กัมพูชาในปัจจุบันไม่ใช่ขอมในอดีต เพราะว่าขอมไม่ได้หมายถึงกัมพูชา ส่วนเขมรก็อาจจะหมายถึงกัมพูชาได้ แต่คนกัมพูชาไม่เรียกตัวเองว่าขอม เพราะฉะนั้น อาณาจักรขอมจึงไม่ใช่อาณาจักรกัมพูชา ส่วนจะมีความเกี่ยวโยงเชื่อมต่อกันอย่างไรต้องลงไปศึกษาค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ให้ละเอียด
คนไทยตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยาเรียกเขมรว่าขอม เพราะฉะนั้น เมื่อยึดเอาคำเรียกของคนกรุงศรีอยุธยามาเป็นตัวอ้างอิง ก็ทำให้อาจจะเข้าใจได้ว่าขอมในยุคกรุงศรีอยุธยาคือคำว่าเขมร เพราะมีบางยุคที่พระนครศรีอยุธยามีอำนาจเหนือขอม แต่ก็ต้องย้ำว่าคนไทยอยุธยาเรียกขอม โดยหมายถึงดินแดนของขอมในยุคนั้น
ถามต่อไปว่าคนกัมพูชาในปัจจุบันคือคนขอมหรือไม่ ตอบว่า อาณาจักรขอมพังสูญสลายไปตั้งแต่ยุคสุโขทัย หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 19 ในครั้งนั้นเมืองพระนครก็ถูกทิ้งร้าง กว่าจะกลับมามีผู้คนแล้วตั้งอาณาจักรใหม่ได้ โดยไปมีเมืองใหม่ที่กรุงพนมเปญ ก็ใช้เวลาหลังจากนั้นอีกกว่าหลายร้อยปีคำถามที่ถามซ้ำคือคนกัมพูชาในวันนี้คือขอม ใช่หรือไม่ แล้วก็ต้องถามว่าอาณาจักรขอมล่มสลายไปเมื่อกว่าพันปีที่แล้ว คนขอมไปอยู่ที่ไหนกัน ทำไมจึงปล่อยให้เมืองพระนครถูกทิ้งร้าง แล้วก็ต้องบอกด้วยว่ากว่าจะมามีกรุงพนมเปญนั้น ในวันนั้นยังไม่มีคนกัมพูชามีแต่คนเขมร แล้วคนเขมรหลังยุคเมืองพระนครล่มสลายก็ไปอยู่อาศัยในเมืองต่างๆ เช่น ละแวก อุดง
อย่างไรก็ตาม ดูเป็นเรื่องผิดและเรื่องประหลาดมาก หากผู้นำการเมืองของกัมพูชาในยุคปัจจุบันจะอ้างว่าคนกัมพูชาสร้างปราสาทหินโบราณ เพราะปราสาทหินโบราณมีอายุมากกว่ากรุงพนมเปญหลายร้อยปี แล้วอย่าลืมว่าปราสาทหินมีกระจายอยู่ในพื้นที่ของประเทศไทยในปัจจุบัน อาทิ พระปรางค์สามยอด ลพบุรี ปราสาทหินพิมาย นครราชสีมา และปราสาทหินพนมรุ้ง บุรีรัมย์ เป็นต้น เพราะฉะนั้น ข้ออ้างว่ากัมพูชาเป็นเจ้าของปราสาทหินจึงฟังไม่ขึ้น
ความเป็นประเทศชาติ หรือรัฐชาติ (nation state) มนุษยชาติเกิดเป็นครั้งแรกในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 18 โดยเริ่มในแถบยุโรปตะวันตก แล้วหลังจากนั้นความคิดรัฐชาติก็ได้แพร่กระจายไปในดินแดนต่างๆ เมื่อชาติยุโรปออกเดินทางค้าขายทางเรือ พร้อมๆ ไปกับการล่าอาณานิคมไปด้วย สำหรับดินแดนในเอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็เป็นที่หมายปองของนักล่าอาณานิคมจากตะวันตก โดยเฉพาะในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น มีอังกฤษกับฝรั่งเศสแย่งกันล่าดินแดน โดยอังกฤษก็ได้ครอบครองดินแดนฝั่งซ้ายหรือด้านทิศตะวันตก และทางใต้ของสยามหรือไทยในยุครัชกาลที่ 5 ของกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนด้านขวาหรือด้านตะวันออกก็ถูกฝรั่งเศสรุกรานแล้วครอบครอง
คนที่ศึกษาประวัติศาสตร์การล่าอาณานิคมโดยฝรั่งเศสในยุครัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ต้องทราบดีว่าฝรั่งเศสยึดครองดินแดนด้านขวาของสยามประเทศ อันเคยเป็นดินแดนของสยามมาก่อน เช่น พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ อันที่จริงเกาะกงหรือประจันตคีรีเขตต์ ก็เคยเป็นดินแดนของไทยมาก่อนเช่นกัน แต่ด้วยเหตุที่สยามไม่สามารถต้านทานกำลังทหารของฝรั่งเศสได้ ก็จึงจำเป็นต้องยกดินแดนที่เป็นของสยามให้กับฝรั่งเศส จนสุดท้ายเมื่อฝรั่งเศสส่งคืนเอกราชให้กัมพูชา กัมพูชาจึงได้ดินแดนที่ฝรั่งเศสยึดจากสยามไปโดยปริยาย
อันที่จริงเรื่องราวระหว่างไทยกับกัมพูชาน่าจะสงบ หลังจากฝรั่งเศสคืนเอกราชให้กัมพูชาแต่เหตุการณ์ได้หาเป็นดังที่ว่าไม่ เพราะหลังจากกัมพูชาได้เอกราชจากฝรั่งเศส ก็พบว่ากัมพูชาในสมัย 50 กว่าปีก่อนจนถึงปัจจุบันพยายามสร้างข้ออ้างเรื่องเขตแดนกับไทย และกับเวียดนามมาโดยตลอด แต่การกระทำของกัมพูชาก็เป็นเรื่องที่เขาจำเป็นต้องทำเพื่อผลประโยชน์ของเขา แต่ปัญหาอยู่ที่รัฐบาลไทยในยุค 50 กว่าปีมาจนถึงปัจจุบันดูเสมือนว่าไม่มีปัญญาปกป้องรักษาเขตอธิปไตยของไทยไว้ จึงทำให้ให้กัมพูชาจงใจบุกรุก รุกรานดินแดนไทยเป็นระยะ ๆ จึงทำให้กัมพูชาได้ใจ แล้วคิดรุกรานไทยเรื่อยมา เพราะเห็นว่ารัฐบาลไทยไร้น้ำยาปกป้องเขตอธิปไตยของตนเอง...
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี