คนที่สามารถสอบเข้าเรียนในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคือคนที่สอบผ่านตามเกณฑ์ระดับคะแนนที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ ส่วนคนที่สอบผ่านนั้นจะเป็นคนดีโดยแท้หรือคนเลวโดยสายเลือดและการอบรมบ่มเพาะเลี้ยงดูเรื่องนี้ไม่มีใครรับรองได้ เพราะถ้าหากคนเลว (แต่เลวในที่นี้ไม่ได้หมายความว่ามีความผิดตามตัวบทกฎหมาย)สามารถสอบผ่านตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยตั้งไว้ ก็สามารถเข้าไปเรียนในคณะต่างๆ ของจุฬาฯ ตามที่แต่ละคนสอบได้
เพราะฉะนั้น ขอให้พึงสำเหนียกไว้ว่า คนที่สอบเข้าเรียนต่อ หรือว่าจบการศึกษาจากจุฬาฯ ได้นั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดี เพราะจุฬาฯ คัดเลือกคนเข้าศึกษาต่อโดยดูจากคะแนนสอบเป็นสำคัญ โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องความดีความเลวมากเท่าไรนัก ยกเว้นคนที่ต้องคดีอาญาจนถูกลงโทษตามกระบวนการของกฎหมายแล้วเท่านั้น ที่อาจจะไม่มีโอกาสเข้าศึกษาต่อในจุฬาฯ
ถามว่า หากมีคนบางกลุ่มต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะคิดล้มล้างจริงจังหรือคิดตามกระแสแฟชั่นก็ตาม หากคนจำพวกนี้สอบได้คะแนนตามเกณฑ์ที่จุฬาฯ ตั้งไว้ เขาสามารถเข้าไปเรียนได้ ส่วนเมื่อเข้าเรียนไปแล้วจะเป็นที่ยอมรับของคนในจุฬาฯ หรือไม่ ก็ต้องดูกันเป็นกรณีๆ ไป หรือว่าหากเข้าไปเรียนได้แล้วจะถูกใช้เป็นเครื่องมือของคนสอนหนังสือบางจำพวกในจุฬาฯ โดยเฉพาะพวกขี้ขลาดที่อาศัยมือเด็ก และชอบซุกอยู่ข้างหลังเด็ก แต่ใช้การปลุกเร้าให้เด็กออกไปก่อการต่างๆ เช่น ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ เรื่องนี้คนในจุฬาฯ จำนวนไม่น้อยต่างรู้ดี แต่ถึงกระนั้นคนใจจุฬาฯ ก็ยังไม่ค่อยจะนำเรื่องเหล่านี้มาโต้เถียงกันมากนัก แต่จะอ้างว่าเป็นสิทธิเสรีภาพของปัจเจก
ย้อนกลับไปที่เรื่องต่างๆ ในจุฬาฯ เช่น เรื่องนิสิตอักษรฯ จุฬาฯ รายหนึ่งจงใจชักธงดำขึ้นสู่ยอดเสาธงของจุฬาฯ ที่ตั้งอยู่หน้าหอประชุม เรื่องนี้เกิดขึ้นมาเป็นเวลาเนิ่นนานเกินปีแล้ว แต่ผู้บริหารจุฬาฯ ไม่เคยตอบคำถามเพื่อสร้างความกระจ่างให้สังคมได้รับทราบ ดังจะพบว่าผู้บริหารจุฬาฯ อาศัยการดำลึกอยู่ใต้น้ำ แล้วจงใจปล่อยให้กาลเวลากลืนกินเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะผู้บริหารจุฬาฯ คิดเอาเองว่า แล้วเมื่อถึงวันหนึ่งกาลเวลาก็จะทำให้ผู้คนลืมเรื่องราวน่าบัดสีดังกล่าวไป แต่ขอบอกว่า คนจุฬาฯ และคนอื่นๆ ภายนอกจุฬาฯ ไม่มีวันลืมเรื่องอัปยศนี้
แม้กระทั่งเรื่องที่นิสิตรัฐศาสตร์รายหนึ่งจงใจก่อเหตุไม่บังควรในวันที่นิสิตใหม่เข้ากระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ชักธงดำเป็นปี แต่สุดท้ายก็ไม่มีความกระจ่างชัดใดๆ จากผู้บริหารจุฬาฯ เช่นเดิม ซึ่งประเด็นนี้ผู้คนทั่วไปต่างปักใจเชื่อว่าเป็นเพราะผู้บริหารจุฬาฯ จงใจไม่แตะต้องปัญหานี้เพราะเกรงว่าอาจจะถูกนิสิตและคนสอนหนังสือกลุ่มที่จงใจก่อเหตุตามราวีจนเป็นเหตุให้ต้องหลุดพ้นจากตำแหน่งผู้บริหารจุฬาฯ ไป
ดังนั้นจึงทำให้เกิดเสียงครหาจากสาธารณชนว่าผู้บริหารจุฬาฯ ยุคนี้ไม่แยแสกับเรื่องอัปยศต่างๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ซากๆ ในจุฬาฯ เพราะผู้บริหารคิดเพียงว่ารักษาตัวให้รอดปลอดภัย แล้วคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปให้จงได้เป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง ส่วนภาพลักษณ์ของจุฬาฯ ในสายตาประชาคมจุฬาฯ และคนภายนอกจะแหลกเหลวเช่นไรไม่ใช่เรื่องที่ผู้บริหารจุฬาฯ นำพา
ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันมานี้มีเรื่องอัปยศเกิดขึ้นในจุฬาฯ อีกครั้ง โดยเกิดขึ้นในวันปฐมนิเทศรับน้องใหม่ของจุฬาฯ (ขออนุญาตไม่กล่าวถึงตัวบุคคลที่สร้างความอัปยศต่ำช้าสามานย์ในวันดังกล่าว เพราะไม่มีคุณค่าที่ต้องกล่าวถึงแม้แต่น้อย) ประเด็นที่สาธารณชนนำมาถกเถียงกันอันเนื่องมาจากเหตุการณ์สามานย์ดังกล่าวคือ การที่นายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (นายก อบจ.) คนปัจจุบันเชิญบุคคลที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ และน่าศรัทธาในสังคมมาเป็นผู้กล่าวปฐมนิเทศต้อนรับนิสิตใหม่ ถามว่าไม่น่าเชื่อถือและศรัทธาอย่างไร ก็ตอบได้ชัดๆ ว่า เป็นผู้ต้องคดีอาญาตามมาตรา 112 และ 116
ถามต่อไปว่า ทำไมนายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ จึงเชิญคนกลุ่มดังกล่าวมาพูดกับนิสิตใหม่ในวันนั้น ไม่มีคนที่มีความเหมาะสมมากกว่านี้อีกแล้วหรือ หรือว่าจริงๆ แล้วนายก อบจ. มีเจตนาแอบแฝงจึงจงใจเชิญบุคคลดังกล่าวมาพูด เนื่องจากนายก อบจ. มีความปรารถนาจะกล่าวถ้อยคำอันไม่เหมาะสมในวันดังกล่าวด้วยตัวเอง แต่ทว่ายังไม่มีความกล้าหาญเพียงพอ จึงต้องอาศัยปากของผู้อื่นให้กล่าวในสิ่งที่ไม่บังควร ทั้งที่ตัวของนายก อบจ. อาจจะต้องการกล่าวก็เป็นได้ หากจะมีคำแก้ตัวว่า นายก อบจ. ไม่ทราบมาก่อนว่า ผู้ที่เชิญมาพูดนั้นจะกล่าวคำที่ไม่เหมาะสม ก็เป็นคำแก้ตัวที่สามารถทำได้ แต่ทว่าวิญญูชนไม่พึงเชื่อถือ เพราะว่าวิญญูชนประจักษ์ดีเสมอมาว่าผู้ที่ได้รับเชิญนั้นมีพฤติกรรมการเมืองในสถานะเช่นไร
ส่วนประเด็นที่น่าสนใจมากอีกประเด็นคือ เหตุใดนายก อบจ. จึงจงใจเชิญผู้ที่ต้องคดีอาญา มาตรา 112 และ 116 หรือเป็นเพราะว่านายก อบจ. ต้องการใช้โอกาสของวันดังกล่าวกระทำการอันไม่บังควรภายในรั้วของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และต้องการแสดงความนัยของตนเองให้สาธารณชนรับทราบว่า การเชิญบุคคลที่ต้องคดีอาญาตามมาตราทั้งสองมากล่าวกับนิสิตใหม่ของจุฬาฯ ก็เพื่อจะตอกย้ำและปลูกฝังให้นิสิตใหม่ของจุฬาฯ กระทำตามแบบอย่างของผู้กล่าว
อย่างไรก็ตาม ได้มีข้อแถลงจากสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ประเด็นหนึ่งระบุว่า นายก อบจ. ใช้อำนาจโดยพลการและลุแก่อำนาจในการเชิญบุคคลดังกล่าวโดยไม่หารือและขออนุญาตจากฝ่ายกิจการนิสิตจุฬาฯ ซึ่งนับเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบของจุฬาฯ อย่างชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องติดตามดูกันต่อไปว่าทางฝ่ายกิจการนิสิตจุฬาฯ จะมีการแสดงออกอย่างไร และเมื่อไร
ส่วนสิ่งที่วิญญูชนและสาธารณชนทำสอดคล้องกันเรื่องหนึ่งในขณะนี้คือ ประณามผู้บริหารจุฬาฯ ที่ปล่อยให้เกิดเรื่องไม่บังควรเช่นนี้ แล้วก็ตั้งคำถามไปยังผู้บริหารจุฬาฯ ด้วยว่า มีคำตอบชัดเจนถึงประเด็นที่ไม่บังควรต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำๆ ซากๆ ในจุฬาฯ บ้างหรือไหมเพราะทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นล้วนแล้วแต่ทำให้ประชาชนที่มีความนิยม เชื่อมั่น และศรัทธาต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกิดความรู้สึกด้านลบต่อผู้บริหารจุฬาฯ มาโดยตลอด
ส่วนการจะอ้างว่าเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของนิสิตในการแสดงออก และการแสดงความคิดเห็นนั้นเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะการกระทำใดๆ ในนามของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต้องผ่านการกลั่นกรองอย่างดีและรอบคอบแล้ว มิใช่ใครนึกจะทำอะไรตามใจตัวเองก็ทำไปโดยพลการ หรือจะอ้างว่าตนเองมีตำแหน่งเป็นนายก อบจ. หรือเป็นนิสิต หรือเป็นอาจารย์ หรือเป็นบุคลากรของจุฬาฯ ก็ไม่สามารถกล่าวอ้างในนามจุฬาฯ ได้ เพราะจุฬาฯ เป็นชื่อของสถาบันการศึกษาระดับประเทศที่มีเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ขั้นตอนการประพฤติปฏิบัติที่เป็นระบบระเบียบ มีแบบแผนชัดเจน
และขอทิ้งท้ายว่า การที่หลายคนเข้าใจว่าคนที่สามารถเข้าไปศึกษาในจุฬาฯ หรือเข้าไปสอนหนังสือในจุฬาฯ หรือทำงานในจุฬาฯ ต้องเป็นคนดี มีศีลมีธรรม มีความรักชาติบ้านเมือง เคารพรักและเลื่อมใสในสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น สิ่งนี้ไม่ใช่เครื่องยืนยันความคิดความเชื่อดังกล่าว ดังนั้นจึงไม่ต้องเชื่อว่าคนจุฬาฯ ทุกคนเป็นคนดีหาที่ติมิได้ แต่ขอได้โปรดเข้าใจว่า จุฬาฯ นั้นสอนได้แค่เรื่องวิชาการความรู้ศิลปวิทยาการ แต่จุฬาฯ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคนเลวโดยกำเนิด หรือเลวโดยการอบรมเลี้ยงดูให้เปลี่ยนเป็นคนดีได้ทุกคน เพราะเกินกำลังความสามารถของจุฬาฯ ดังนั้นขอได้ระลึกไว้เสมอว่า คนเลวนั้นหากอ่านหนังสือมากๆ จำได้มากๆ แล้วทำคะแนนสอบเข้าจุฬาฯ ได้ตามเกณฑ์ คนเลวนั้นก็เรียนในจุฬาฯ และสามารถจบการศึกษาจากจุฬาฯ ได้
เพราะฉะนั้นอย่าเชื่อว่านิสิต บัณฑิต คนสอนหนังสือ และคนทำงานในจุฬาฯ ทุกคนคือคนดี แต่ขอให้เข้าใจว่าเขาก็เป็นแค่คนทั่วไปที่สามารถเข้าไปอยู่ในรั้วจุฬาฯ ได้ ส่วนความดีความเลวเป็นเรื่องที่มาจากชาติกำเนิดและจากการอบรมเลี้ยงดู โปรดจำไว้ว่าการศึกษาจากจุฬาฯ ไม่สามารถเปลี่ยนคนเลวทุกคนให้เป็นคนดีได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี