สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวคดีของเพนกวิ้น รุ้ง และนักศึกษาในเครือข่าย ที่เคลื่อนไหวโจมตีจาบจ้วงสถาบันอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา
บางคน ไม่ได้ประกัน เพราะศาลเคยปล่อยแล้ว
แต่กระทำอีกซ้ำซาก
บางคน เดินขึ้นโรงขึ้นศาล คดีแล้วคดีเล่า เพราะเดินสายไปทำผิดต่างกรรมต่างวาระ
สุดท้าย หากถูกพิพากษาจำคุก ก็คงจะติดยาวหลายปี เพราะหลายคดี
ทั้งหมด จะไปโทษใครอื่นไม่ได้
จะไปโทษตำรวจไม่ได้
จะไปโทษรัฐบาล ก็ไม่ได้
จะไปโทษกฎหมาย 112 ไม่ได้
เพราะกฎหมายที่ปกป้องคุ้มครองประมุขของประเทศ ในอารยประเทศเขาก็มีกัน
ที่สำคัญ ได้ที่พวกคนกลุ่มนี้ไปกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการด่า การใส่ร้าย การโจมตี การข่มขู่อาฆาต ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ต่ำช้า ถ้าไปทำต่อประมุขในประเทศอื่นๆ ก็ย่อมต้องโดนคดี
ที่สำคัญ หลายๆ เรื่อง ปรากฏว่า เป็นการเอาข้อมูลที่ถูกบิดเบือนให้ร้ายมาจากเครือข่ายนักวิชาการที่ขี้ขลาด ไม่ออกมาทำเอง (เพราะรู้แก่ใจว่าทำแบบนี้ผิดกฎหมาย) แต่ยุยงให้เด็กออกมาทำผิดกฎหมาย โดยการสนับสนุนให้ท้ายของนักการเมืองบางกลุ่ม (ไม่ห้ามปราม แถมสนับสนุน เพราะต้องการใช้ประโยชน์ทางการเมืองจากการกระทำผิดกฎหมายเหล่านี้)
ได้แต่รู้สึกเวทนาใจ
พอได้อ่านข้อเขียนของอดีตอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ “สุวินัย ภรณวลัย” ก็เหมือนได้สัมผัสถึงข้อคิดความเห็นอันเปี่ยมความรักแบบครูกับศิษย์ที่มีเมตตาแท้จริง
ไม่ใช่หวังหลอกใช้ลูกศิษย์แบบอาจารย์บางพวก
อาจารย์สุวินัย บอกว่า
“...ผมเคยเห็นคลิปอั้ม เนโกะ สมัยเป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ... ผมก็รู้จุดจบของนางตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ก็เคารพการตัดสินใจของนางเพราะห้ามความคิดกันไม่ได้
เมื่อได้เห็นคลิปของเบนจาที่เป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์รุ่นน้องของอั้ม เนโกะที่ออกมาเคลื่อนไหวสไตล์เดียวกันตั้งแต่สองปีที่แล้ว ... ผมก็รู้จุดจบของน้องเบนจาตั้งแต่วันนั้นเหมือนกัน
หลังจากที่ผมเกษียณราชการจากการเป็นอาจารย์ธรรมศาสตร์ตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน ... ผมนึกไม่ถึงว่านักศึกษาธรรมศาสตร์จะกลายเป็นพวกซ้ายสุดโต่งทางการเมืองเยอะขนาดนี้และกว่าครึ่งคือนักศึกษาหญิง! (แอดมินเพจธรรมศาสตร์และการชุมนุมที่โดนจับก็เป็นนักศึกษาหญิงอายุแค่ 21 ปีเอง) ... สิ่งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งโดยเครือข่ายของอดีตพรรคอนาคตใหม่ช่วงนั้น
ยกเว้นช่วงระหว่าง ปี 2516-2519 ที่นักศึกษาธรรมศาสตร์กลายเป็นพวกซ้ายสุดโต่งจนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 จนต้องหนีเข้าป่า ... ช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2527-2559 ที่ผมสอนหนังสือที่ธรรมศาสตร์ ผมไม่เคยเห็นช่วงไหนที่มีนักศึกษาธรรมศาสตร์จำนวนไม่น้อยได้ถูกจัดตั้งให้กลายเป็นหัวหอกของขบวนการล้มเจ้า เหมือนอย่างในช่วงปี 2563-2564 เลย
จะว่าไปแล้ว นี่คือเคราะห์กรรมและโศกนาฏกรรมของนักศึกษาธรรมศาสตร์รุ่นนี้ในระดับปัจเจก
ชีวิตหลังจากนี้ของนักศึกษาธรรมศาสตร์กลุ่มนี้ แทบเรียกได้ว่าหมดอนาคตแล้วในยุคดาต้านิยม (dataism) ต่อจากนี้
จำคำพูดของผมไว้ให้ดีนะ ...
อีกหลายปีหรือสิบกว่าปีข้างหน้า เมื่อพวกคุณเติบใหญ่มีวุฒิภาวะมากกว่าตอนนี้ และ“พลันได้คิด” ...
พวกคุณจะเจ็บปวดทางจิตใจมากเหลือเกินที่พบว่า พวกคุณเป็นแค่เหยื่อและเบี้ยสละทิ้งของพวกอาจารย์แก่ๆที่ยังจมปลักดักดานอยู่กับความคิดซ้ายที่โบราณและล้าสมัยแล้วเท่านั้นเอง
ลึกๆผมสงสารนักศึกษาธรรมศาสตร์กลุ่มนี้มากนะ เสียดายที่พวกเขาไม่ได้เจอครูที่ดีที่นั่น
ขอได้โปรดอย่าแสดงความชิงชังสมน้ำหน้าเด็กพวกนี้
ควรมองว่าพวกเขาคือเหยื่อและเบี้ยทิ้งขว้างของพวกอาจารย์เฒ่าสารพัดพิษต่างหาก”
อ่านแล้ว ก็ได้แต่หวังว่า เด็กๆ จะ “พลันได้คิด”
หรือมีพ่อแม่คิดได้ ไม่ใช้ลูกเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์เข้าตัว
พากันถอนตัวออกมาเสีย
กว่าจะคิดได้ ไม่มีคำว่าสาย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี