“วงจรอุบาทว์” การฉ้อราษฎร์บังหลวงทุจริตคอร์รัปชั่น ในวงราชการทั้งจากบรรดานักการเมืองและข้าราชการประจำนั้น ต้องยอมรับว่าคือ “มหันตภัย” ที่ร้ายแรงกัดกร่อนประเทศมาอย่างยาวนาน นับแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนมาถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดย “คณะราษฎร ๒๔๗๕” เป็น “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ร้ายยิ่งกว่าวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)ที่ทำลายสุขภาพและชีวิตประชาชนกว่าครึ่งหมื่น เจ็บป่วยกว่า 1 ล้านคน ทั้งยังให้สภาพความเป็นอยู่เศรษฐกิจทั้งระดับจุลภาค(Micro Economic) และ มหภาค (Macro Economic)” อย่างแสนสาหัส
มีความจริงหนึ่งที่สังคมไทยต้องยอมรับว่าตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง โดย “คณะราษฎร” นั้น เม็ดเงินที่นักการเมืองสัมภเวสี, ทรราช ข้าราชการประจำเจ้าหน้าที่รัฐจากหน่วยงานรับงบประมาณแผ่นดินมีมูลค่าที่เชื่อกันว่ามากมายพอที่ประเทศไทยใช้ทองคำเทเป็นพื้นถนนทางหลวงได้อย่างสบาย
นักการเมืองทุนสามานย์หลายยุคยกวาทกรรมต้องการให้ประชาชนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ เพื่อให้ประเทศมีประชาธิปไตยที่แท้จริงทัดเทียมอารยประเทศ รวมไปถึงอีกหลายๆข้ออ้างเพื่อประโยชน์ของประชาชนที่พวกเขาเรียกว่าชนชั้นรากหญ้า ทั้งที่จริงแล้ว เราเห็นแต่ความเดิมๆ ที่เป็นประโยชน์ส่วนตน, ครอบครัวพวกพ้อง,และญาติพี่น้องทั้งสิ้น ขึ้นต้นเห็นเป็นลำไม้ไผ่ที่มีปล้องตรง ทว่าเมื่อเหลาลำไม้ไผ่เรื่อยไปกลับปล่อยปละละเลยต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น และมีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆอย่างนุ่มนวลและแนบเนียนมากขึ้น ถึงขั้นบังอาจออกเป็นนโยบายออกกฎหมายเพื่อการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยตรงเมื่อประชาชนรู้เช่นเห็นชาติ รู้เท่าทันนักการเมืองเหล่านี้ก็ฉวยโอกาสหนีไปใช้ชีวิตที่สุขสบายในต่างประเทศ
กว่า 20 ปีที่ผ่านมา “สังคมไทย” ตกหลุมพรางนักการเมืองทรราชขี้ฉ้อประดิษฐ์วาทกรรมหลอกลวง เหยียบย่ำซ้ำเติมสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนและบั่นทอนความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ เบียดบังทำลายระบบสาธารณสุขฉุดยื้อสุขภาพประชาชน
บทเรียนที่ผ่านมาสังคมไทยเคยให้ความไว้วางใจนายทุนการเมืองอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ซาตานในคราบนักบุญอวดอ้าง
ยกหางตัวเองว่าประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจจนมีฐานะมั่งคั่งร่ำรวย ทว่าทนเห็นความยากลำบากในการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชนไม่ได้จึงเดินเข้าสู่ถนนการเมือง กระโจนเข้าร่วมกับ “มหาห้าขัน-พลตรีจำลอง ศรีเมือง” ในพรรคพลังธรรม ก่อนออกมาจัดตั้งพรรคไทยรักไทยและยึดอำนาจเบ็ดเสร็จในรัฐสภาในเวลาต่อมา
หลายปีที่สังคมไทยได้ปลื้มชื่นชมนิยมชมชอบนโยบายประชานิยมเชื่อว่า คนรวยจะไม่โกง ทว่าองค์กรระดับโลกเน้นย้ำชัดว่า “ทักษิณ ชินวัตร” คือผู้นำชั้นเลวเบอร์ต้นๆ ของโลก
หากย้อนรอยการเติบโตของธุรกิจตระกูลชินวัตรจักเห็นว่าเป็นการบริหารราชการแผ่นดินที่ไร้ธรรมาภิบาลอย่างมากมายนับแต่เข้าบริหารราชการแผ่นดินภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่นักการเมืองสัมภเวสีอ้างว่าเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด ทำให้ภาวะผู้นำมีความเข้มแข็งกระทั่งสร้างระบบเผด็จการรัฐสภา
ในยุคของรัฐบาลทหารแก่–พลเอกประยุทธ์สะอิดสะเอียนการฉ้อราษฎร์บังหลวง อันเป็นเหตุผลหนึ่งในการรัฐประหารยึดอำนาจโค่นล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เมื่อเข้ารับตำแหน่งผู้นำรัฐบาลคำรบสอง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หวังกระตุ้นจิตสำนึกของเยาวชนคนรุ่นใหม่หวังประชาชนจะร่วมกันขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่น จึงประกาศการต่อต้านการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ
แต่วาระแห่งชาติที่พลเอกประยุทธ์ปรารถนาให้ขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นกลับไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งพฤติกรรมคนใกล้ตัวทั้งพฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับโครงการสาธารณูปโภค ทั้งหลายทั้งปวงยังมีเวลาให้ทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังมีเวลาที่จะแก้ไขมหากาพย์นี้เพื่อเรียกศรัทธาและความเชื่อมั่นจากประชาชนให้ค้ำจุนรัฐบาลได้ต่อไป
ตราบใดที่ยังมีศรัทธาและความมุ่งมั่นต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ก็ยังมีโอกาสให้วาระแห่งชาติมีผลสัมฤทธิ์แน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี