ตอนที่แล้ว ผมได้นำเสนอผลงานด้านต่างประเทศซึ่งเป็นบทบาทใหม่เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติ ที่ผมยืนยันได้ว่า ไม่มีรัฐบาลไทยชุดไหนที่จะมีผลงานด้านนโยบายต่างประเทศมากเท่ากับรัฐบาล พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ แม้กระทั่งประเทศมหาอำนาจอย่างสหภาพโซเวียต มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเวียดนาม ในการยึดครองกัมพูชา พลเอกเปรม ก็ได้พูดจาอย่างตรงไปตรงมากับผู้นำของประเทศนี้ เพื่อยุติการสู้รบ และเวียดนามถอนทหารออกจากกัมพูชา
ในปี 2531 ก่อนประกาศยุบสภา และจะไม่กลับมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก พลเอกเปรมติณสูลานนท์ ได้ตัดสินใจเดินทางไปพบผู้นำสหภาพโซเวียต ซึ่ง ได้พบปะกับ รีชคอฟ นายกรัฐมนตรี และได้เจรจากับนายมิคาอิล กอร์บาชอฟเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต ที่พระราชวังเครมลินกรุงมอสโคว์ เมื่อวันที่18พฤษภาคม 2531 การพบปะ ระหว่างพลเอกเปรม กับนายกอร์บาชอฟ ผู้นำสหภาพโซเวียต มาดูกันว่าการพูดการเจรจาทางการทูต.ของพลเอกเปรมฯในครั้งนั้นเป็นอย่างไร พูดกันเช่นไร ถึงขนาดนายกอร์บาชอฟ ได้ดำเนินการตามที่ได้พูดกับพลเอกเปรมฯ โดยเวียตนามจะประกาศถอนทหารออกจากกัมพูชาอย่างเป็นทางการภายในสองวัน
นายกอร์บาชอฟ ได้กล่าวต้อนรับ และกล่าวให้ทราบถึงนโยบายสากลของโซเวียต ในการมองโลกใหม่ 2 ประกาศคือจะต้องคำนึงถึงและยอมรับสิทธิ์ที่จะกำหนดใจตนเอง ซึ่งทั้งสองประการนี้จะนำไปสู่หลักการที่ว่าไม่สามารถบีบบังคับผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตนควรจะประสานผลประโยชน์กันหลักการนี้เป็นหลักการในการปรับปรุงสถานการณ์โลกให้ถูกต้องซึ่งกระชับตัวมาให้เห็นอย่างเป็นรูปประธรรมเช่นการลดอาวุธนิวเคลียร์อาวุธเคมีและอาวุธธรรมดาซึ่งสหภาพโซเวียตได้ให้ความสำคัญ กับทุกประเทศทั่วโลก
พลเอกเปรม ได้กล่าวว่าขอขอบคุณอย่างสูงที่เจียดเวลาให้เข้าพบและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของโลกไม่เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่อย่างเดียวแต่มีนโยบายที่กว้างขวาง นโยบายของท่านแสดงให้เห็นความคิดอันกว้างไกลสุขุมรอบคอบอย่างยิ่งผมขอเรียนด้วยความเคารพว่าผมเห็นด้วยกับความคิดของท่านทุกประการได้ทราบนโยบายของท่านและที่เกี่ยวกับอัฟกานิสถานก็ยิ่งอยากมาพบจึงหวังว่าสิ่งที่จะเรียนให้ทราบจะได้รับความสนใจและความร่วมมือไม่มากก็น้อยเมื่อวานนี้ก็ได้เจรจากับท่านนายกรัฐมนตรีรีชคอร์ปซึ่งกรุณาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งเข้าใจว่าท่านนายกรัฐมนตรีคงจะเรียนรายงานแล้ว นายกอร์บาชอฟกล่าวว่าครับ
จากนั้นพลเอกเปรม ได้กล่าวต่อว่า แต่เรื่องที่จะเรียนในวันนี้เมื่อวานนี้ยังไม่ได้พูดถึงตั้งใจจะมาขอความร่วมมือจากท่านนั่นคือปัญหากัมพูชาซึ่งยืดเยื้อมานานแล้ว เรื่องที่เกี่ยวกับไทยโดยตรง คงทราบดีว่าทุกปีที่มีการสู้รบมีทหารส่วนหนึ่งลุกล้ำชายแดนเข้ามาอาจจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ก็มีการปะทะ ระหว่างทหารไทยกับทหารเวียดนามต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บล้มตายราษฎรชายแดนไทยก็ล้มตายมากประเทศไทยเองก็ใช้เงินใช้ทรัพยากรปีหนึ่ง เป็นจำนวนไม่น้อย อยากขอความร่วมมือเพราะไม่อยากเห็นการรบพุ่งระหว่างเวียดนามเขมรและไทยวิธีที่จะไม่ให้เกิดก็คือทำได้ ก็โดยไม่ให้มีทหารต่าชาติในเขมรเราใช้เงินไม่น้อยในปีหนึ่งๆในการป้องกันชายแดน
"เราอยากได้เงินที่ใช้ป้องกันชายแดน ไปพัฒนาประเทศเรากำลังเร่งพัฒนาประเทศโดยเฉพาะในชนบทที่ยากจนผมเชื่อว่าเขมรและเวียดนามก็ไม่อยากรบ ผมเองก็ไม่อยากรบ จึงอยากให้มีการหยุดรบโดยเร็วที่สุด ผมคิดว่าท่านเลขาธิการคงช่วยให้มีสันติภาพในเขมรเช่นเดียวกับที่ช่วยให้เกิดสันติภาพในอัฟกานิสถานมาแล้ว..นี่แหละครับที่ผมต้องการเป็นที่สุด”
“ ไม่เป็นการยุติธรรมเลยที่พลเรือนไม่ใช่ทหารต้องล้มตายเพราะสงครามคิดว่าถ้าคนโซเวียตรับภาระเช่นนี้ท่านเลขาธิการก็จะมีความรู้สึกเช่นกันผมนั่งเครื่องบินมา 10 ชั่วโมงเศษมาพบท่านก็ด้วยเรื่องนี้เป็นสำคัญ และคิดว่ามีความหวัง"
นายกอร์บาชอฟได้กล่าวแสดงความขอบคุณที่เข้าใจในนโยบายสันติภาพของสหภาพโซเวียตและได้กล่าวตอนหนึ่งว่ากัมพูชาเป็นปัญหาภูมิภาคโซเวียตก็ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงเรามีความสัมพันธ์อันดีกับเวียดนามลาวและกัมพูชาทำให้เราสามารถพิจารณาปัญหาเหล่านี้ โดยเฉพาะ กัมพูชาจากการเจรจา ลาวกัมพูชาและเวียดนามมีความประสงค์ตรงกับเราคือต้องแก้ปัญหาให้ตกแตกควรพิจารณาด้วยสัจนิยมต้องยอมรับกลุ่มพลังทุกฝ่ายที่เป็นคู่กรณีนายก็ไม่ชอบเราว่าคิดว่าอาเซียนก็มีส่วนช่วยให้ประเทศกัมพูชาเป็นกลางเป็นเอกราชเข้าใจว่าต้องเน้นในบทบาทของทุกประเทศในภูมิภาคนี้ เวียดนามก็มีทีท่าสนองตอบขอให้ไทยมีบทบาทด้วย
พลเอกเปรม กล่าวว่าที่มาขอร้องเพราะในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องรักษาชีวิตของคนไทย ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบด้วยเลยแต่มีการสู้รบทุกปีไม่อยากให้เกิดขึ้นเราน่าจะรับที่จะแก้ปัญหาได้วิธียุติการสู้รบก็คือการถอนทหารเวียดนามออกจากกัมพูชาในเดือนกรกฎาคม 2531ก็จะมีการประชุมที่จาการ์ตาจะเชิญเวียดนามเข้ามาร่วมประชุมกับเขมรทุกฝ่ายด้วยถ้าตกลงกันได้รัฐบาลปรองดองแห่งชาติก็คงสามารถกระทำไปด้วยความรวดเร็วการถอนทหารน่าจะกระทำได้ก่อนปี 1990 เรายังเห็นลู่ทางอยู่
นายกอร์บาชอฟกล่าวว่า เป็นการดีมากที่จะมีการประชุมเข้าใจว่าเขมรเวียดนามคงตอบแล้ว นายกกล่าวต่อว่าตกลงครับเราจะทำแน่ๆอะไรที่เราทำได้เราก็จะทำไปที่ได้ปรึกษาหารือกันนี้จะได้ถ่ายทอดให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทราบด้วยอาศัยที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชาลาวและเวียดนามก็ทราบว่าเขาก็ปรารถนาที่จะแก้ไขข้อพิพาทนี้ต้องเดินเข้าหากันและสารประโยชน์กันขอให้ผลักดันกระบวนการทางการเมือง
ผลของการพบปะเจรจาระหว่างพลเอกเปรมฯกับนายกอร์บาชอฟดังกล่าวนี้เมื่อพลเอกเปรมฯเดินทางออกจากสหภาพโซเวียตไปเยือนประเทศฮังการีและพบปะเจรจากับนายคาลอย โกรซ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ฮังการีและเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยที่กรุงบูดาเปสต์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2531 มอสโคว์ได้ติดต่อ ให้ฮังการีแจ้งให้พลเอกเปรมฯทราบว่านายกอร์บาชอฟ ได้ดำเนินการตามที่ได้พูดกันไว้แล้วโดยเวียดนามจะประกาศการถอนทหารออกจากกัมพูชาอย่างเป็นทางการใน 2 วันข้างหน้านี้และจะไปร่วมประชุมที่กรุงจาการ์ตากับเขมรทุกฝ่ายในเดือนกรกฎาคม พ.ศ 2531
นับเป็นผลสำเร็จครั้งสำคัญของพลเอกเปรมฯต่อความคืบหน้าในการแก้ปัญหากัมพูชาที่ยืดเยื้อมาหลายปีและก้าวไปสู่การเจรจาอย่างเป็นจริงเป็นจังขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการถอน ทหารเวียดนามออกจากกัมพูชา
ใครๆ คนไทยเราก็มักจะเข้าใจว่า พลเอกเปรม เป็นคนพูดน้อย แต่ถ้าสังเกตว่าถ้าจะต้องพูดเพื่อส่วนรวม พูดเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ พลเอกเปรมฯคือนายกรัฐมนตรี ที่พูดมากที่สุดนะครับ
สุดท้ายขอฝากแฟนแนวหน้าท่านใดที่ประสงค์ จะมีหนังสือทรงคุณค่า.ที่บันทึกเรื่องราวผลงานของพลเอกเปรมฯเล่มล่าสุด ชื่อ" รัฐบุรุษคู่แผ่นดิน" ก็ติดต่อไปได้ที่ ดร.สุเมต สุวรรณพรหม ไอดีไลน์และโทรศัพท์.0811103939
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี