วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันพฤหัสบดี ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2564, 02.00 น.
คุ้มครองเงินฝาก

ดูทั้งหมด

  •  

เมื่อวานนี้ สถาบันการคุ้มครองเงินฝาก ปรับลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อรายสถาบันการเงิน จากเดิมอยู่ที่ 5 ล้านบาทต่อบัญชีต่อรายสถาบันการเงิน

เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองเงินฝาก ที่มีตั้งแต่ปี 2551


ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสถานการณ์โควิด หรือผลกระทบทางเศรษฐกิจ หรือสถานการณ์ความเข้มแข็งของสถาบันการเงินในปัจจุบันใดๆ เลย

น่าเวทนาที่คนที่อ้างตนเป็นคนรุ่นใหม่ กลุ่มการเมือง ขาม็อบ พยายามนำไปแสดงความ “ขี้เท่อ” แบบผิดๆ อย่างมั่นอกมั่นใจจนน่าสมเพชเวทนา น่าอับอาย

1. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจง 3 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการลดวงเงินคุ้มครองของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) จาก 5 ล้านบาท เหลือ 1 ล้านบาท

ความเข้าใจผิดที่ 1 : เงินฝากส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท จะไม่ได้รับคืน

ธปท.ระบุว่ามีสิทธิได้รับคืน โดยเงินฝากที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท ต่อสถาบันการเงิน จะได้รับความคุ้มครองทันที ขณะที่เงินฝากส่วนที่เกิน ยังมีสิทธิได้รับคืน แต่ต้องรอการชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นก่อน จากนั้นจะได้รับคืนตามลำดับการชำระคืนเจ้าหนี้ตามกฎหมาย

ความเข้าใจผิดที่ 2 : ลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก เพราะสถาบันการเงินมีปัญหา

ธปท.ชี้แจงว่า ไม่เกี่ยวข้องกันกับการลดวงเงินคุ้มครอง เนื่องจากเป็นไปตามแผนที่กำหนดเดิมของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก โดยตั้งแต่ปี 2551 ได้กําหนดวงเงินคุ้มครองลดลงเป็นขั้นบันไดมาเป็นลำดับ เพื่อให้ประชาชนคุ้นเคยและค่อย ๆ ปรับตัวได้อย่างเหมาะสม ดังนี้

ปี 2551 คุ้มครองเต็มจำนวน

ปี 2555 คุ้มครอง 50 ล้านบาท

ปี 2558 คุ้มครอง 25 ล้านบาท

ปี 2559 คุ้มครอง 15 ล้านบาท

ปี 2561 คุ้มครอง 10 ล้านบาท

ปี 2562 คุ้มครอง 5 ล้านบาท

ปี 2564 คุ้มครอง 1 ล้านบาท

ธปท.อธิบายด้วยว่า เดิมเคยกำหนดจะปรับลดเหลือ 1 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2555 แต่ขยายเวลามาเรื่อยๆ จากความผันผวนของตลาดเงินทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้ กฎหมายไม่ได้กำหนดวงเงินคุ้มครองต่ำกว่านี้แล้ว

ปัจจุบัน สถาบันการเงินมีฐานะเข้มแข็ง ภายใต้การกำกับดูแลของแบงก์ชาติ จากเงินกองทุน และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง และยังสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค

สถาบันการเงินยังมีศักยภาพในการให้ความช่วยเหลือตามมาตรการทางการเงิน และรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 โดยมีเงินกองทุน (BIS ratio) อยู่ที่ 20.04% และสภาพคล่อง (LCR) อยู่ที่ 186.54%

ความเข้าใจผิดที่ 3 : การปรับลดวงเงินคุ้มครอง ในช่วงโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อประชาชน

ธปท.ชี้แจงว่า การลดวงเงินไม่กระทบผู้ฝากเงินส่วนใหญ่

เพราะวงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาทนี้ มีผู้ฝากเงินที่ได้รับการคุ้มครองเต็มจำนวน 82 ล้านราย หรือคิดเป็น 98% ของผู้ฝากที่ได้รับการคุ้มครองทั้งระบบอยู่แล้ว

และหากพิจารณาการดำเนินการในลักษณะเดียวกันของต่างประเทศ พบว่า ไม่มีหน่วยงานคุ้มครองเงินฝากปรับเพิ่มวงเงินคุ้มครองในช่วงโควิด-19 ทั้งนี้ จากข้อมูล วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท มีสัดส่วน 98% และมากกว่า 1 ล้านบาท มีสัดส่วนเพียง 2%

2. บัญชีเงินฝากที่เข้าข่ายตามนี้ ครอบคลุมบัญชีเงินฝาก 5 ประเภท

ทั้งบัญชีของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล

ทั้งของคนไทยและต่างประเทศที่ฝากเงินเป็นสกุลเงินบาทกับสถาบันการเงินของไทยภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝากรวมทั้งสิ้น 35 แห่ง

โดยคุ้มครองบัญชีเงินฝาก 5 ประเภท ได้แก่ เงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ บัตรเงินฝาก ใบรับฝากเงิน

โดยผู้ฝากเงินจะได้รับเงินฝากคืนภายใน 30 วัน ตามวงเงินที่กฎหมายกำหนด หากสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝากถูกเพิกถอนใบอนุญาต

ดังนั้น ผู้ฝากเงินรายย่อยไม่ต้องตื่นตกใจ เนื่องจากการคุ้มครองวงเงินจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสถาบันการเงินปิดกิจการ หรือโดนเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งหากดูสถานะของสถาบันการเงินในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปี 2540

การคุ้มครองนี้ จะเป็นโดยอัตโนมัติทันทีที่เปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งผู้ฝากเงินไม่ต้องดำเนินการใดๆ และไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้รับความคุ้มครอง

โดยวงเงินคุ้มครองจะคุ้มครองในลักษณะ 1 รายชื่อผู้ฝากต่อ 1 สถาบันการเงิน โดยนำเงินฝาก (เงินต้นและดอกเบี้ย) ของผู้ฝากแต่ละรายในทุกสาขาและทุกบัญชีมาคำนวณรวมกัน

3. ถ้าระบบเดิม สมัยก่อน หากแบงก์ไหนทำธุรกิจเสี่ยง เสียหาย หรือมีโกง จนล้มไป รัฐต้องเอาเงินภาษีคนทั้งประเทศมาอุ้ม ซึ่งไม่เป็นธรรมกับประชาชนทั่วไป

แต่ระบบแบบปัจจุบันนี้ จะทำให้สถาบันการเงินแต่ละแห่งต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง และเร่งสร้างความเชื่อมั่นของตนเองต่อประชาชน เพราะมิฉะนั้น ประชาชนก็จะเลือกฝากเงินกับสถาบันการเงินที่มีความมั่นคง น่าเชื่อถือ ปลอดภัย และบริหารจัดการความเสี่ยง

4. นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) ยืนยันว่า วงเงินคุ้มครองที่ 1 ล้านบาท มีผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวน 82.07 ล้านราย คิดเป็น 98.03% ของผู้ฝากทั้งระบบ ซึ่งถือเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

ข้อมูลเงินฝาก ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ผู้ฝากในระบบสถาบันการเงินภายใต้ความคุ้มครองของสถาบันมีจำนวนทั้งหมด 83.72 ล้านราย เมื่อเปรียบเทียบกับสิ้นปีก่อน พบว่าจำนวนผู้ฝากเพิ่มขึ้น 1,337,334 ราย หรือเพิ่มขึ้น 1.62% โดยจำนวนผู้ฝากที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผู้ฝากรายย่อยซึ่งมีเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท คิดเป็น 97% ของจำนวนผู้ฝากที่เพิ่มขึ้น และเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองมีจำนวนทั้งสิ้น 15.28 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 347,940 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.33% จากสิ้นปีก่อน

5. ใครมีเงินฝากเกินล้าน และอยากได้รับความคุ้มครองจากรัฐเต็มจำนวน ทางเลือกทางหนึ่ง คือ แบงก์รัฐ

บรรดาสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 6 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ยังให้การคุ้มครองเงินฝากเหมือนเดิม เนื่องจากทุกธนาคารเป็นธนาคารของรัฐ

แบงก์รัฐจะไม่เกี่ยวข้องกับ สคฝ. เนื่องจากมีกฎหมาย พ.ร.บ.การก่อตั้งเป็นของตนเอง 

ปัจจุบัน ทุกธนาคารยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งมาก 

ข้อมูลล่าสุดในปี’64 สถาบันการเงินรัฐทั้ง 6 แห่ง มีเงินฝากรวมกว่า 5.5 ล้านล้านบาท มีบัญชีเงินฝากทุกประเภท 82 ล้านบัญชี ซึ่งทุกแบงก์จะได้รับการดูแลโดยรัฐทั้งหมด

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
14:01 น. ‘ยิปซีพยากรณ์’ดวงรายวัน วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568
13:50 น. ‘สว.ตัวตึง’โวยงบช่วยเหลือภัยสงคราม 100 ล้าน มีแต่‘หนังสือสั่งการ’ไร้ตัวเงิน ‘อบจ.’ใกล้ถังแตก
13:42 น. ตร.เชียงรายดักรวบ! ‘คู่หูไทย-ลาว’ ขนเฮโรอีน60กิโลกรัม-คารถทัวร์มุ่งหน้าเข้ากรุง
13:40 น. ‘กกต.’ยกคำร้อง‘สว.ระดับประเทศ’ ให้ช่วยหาคะแนน แลกเก้าอี้‘ผู้เชี่ยวชาญ’
13:32 น. ‘พล.อ.ณัฐพล’รับเงื่อนไขกัมพูชา ให้‘สหรัฐ-จีน’ส่งผู้สังเกตการณ์ประชุมจีบีซีเฉพาะ 7 ส.ค.
ดูทั้งหมด
สลด! ดับ 6 ศพ รวมมือปืน เหตุกราดยิงภายใน‘ตลาด อตก.’
เด็ดปีกขุนศึกคู่ใจฮุน เซน! ‘พล.อ.สรัย ดึ๊ก’เสียชีวิตแล้ว จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
แตกกระเจิง! หน่วยรบพิเศษกัมพูชาแตกทัพ ถอดเครื่องแบบวิ่งหนีกลับประเทศ
โป๊ะแตกคาด่าน! พบรองเจ้าอาวาส ถอดจีวรเปลี่ยนชุดหล่อ นั่งรถเที่ยวสวีทสีกา
ปักธงชาติไทย'ภูมะเขือ-ช่องอานม้า-ตาเมือนธม-ตาควาย-ช่องบก' เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
ดูทั้งหมด
ทักษิณ ต้นเหตุของความวิบัติแห่งชาติ?
หมอผีออกศึก (2)
บุคคลแนวหน้า : 2 สิงหาคม 2568
กัมพูชาปรามแก๊งไซเบอร์สแกม แบบขายผ้าเอาหน้ารอด
ไทยได้เปรียบกัมพูชา : ตลกร้ายของรัฐบาลเป็ดง่อย
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘ยิปซีพยากรณ์’ดวงรายวัน วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568

‘สว.ตัวตึง’โวยงบช่วยเหลือภัยสงคราม 100 ล้าน มีแต่‘หนังสือสั่งการ’ไร้ตัวเงิน ‘อบจ.’ใกล้ถังแตก

เจอหลักฐานใหม่!! 'อ.ปริญญา'ชี้'ฮุนเซน-ฮุนมาเนต'ละเมิดรัฐธรรมนูญตัวเอง

‘พล.อ.ณัฐพล’รับเงื่อนไขกัมพูชา ให้‘สหรัฐ-จีน’ส่งผู้สังเกตการณ์ประชุมจีบีซีเฉพาะ 7 ส.ค.

มวลชนรวมพลังแผ่นดิน เกาะติดแกนนำปราศรัย ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ (ประมวลภาพ)

รัฐบาลจัดไว้อาลัย ปชช.ผู้บริสุทธิ์ เหตุเขมรยิงBM-21 เข้าใส่พลเมืองไทย

  • Breaking News
  • ‘ยิปซีพยากรณ์’ดวงรายวัน วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568 ‘ยิปซีพยากรณ์’ดวงรายวัน วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568
  • ‘สว.ตัวตึง’โวยงบช่วยเหลือภัยสงคราม 100 ล้าน มีแต่‘หนังสือสั่งการ’ไร้ตัวเงิน ‘อบจ.’ใกล้ถังแตก ‘สว.ตัวตึง’โวยงบช่วยเหลือภัยสงคราม 100 ล้าน มีแต่‘หนังสือสั่งการ’ไร้ตัวเงิน ‘อบจ.’ใกล้ถังแตก
  • ตร.เชียงรายดักรวบ! ‘คู่หูไทย-ลาว’ ขนเฮโรอีน60กิโลกรัม-คารถทัวร์มุ่งหน้าเข้ากรุง ตร.เชียงรายดักรวบ! ‘คู่หูไทย-ลาว’ ขนเฮโรอีน60กิโลกรัม-คารถทัวร์มุ่งหน้าเข้ากรุง
  • ‘กกต.’ยกคำร้อง‘สว.ระดับประเทศ’ ให้ช่วยหาคะแนน แลกเก้าอี้‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ‘กกต.’ยกคำร้อง‘สว.ระดับประเทศ’ ให้ช่วยหาคะแนน แลกเก้าอี้‘ผู้เชี่ยวชาญ’
  • ‘พล.อ.ณัฐพล’รับเงื่อนไขกัมพูชา ให้‘สหรัฐ-จีน’ส่งผู้สังเกตการณ์ประชุมจีบีซีเฉพาะ 7 ส.ค. ‘พล.อ.ณัฐพล’รับเงื่อนไขกัมพูชา ให้‘สหรัฐ-จีน’ส่งผู้สังเกตการณ์ประชุมจีบีซีเฉพาะ 7 ส.ค.
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ภัยคุกคามความมั่นคงอวตาร?  ไทยต้องเตรียมรับมือกับอะไร

ภัยคุกคามความมั่นคงอวตาร? ไทยต้องเตรียมรับมือกับอะไร

1 ส.ค. 2568

ลางร้ายพ่อนายกฯ  แล้วลูกจะอยู่ถ่วงประเทศไปถึงเมื่อไหร่?

ลางร้ายพ่อนายกฯ แล้วลูกจะอยู่ถ่วงประเทศไปถึงเมื่อไหร่?

31 ก.ค. 2568

จุดอ่อนของไทย  คือ ผู้นำรัฐบาลที่ไร้ภาวะผู้นำ

จุดอ่อนของไทย คือ ผู้นำรัฐบาลที่ไร้ภาวะผู้นำ

30 ก.ค. 2568

ภัยเศรษฐกิจ หนักไม่แพ้ภัยสู้รบ

ภัยเศรษฐกิจ หนักไม่แพ้ภัยสู้รบ

29 ก.ค. 2568

ฮุนเซนปลูกอคติต่อไทย  ในแบบเรียนกัมพูชา

ฮุนเซนปลูกอคติต่อไทย ในแบบเรียนกัมพูชา

28 ก.ค. 2568

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

25 ก.ค. 2568

‘ชินวัตร’จะไร้ตำแหน่ง หรือไร้แผ่นดิน?

‘ชินวัตร’จะไร้ตำแหน่ง หรือไร้แผ่นดิน?

24 ก.ค. 2568

มาเที่ยวปราสาท ไม่ใช่มาป่วนประสาท

มาเที่ยวปราสาท ไม่ใช่มาป่วนประสาท

23 ก.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved