.อ.ประยุทธ์
พล.อ.ประยุทธ์ มี “กลิ่นการเมือง” ติดตัว ชนิดที่ศัตรูไม่ปล่อยวาง ผมชอบข้อเขียนของคุณพอล แมคอินทอช ที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ค Paul McIntosh เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ว่า
“...นายกฯ ประกาศว่า อีก 120 วัน จะเปิดประเทศ วันนี้ก็บอกว่าจะไม่รับเงินเดือน 3 เดือน ผมจับการส่งสัญญาณได้อย่างเดียวคือ 3-4 เดือนนี้ไม่ไปไหน...ไม่ต้องเสียเวลามาเหนื่อยไล่
...การไม่พอใจการบริหารแผ่นดินไม่ว่ารัฐบาลไหน ทำได้ และถือเป็นเรื่องปกติ แต่การจะอยู่หรือไป หรืออยู่แค่ไหน ก็เป็นสิทธิในการตัดสินใจของนายกฯ เราทำได้แค่...ครั้งหน้าจะเลือก หรือไม่เลือก ระบบของประชาธิปไตยเป็นแบบนั้น
...ผมเป็นคนที่ออกมาเขียนตั้งแต่แรก ว่าพลเอกประยุทธ์ ไม่ควรรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งที่สองนี้ แต่หัวหน้า คสช ที่มี สว. เป็นอาวุธ ควรเลือกคนดีๆ มาดูแลประเทศ และเป็นเบื้องหลังคอยสนับสนุนในระยะเปลี่ยนผ่าน คืนอำนาจนักการเมือง ถ้าลุงรับตำแหน่งเอง จะไม่สง่างาม และเป็นทุกขลาภ
...เคยเขียนด้วยว่า คนฉลาด เมื่อมีอำนาจ จะรู้เวลาว่าควรหันหลังจากอำนาจเมื่อไหร่ หยุดวันนี้... จะถูกจดจำในฐานะรัฐบุรุษ ผมไม่ปฏิเสธว่าเชียร์พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯ แต่เป็นพลเอกประยุทธ์ที่เป็นหัวหน้า คสช. คนนั้น เพราะผมมองออกว่าการเป็นนายกฯ ที่มาจากการยกมือของ สส.จะต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เเละจะทำงานไม่ได้
...เเม้ทีมเศรษฐกิจคู่บุญ ยังต้องระเห็จ ปกป้องไม่ได้ รัฐมนตรีจากพรรคร่วมมีปัญหา ก็เปลี่ยนไม่ได้ เพราะไม่ใช่โควต้าตน เราจึงได้เห็นนายกฯ เป็นคนละคน ... แม้ชื่อและหน้าตาจะเหมือนเดิม นั่นเป็นเพราะระบบการเมืองไทย ไม่ใช่เพราะนายกฯ โง่ หรือฉลาด ผมสอบเข้า รร. จ่าทหารยังไม่ได้ไม่กล้าชี้หน้า ผบ.ทบ. ว่าโง่ มันจะเข้าตัว
...ผมยังสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ไม่ใช่เพราะเป็นประยุทธ์ แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าหน้าที่สนับสนุน เเละเดินตามรัฐบาลคือสปิริต เหมือนการทำงาน ต่อให้คุณไม่ชอบ ไม่เห็นด้วยกับเจ้านาย ก็ต้องทำตาม
วันนี้ ธนาธร สุดารัตน์ ชัชชาติ เป็นนายกฯ ผมก็ปฏิบัติแบบเดียวกัน ทำดีเห็นด้วย ก็จะชื่นชม ... ทำไม่ดี ก็จะเฉยๆ แต่จะไม่เลือกอีก ประเด็นเดียวที่ผมจะออกมาขับไล่ต่อต้าน คือรัฐบาลที่จะไม่ปกป้อง และไม่เคารพสถาบัน
เรื่องอื่นผมไม่สนใจ ครั้งที่ 19 ที่ผมออกมาบอกว่า ผมไม่ได้ไม่ลืมหูลืมตา แต่ผมเคารพกติกาประชาธิปไตย”
ซึ่งผมต่างไปจากคุณพอล ตรงที่ผมสนใจประสิทธิภาพการเป็นผู้นำในภาวะวิกฤติด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องสถาบันฯ เนื่องจากประสิทธิภาพที่ว่านั้น ยึดโยงกับความเป็นความตายของพลเมือง และไม่ใช่ความฉลาดแบบสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร
วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศล็อกดาวน์ย่อยๆ เคอร์ฟิวน้อยๆ แต่ยังไม่ฉายภาพ “ยุทธศาสตร์” ของ 14 วันนี้เหมือนเดิม
จะเดินหน้าตรวจเพื่อยกคนมีเชื้อออกจากคนไม่มีเชื้อหลังควบคุมการเคลื่อนไหวและการติดต่อกันของคนตามมาตรการที่ออกมาไหม ตรวจแล้วจะเอาตัวไปอยู่ที่ไหน เตียงที่เต็ม ไอซียูที่ล้น เครื่องมือแพทย์ที่ขาดจะเอายังไงวัคซีนจะทำอย่างไร ควรฉายภาพทั้งหมดให้คนเห็นและมี “ภารกิจ” ร่วมกัน ในฐานะ “ทีมประเทศไทย”
มาตรการส่วนบุคคล ทุกคนต้องทำเองอย่างเคร่งครัดมาตรการทางสังคม ต้องอาศัยอำนาจรัฐเข้าช่วย เพราะคนเฮงซวยยังมีมาก แต่ยุทธศาสตร์ทางการแพทย์ผ่านเรื่องวัคซีนและระบบสาธารณสุข ต้องอาศัย “ผู้บัญชาการสถานการณ์” ล้วนๆ
ยกหูปรึกษาผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์บ้างไหมครับ เผื่อท่านมีคำแนะนำดีๆ เพราะต่อให้คนฝันถึงการเอาผู้ว่าฯท่านนี้มาเป็นนายกฯ มากขนาดไหน มันก็เป็นได้แค่ “ความฝัน” เท่านั้น!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี