ใครจะด่ารัฐบาล จะด่าใคร ก็ว่าไปเถิด แต่อย่าเอาข้อมูลเท็จเข้ามาปั่นอารมณ์ตัวเองและบิดเบือนชี้นำสังคม
1. จนป่านนี้ ควรเลิกต่อต้านวัคซีนชนิดใดชนิดหนึ่งได้แล้ว เพราะชัดเจนว่าทุกยี่ห้อยังใช้ได้ ป้องกันการป่วยหนักจนต้องใช้เตียงไอซียู (ซึ่งเต็มแล้ว) และป้องกันการเสียชีวิตได้จริง
ความจริงประจักษ์ เมื่อดูผลลัพธ์หลังติดโควิด ระหว่างพิธีกรดังที่หมิ่นแคลนวัคซีนจีน แล้วไม่ยอมฉีด รอฉีดวัคซีนฝรั่ง กับนักการเมืองที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว แม้จะป่วย ก็อาการไม่หนัก
2. จนป่านนี้แล้ว ควรก้าวข้ามฝักฝ่ายทางการเมือง เพียงเพื่อจะแย่งชิงอำนาจรัฐ ต่อต้านมาตรการควบคุมโรค แต่ควรให้ความร่วมมือทุกประการ ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายม็อบ
ทุกฝ่าย ควรสนับสนุนให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการที่ออกมา
ไม่ใช่ไปยุยงปลุกปั่นให้เกิดการฝ่าฝืน เช่น การชุมนุม การกินอาหารที่ร้าน การด้อยค่าวัคซีนซิโนแวค ฯลฯ
สมมุติว่า นักการเมืองฝ่ายค้านในวันนี้เป็นรัฐบาล แล้วออกมาตรการควบคุมโรคออกมา ทุกฝ่ายก็ควรร่วมมือเช่นกัน
3. เราสามารถวิจารณ์ ตำหนิ เสนอแนะได้ตามเหตุผล และข้อเท็จจริงรอบด้าน โดยเลี่ยงการใช้ hate speech หรือการด่า ประชดแดกดันกันอย่างบ้าคลั่ง ไร้เหตุผล แบ่งฝักฝ่ายการเมือง แถมยังแดกดันด่าทอประชาชนด้วยกันที่เขาไม่ออกมาด่ารัฐบาล หรือที่เขาเอา “ข้อมูลจริง” มาโต้แย้งเพื่อเตือนสติในส่วนที่มีการปั่นเฟคนิวส์
ลองค่อยๆ อ่าน สถานการณ์ ที่มาที่ไป และค่อยๆ คิด ตามที่มีกัลยาณมิตรเรียบเรียงส่งมาให้ บางส่วน ดังนี้
“..เรื่องโรคโควิด และ วัคซีนโควิดตามข้อมูล ณ ปัจจุบัน คือ
1. ตอนนี้ประเทศไทยมีการระบาดมาก คนตายวันละหลายสิบราย ระบาดมากใน กทม.และ ปริมณฑล เตียงรับผู้ป่วย โดยเฉพาะ ICU ไม่พอ
2. เชื้อไวรัส มีการกลายพันธุ์เรื่อยๆ ปัญหาของการกลายพันธุ์คือ ทำให้มีการแพร่เชื้อและติดได้ง่ายขึ้น มีการดื้อต่อวัคซีนทุกชนิด
3. วัคซีนที่กระตุ้นภูมิได้สูงกว่า ก็จะต้านการดื้อต่อวัคซีนของเชื้อกลายพันธุ์ได้ดีกว่า ถ้าพูดถึงความสามารถในการกระตุ้นภูมิของวัคซีนที่มีในตลาดปัจจุบัน
mRNA สูงกว่า viral vector และ viral vector สูงกว่า เชื้อตาย ซึ่งภูมิที่สูงกว่า ล้อไปกับ ผลข้างเคียงที่มากกว่าแต่ผลข้างเคียงของวัคซีนทุกชนิด ยังเกิดในอัตราต่ำมาก การฉีด มีประโยชน์มากกว่าการกลัวผลข้างเคียงแล้วไม่ฉีด
4. สายพันธุ์ที่ระบาดใหญ่ในประเทศไทยเดือนเมษา คือ แอลฟ่า ตั้งแต่มิถุนายนเริ่มมีเดลต้ามากขึ้น (ซึ่งติดง่ายและดื้อต่อวัคซีนเพิ่มขึ้น) ตอนนี้เดลต้าครองพื้นที่ กทม.แทนแอลฟ่าแล้ว และกำลังจะครองทั่วประเทศในอีกไม่นาน
5. วัคซีนที่มีใช้ในประเทศไทยตอนนี้ คือ แอสตราฯ และ ซิโนแวค ตัวที่โดนบูลลี่มากๆ คือ ซิโนแวค ผลการใช้ซิโนแวค ในสถานการณ์จริงของไทยต่อเชื้อสายพันธุ์แอลฟ่า พบว่าป้องกันการติดเชื้อได้ดี 70-90% ซึ่งสูงกว่าตัวเลข 51% ที่พูดๆกันมาหลายเดือน
6. ข้อมูลเฟส 3 pfizer ป้องกันติดเชื้อ 95%, ซิโนแวคป้องกันติดเชื้อได้ 51% ดูเหมือนช่องว่างเยอะ แต่เราจะเอาการศึกษาที่ต่างเวลา ต่างสถานที่ ต่างสายพันธุ์ต่าง criteria ในการเก็บข้อมูล มาเทียบกันโดยตรงไม่ได้
ที่พอเทียบกันได้ คือ การใช้ในสถานการณ์เดียวกันที่ชิลี ดังนี้
ลดโอกาสการตาย PZ 91.8%, SV 86.4%
ลดโอกาสเข้า ICU PZ 98.4% SV 90%
ลดโอกาสติดเชื้อแบบมีอาการ PZ 90.9%, SV 63.6%
7. การมาของเดลต้า ทำให้ซิโนแวคป้องกันการติดเชื้อได้ลดลง (ลดลงทุกวัคซีน แต่วัคซีนเชื้อตาย ต้นทุนในการกระตุ้นภูมิต่ำกว่าตัวอื่น จึงด้อยลงมากที่สุด) แต่ยังป้องกันอาการหนัก ป้องกันตายได้ดีเหมือนเดิม
8. ในไทยมีบุคลากรทางการแพทย์ที่รับวัคซีน 2 โดสแล้ว (ส่วนใหญ่เป็น SV) เกิด breakthrough infection (คาดว่าเป็นผลจากเชื้อเดลต้าดื้อวัคซีน และระดับภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีน ก็เริ่มต่ำลงตามเวลาที่ผ่านไป) ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง แต่ต้องกักตัวรักษา และขาดกำลังคนทำงาน ยังไม่ทราบตัวเลขในภาพรวมที่แน่ชัด คงรอรวบรวมข้อมูล
มีเสียงเรียกร้องขอกระตุ้นภูมิ (เข็ม 3) ให้บุคลากรทางการแพทย์ด้วยวัคซีน“ดีๆ” ซึ่งการศึกษาการกระตุ้นเข็ม 3 ยังไม่เรียบร้อย แต่ใกล้ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน ทั่วโลก ก็มีรายงาน vaccine breakthrough infection กันทุกยี่ห้อ แต่ mRNA น่าจะ breakthrough น้อยสุด
9. ผู้เชี่ยวชาญของโลกและของไทย พูดตรงกันว่า หน้าที่หลักอันดับแรกของวัคซีนโควิด คือ ป้องกันการตายและอาการรุนแรง ซึ่งปัจจุบัน วัคซีนทุกชนิดยังทำหน้าที่หลักของมันได้ดีมาก คือประมาณ 90% แม้เชื้อจะกลายพันธุ์
10. ประเทศไทยเตรียมแผนวัคซีน“ฟรี”สำหรับปีนี้ไว้อย่างต่ำ 100 ล้านโดส คร่าวๆ คือ
AZ 61, PZ 20, JJ 5*2, Sputnik V น่าจะประมาณ 5, SV มากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนวัคซีนไม่ฟรี คือ Moderna ที่รัฐเป็นตัวกลาง ช่วย รพ.เอกชน ซื้อมาขายต่อให้คนที่อยากมีทางเลือกเพิ่มขึ้น (เพราะผู้ผลิตยืนยันไม่ขายให้เอกชนโดยตรง) บริษัทบอกขายให้ได้ 5 ล้านโดส เริ่มทยอยส่งให้ได้เร็วสุดปลายปีนี้
และ Sinopharm ที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์นำเข้ามาขายราคาทุนให้หน่วยงานต่างๆ ซื้อไปฉีดให้ประชาชนฟรี นำเข้ามาแล้ว 2 ล้านโดส และน่าจะมีมาอีก
11. ทั่วโลกขาดแคลนวัคซีนประเทศต่างๆใช้ทุกสรรพกำลังในการต่อรองแย่งชิงวัคซีนกัน วัคซีนแทบทุกชนิด ส่งล่าช้ากว่าสัญญาที่ทำไว้ทั่วโลก ประเทศที่ไม่ขาดแคลน คือ ประเทศมหาอำนาจที่ร่ำรวย และเป็นเจ้าของเทคโนโลยี ที่กักตุนยอดวัคซีนไว้ตั้งแต่ช่วงวิจัย ใช้ไม่ทัน มีบางส่วนใกล้หมดอายุ หรือหมดอายุไปแล้วโดยไม่ได้ฉีด และเริ่มมีการบริจาควัคซีนมากขึ้น
12. ประเทศไทยก็โดนผลกระทบจากการเลื่อนส่ง เช่น AZ วัคซีนหลัก เดิมคาดว่าจะได้ 61 ล้านโดสภายในปีนี้ โดยคาดว่าจะได้เดือนละ 10 ล้านโดส ตอนนี้บริษัทแจ้งว่าจัดสรรให้ได้เดือนละ 5-6 ล้านโดส ส่วน pfizer บริษัทแจ้งว่าส่งได้อย่างเร็วสุด ปลายปีนี้
13. ที่ผ่านมา ในบรรดา 5 วัคซีนในแผนวัคซีนฟรีของไทย มีซิโนแวคยี่ห้อเดียวที่สามารถขยายจำนวน และเร่งเวลาส่งให้เร็วขึ้นได้ เป็นเหตุให้ต้องสั่งมาเติมส่วนที่ล่าช้าของวัคซีนอื่น
14. ตอนนี้ตลาดวัคซีนเป็นของผู้ขาย ผู้ซื้อต้องยอมทำสัญญาตามเงื่อนไขที่เสียเปรียบผู้ขาย เช่น ผู้ขายมีสิทธิ์เลื่อนส่งได้, ส่งช้ากว่ากำหนดไม่มีค่าปรับ, ถ้ารอไม่ไหวยกเลิกได้ แต่ไม่คืนเงิน ถ้าเราไม่รับเงื่อนไข ผู้ขายไม่ง้อ มีแต่ต้องพยายามเจรจาให้เสียเปรียบน้อยที่สุด ผู้ขาย(หรืออาจจะประเทศผู้ขาย) กำหนดคิวเอง ไม่ใช่ระบบบัตรคิวที่เรียงลำดับก่อนหลังเพียงอย่างเดียว ทั่วโลกมีข่าวแซงคิว ข่าวทางลัด
15. จำนวนและกำหนดส่งวัคซีน mRNA ที่เราจองไว้ กำหนดไว้แล้วว่า PZ 20 ล้าน, MDN 5 ล้าน เริ่มทยอยส่งปลายปี การดีลเริ่มต้นนับ 1 มาตั้งแต่ต้นปี ไม่ใช่รอนับ 1 หลังเซ็นสัญญาซื้อ แล้วบวกไปอีก 4 เดือนอย่างที่บางคนพูด การเซ็นสัญญาต่างๆมีกรอบระยะเวลาแต่แรกแล้ว ไม่ว่าจะเซ็นเดือนพ.ค. มิ.ย. ก.ค .
หรือ ส.ค. ก็ได้ของปลายปีเหมือนเดิม มีการต่อรองเพื่อให้เสียเปรียบน้อยที่สุด
16. สัญญาซื้อ PZ เริ่มจากคุยกันเบื้องต้น แล้วลงนามใน
- confidential disclosure agreement เซ็นแล้ว
- binding term sheet เซ็นแล้ว
- Manufacturing and supply สัญญาสุดท้าย เมื่อวาน ครม. มีมติให้ลงนามแล้ว
สัญญา confidential disclosure agreement เป็นตัวเปิดทาง ไม่เซ็นก็ไม่ขายเซ็นแล้วก็ห้ามเปิดเผยข้อมูล เพราะผู้ขายเค้าเจรจากับแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ราคา ผลประโยชน์ ต่างกัน ที่ผ่านมา เราจึงแทบไม่รู้ข้อมูลเชิงลึกเลย คนทำงานอยู่ในภาวะพูดไม่ได้
แต่ละประเทศก็มีแนวทางเจรจาของตน เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ จำนวนดีลต่างกัน ดีลเล็กของประเทศประชากรน้อย ดีลได้ง่ายกว่าดีลใหญ่ๆของประเทศประชากรเยอะ, ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างกัน และการดำเนินนโยบายการเมืองโลกของประเทศมหาอำนาจ ก็มีส่วนอย่างยิ่ง
ประเทศไหน ดีลได้ด้วยข้อเสนอแลกผลประโยชน์ใดบ้าง คือสิ่งที่เราไม่อาจรู้ แต่มีข้อสังเกตว่า บางประเทศเจรจาซื้อ mRNA มานาน ไม่คืบหน้า พอมีข่าวสั่งซื้อขีปนาวุธ และ ฝูงบินจากมหาอำนาจ ดีลก็เร็วขึ้น
17. (ความเห็นส่วนตัว) ตอนนี้คนไทยติดเชื้อวันละหลายพัน ตายวันละหลายสิบ ถ้าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดได้ ก็ต้องหาวัคซีนกันติดมาให้มากๆและเร็วๆ แล้วทุกอย่างจะดีตาม แต่นั่นมันความฝัน ความจริงคือ วัคซีนที่ให้ผลกันติดที่ดีที่สุดตอนนี้ ยังไม่บินมาช่วยเรา ในจำนวนและเวลาที่ทันต่อสถานการณ์ และทุกวัคซีนจะเสื่อมประสิทธิภาพกันติดไปเรื่อยๆ เพราะไวรัสกลายพันธุ์อยู่เสมอ Herd immunity ไม่ใช่ว่าจะสร้างขึ้นได้ด้วยวัคซีนใดที่มีอยู่ในตอนนี้ แต่วัคซีนทุกชนิดยังป้องกันป่วยหนักได้ดี
ถ้าเรียงลำดับความสำคัญตามสถานการณ์ สิ่งที่ทำได้จริง คือต้องเร่งลดคนอาการหนักก่อน คนตายก็จะลด, ภาระ ICU ก็จะลด ต่อให้ติด ก็มักจะอาการน้อยซึ่งแพร่เชื้อได้น้อยกว่าคนอาการมาก ดังนั้น จึงไม่ควรต่อต้านหรือด้อยค่าการซื้อวัคซีนกันตายที่ส่งมาช่วยเราได้จริง จนกว่าทุกคนจะได้รับการกันตาย และควรจะรับรู้ร่วมกันว่า อย่าฝากความหวังไว้กับวัคซีนทั้งหมด หน้ากาก ล้างมือ ปรับวิถีชีวิตตั้งสติ ความร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเราได้มากๆ
ส่วน mRNA ก็อยากให้รัฐพยายามต่อรองเอาเข้ามาเพิ่มเท่าที่ทำได้ ภายใต้เงื่อนไขที่เราไม่เสียเปรียบเกินไป ทำได้หรือไม่ได้ ก็ต้องพยายามสื่อสารสร้างความเข้าใจให้ดีกว่าที่ทำมา (แต่ประชาชนควรเข้าใจด้วยว่า การพูดอะไรล่วงหน้าต่อสาธารณะก่อนที่การเจรจาจะคืบหน้า จะทำให้การเจรจายากขึ้น) ปัญหาตอนนี้คือ คนส่วนหนึ่งไม่เชื่อใจว่ารัฐได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่หรือยัง ในการเอา mRNA เข้ามารัฐต้องพยายามชี้แจงจุดนี้ให้มากขึ้น
แล้วปีหน้าค่อยไปมองหาวัคซีน generation ใหม่ รวมถึงวัคซีนสัญชาติไทย ที่กำลังพัฒนากันอยู่”
4. ใครจะด่ารัฐบาล จะด่าใคร ก็ว่าไปเถิด แต่อย่าเอาข่าวเท็จเข้ามาปั่นอารมณ์ตัวเอง และอารมณ์สังคม
วัคซีนอันแรกที่เราต้องฉีดเข้าตัวเรา คือ สติ
สติมา ปัญญาเกิด สติเตลิด จะเกิดแต่ปัญหา
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี