วันอังคาร ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / อ่านระหว่างบรรทัด
อ่านระหว่างบรรทัด

อ่านระหว่างบรรทัด

สันติสุข มะโรงศรี
วันจันทร์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2564, 02.00 น.
เศรษฐกิจไทยอยู่ตรงไหน กนง.ชี้‘เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว’

ดูทั้งหมด

  •  

เศรษฐกิจไทยจะมีอนาคตแค่ไหน?

บางคนอาจไม่แน่ใจว่ารัฐบาลชะล่าใจไปหรือเปล่า? บอกสถานการณ์จริงของภาพรวมเศรษฐกิจหรือเปล่า?


เศรษฐกิจไทยจะหายนะเหมือนที่นักการเมืองฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น หรือฝ่ายที่โจมตีกล่าวอ้างว่าจะต้องเปลี่ยนรัฐบาลเท่านั้น จริงหรือเปล่า?

 

 

วันนี้ ขออนุญาตสรุปการประเมินภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ)

แบงก์ชาติได้พิจารณาข้อมูลรอบด้าน ทั้งจากแบบจำลองทางเศรษฐกิจมหภาค ข้อมูลรายสาขาเศรษฐกิจ รวมทั้งรับฟังข้อคิดเห็นโดยตรงจากผู้ประกอบการทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทั่วประเทศ และสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการประเมินภาวะและแนวโน้มทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างถูกต้องแม่นยำ ครอบคลุมทุกมิติทั้งในระดับมหภาคและจุลภาค

เอกสารอย่างเป็นทางการล่าสุด คือ รายงานนโยบายการเงิน จัดทำขึ้นเป็นรายไตรมาส โดยเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายการเงินฯ เพื่อสื่อสารแนวความคิดและเหตุผลของการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินของคณะกรรมการฯ ต่อสาธารณชน (รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินฯ ฉบับย่อ ครั้งที่ 6/2564 วันที่ 29 กันยายน 2564 ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยแพร่ ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2564)

กรรมการที่เข้าร่วมประชุม ได้แก่ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ (ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ประธานฯ) นายเมธี สุภาพงษ์ นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวานนายคณิศ แสงสุพรรณ นายรพี สุจริตกุล นายสมชัย จิตสุชน
นายสุภัค ศิวะรักษ์

สรุปประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ ดังนี้

1. เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

กนง.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในระยะข้างหน้า แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญคือการฟื้นตัวของอุปสงค์ที่เลื่อนมาจากช่วงก่อนหน้า (pent-up demand) ในช่วงที่เหลือของปี 2564 จากพัฒนาการด้านวัคซีนที่ปรับดีขึ้น และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดที่เร็วกว่าคาด ซึ่งส่งผลให้ประมาณการเศรษฐกิจใกล้เคียงกับการประเมินครั้งก่อน แม้การส่งออกชะลอลง

อย่างไรก็ดี ต้องติดตามพัฒนาการด้านวัคซีนทั้งการนำเข้าและกระจายวัคซีนตามแผนของรัฐบาล รวมถึงการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความเชื่อมั่นและการบริโภคภาคเอกชนที่อาจฟื้นตัวล่าช้ากว่าคาดหากการระบาดกลับมารุนแรงขึ้น ประกอบกับภาคส่งออกยังเผชิญปัญหา global supply disruption รวมถึง จำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ตามนโยบายการเปิดประเทศของไทยและต่างประเทศโดยเฉพาะจีน

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าการฟื้นตัวในแต่ละภาคเศรษฐกิจมีความแตกต่างกันมากขึ้น (uneven recovery) ทำให้ตลาดแรงงานยังเปราะบาง ซึ่งประเมินว่าจำนวนผู้ว่างงานและผู้เสมือนว่างงาน ณ สิ้นปี 2564 จะอยู่ที่ 3.4 ล้านคน โดยเฉพาะภาคบริการและผู้ประกอบอาชีพอิสระ

สะท้อนจากจำนวนลูกจ้างในระบบประกันสังคมที่ขอรับสิทธิทดแทนกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยที่เพิ่มขึ้น
ต่อเนื่อง รวมถึงเห็นสัญญาณแรงงานเคลื่อนย้ายกลับภูมิลำเนาสูงขึ้นต่อเนื่อง

ภาครัฐจึงควรดูแลภาคเศรษฐกิจและตลาดแรงงานในจุดที่เปราะบางอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวหลังการระบาดสิ้นสุดลง (scarring effects)

2. ควบคุมโรค กับผ่อนคลายเพื่อเศรษฐกิจ ต้องสมดุล

กนง. เห็นว่า โจทย์สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจไทย ณ ปัจจุบัน คือ การดำเนินมาตรการควบคุมการระบาดที่เอื้อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและรายได้ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยควรมุ่งเน้นการรักษาสมดุลระหว่างมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อควบคุมการระบาด และความสามารถในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการฟื้นตัวของภาคธุรกิจและครัวเรือน

ทั้งนี้ ในระยะต่อไป ประเมินว่าการกระจายวัคซีนที่มีความคืบหน้าจะช่วยให้จำนวนผู้ป่วยวิกฤตปรับลดลงมาใกล้เคียงกับระดับศักยภาพของระบบสาธารณสุข ทำให้การใช้มาตรการควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวดมีความจำเป็น น้อยลง และภาครัฐสามารถดำเนินมาตรการที่เอื้อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาใกล้เคียงปกติได้มากขึ้น

 

 

3. มาตรการคลังคือกลไกสำคัญ ขยายเพดานหนี้สาธารณะจำเป็น

กนง. เห็นว่า มาตรการการคลังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งการเยียวยาและพยุงเศรษฐกิจ โดยในระยะต่อไป ควรเน้นการสร้างรายได้และเตรียมมาตรการเพื่อฟื้นฟู และยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์การระบาดคลี่คลาย

นอกจากนี้ กนง.เห็นว่า การขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็นร้อยละ 70 จะเอื้อให้ภาครัฐสามารถผลักดัน
นโยบายเพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ 
GDPลดลงในระยะต่อไปตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและความสามารถการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐที่จะกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว

ทั้งนี้ การใช้จ่ายของภาครัฐควรเน้นโครงการที่มีประสิทธิผลสูง เช่น มาตรการที่รัฐช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายและภาคเอกชนมีส่วนร่วม (co-payment) เพื่อให้มีตัวทวีทางการคลังสูงและได้ผลในวงกว้างขึ้น รวมทั้งควรมีกระบวนการใช้จ่ายที่โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้

โดยระยะต่อไป ภาครัฐควรเตรียมแนวทางที่ชัดเจนในการทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ปรับลดลงเพื่อรักษาวินัยทางการคลัง รวมทั้งสร้างพื้นที่ทางการคลังเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต อาทิ การหารายได้เพิ่มเติมจากการสร้างฐานรายได้ใหม่ การควบคุมสัดส่วนของรายจ่ายประจำ การเพิ่มสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างและยกศักยภาพเศรษฐกิจในระยะยาว

 

 

4. ควรเร่งกระจายสภาพคล่องไปสู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างตรงจุดและต่อเนื่อง

กนง.เห็นว่า นโยบายการเงินต้องสนับสนุนให้ภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลายต่อเนื่อง โดยสภาพคล่องในระบบการเงินยังอยู่ในระดับสูง แต่ยังมีปัญหาในการกระจายสภาพคล่องที่มีอยู่มากไปสู่ธุรกิจ SMEs และครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูระยะที่ 1 ซึ่งเริ่มดำเนินการในช่วงเดือนเมษายน – กันยายน 2564 ช่วยให้ธุรกิจ SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นสูงกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วง 6 เดือนแรก

สำหรับมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อคืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูที่กระจายตัวดี ทั้งด้านจำนวนและความเสี่ยงของลูกหนี้ แต่ควรเร่งผลักดันกระจาย สภาพคล่องไปสู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างตรงจุดและต่อเนื่อง อาทิ

(1) มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูระยะที่ 2 หลังจากที่ได้ปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการค้าประกันให้สามารถรองรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น และขยายวงเงินสินเชื่อสำหรับลูกหนี้ที่วงเงินเดิมน้อยหรือไม่เคยมีวงเงิน

(2) มาตรการพักทรัพย์พักหนี้

(3) มาตรการอื่นๆ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ อาทิ โครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจ SMEs และลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด

และ (4) การผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ให้เห็นผลในวงกว้าง เพื่อให้ลูกหนี้ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืนสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ อาทิ การให้ความยืดหยุ่นในการบังคับใช้หลักเกณฑ์การจัดชั้นหนี้และการกันเงินสำรอง เพื่อลดภาระต้นทุนของสถาบันการเงินที่ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ให้ยั่งยืนขึ้นมากกว่าการขยายเวลาชำระหนี้เพียงอย่างเดียว และการขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือร้อยละ 0.23 ออกไปจนถึงสิ้นปี 2565 เพื่อให้สถาบันการเงินส่งผ่านต้นทุนที่ลดลงไปในการบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง

สรุป ข้างต้นนั้น คือ ข้อมูลจากรายงานนโยบายการเงินล่าสุด ซึ่งถือว่ามีความแม่นยำ ครอบคลุม และเป็นมืออาชีพอย่างยิ่งในการประเมินสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ

สุดท้าย จึงขอให้ความเห็นว่า ถ้าบ้านเมืองไม่มีการสร้างความปั่นป่วนทางการเมือง ก่อม็อบเผาบ้าน
เผาเมือง ยุยงปลุกปั่นด้วยเฟคนิวส์จนก่อให้เกิดการต่อต้านการดำเนินการตามมาตรการภาครัฐที่จะค่อยๆ ผ่อนคลายทางเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เชื่อแน่ว่า เศรษฐกิจไทยก็จะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมา

เศรษฐกิจประเทศไทยรอดแน่ๆ

ไม่ได้จะหายนะอย่างที่กลุ่มการเมืองที่สูญเสียผลประโยชน์ส่วนตัวบางกลุ่มพยายามยุยงบิดเบือน ด้วยต้องการแย่งชิงอำนาจรัฐ เล่นการเมืองกันในสถานการณ์ที่ควรแก้วิกฤตของบ้านเมือง

 

สันติสุข มะโรงศรี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:01 น. นอภ.ทองผาภูมิ เสนอเพิกถอนสิทธิ์คนต่างด้าว 31 ราย ฐานคดีมั่นคง-ศาลพิพากษาจำคุก
22:00 น. (คลิป) มาฟัง! 'เจ๊ปอง' เล่าความสัมพันธ์ 'น้องเพลง-ลูกนายกฯหนู' 6 เดือนไร้รูปถ่าย
21:54 น. (คลิป) 'ฮุนเซน' ออกโรงแจงด่วนกลางดึก ยึดทรัพย์ 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' ในเขมร
21:43 น. คนร้ายขว้างไปร์บอร์มหน้าร้านมินิมาร์ท เชื่อเป็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที
21:34 น. 'กรมสมเด็จพระเทพฯ'เสด็จฯ เป็นองค์ประธานเปิดงานวันลองกอง 'ของดีเมืองนรา' ครั้งที่ 48
ดูทั้งหมด
'เพลง ชนม์ทิดา'ร่ายความในใจ หลังถูกจับตาความสัมพันธ์'เป๊ก เศรณี'
น้ำตาคลอทั้งโซเชียล! 'เกลือ'ตั้งคำถาม'ทำไมทหารพรานต้องใส่ชุดดำ' ได้คำตอบสุดสะเทือนใจ
‘ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯทอดพระเนตรการแสดงกายกรรมจากจีน
'เป๊ก-เพลง'ไปต่อหรือพอแค่นี้? วงในเมาท์แรงหลังจัดตั้งครม. รู้เรื่อง!
'พุทธ อภิวรรณ'ชวนจับตา!!! คาดมีข่าวใหญ่ คนดังมีลูกศิษย์ทั่วฟ้าเมืองไทย ถูกสอบโยงผู้หญิง-เงินบริจาค
ดูทั้งหมด
ในความต่างระหว่างสีผิว
นักการเมืองปล้นอำนาจประชาชนฉีกทิ้ง รธน.
บุคคลแนวหน้า : 16 กันยายน 2568
เปิดด่านเพื่อ...?
เตโชเบาะสะแก ซำแต
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

นอภ.ทองผาภูมิ เสนอเพิกถอนสิทธิ์คนต่างด้าว 31 ราย ฐานคดีมั่นคง-ศาลพิพากษาจำคุก

(คลิป) มาฟัง! 'เจ๊ปอง' เล่าความสัมพันธ์ 'น้องเพลง-ลูกนายกฯหนู' 6 เดือนไร้รูปถ่าย

เชื่อ'อภิสิทธิ์'ยังไม่กลับปชป. 'ศิริโชค'ชี้'เดชอิศม์'ยังกุมอำนาจ

(คลิป) 'ฮุนเซน' ออกโรงแจงด่วนกลางดึก ยึดทรัพย์ 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' ในเขมร

คนร้ายขว้างไปร์บอร์มหน้าร้านมินิมาร์ท เชื่อเป็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที

ปลุกปั่นชาตินิยม! 'กัมพูชา'ปล่อยเพลงใหม่ 'Don't Thai to the World' เนื้อหาพาดพิงไทยรุนแรง

  • Breaking News
  • นอภ.ทองผาภูมิ เสนอเพิกถอนสิทธิ์คนต่างด้าว  31 ราย ฐานคดีมั่นคง-ศาลพิพากษาจำคุก นอภ.ทองผาภูมิ เสนอเพิกถอนสิทธิ์คนต่างด้าว 31 ราย ฐานคดีมั่นคง-ศาลพิพากษาจำคุก
  • (คลิป) มาฟัง! \'เจ๊ปอง\' เล่าความสัมพันธ์ \'น้องเพลง-ลูกนายกฯหนู\' 6 เดือนไร้รูปถ่าย (คลิป) มาฟัง! 'เจ๊ปอง' เล่าความสัมพันธ์ 'น้องเพลง-ลูกนายกฯหนู' 6 เดือนไร้รูปถ่าย
  • (คลิป) \'ฮุนเซน\' ออกโรงแจงด่วนกลางดึก ยึดทรัพย์ \'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์\' ในเขมร (คลิป) 'ฮุนเซน' ออกโรงแจงด่วนกลางดึก ยึดทรัพย์ 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' ในเขมร
  • คนร้ายขว้างไปร์บอร์มหน้าร้านมินิมาร์ท เชื่อเป็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที คนร้ายขว้างไปร์บอร์มหน้าร้านมินิมาร์ท เชื่อเป็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที
  • \'กรมสมเด็จพระเทพฯ\'เสด็จฯ เป็นองค์ประธานเปิดงานวันลองกอง \'ของดีเมืองนรา\' ครั้งที่ 48 'กรมสมเด็จพระเทพฯ'เสด็จฯ เป็นองค์ประธานเปิดงานวันลองกอง 'ของดีเมืองนรา' ครั้งที่ 48
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

‘พ่อขายฝัน อาขายข้าว ลูกสาวขายชาติ  เห็นศัตรูเป็นญาติ เห็นรั้วของชาติเป็นศัตรู’

‘พ่อขายฝัน อาขายข้าว ลูกสาวขายชาติ เห็นศัตรูเป็นญาติ เห็นรั้วของชาติเป็นศัตรู’

15 ก.ย. 2568

นายกฯ อนุทิน  ในสนามทุ่นระเบิดการเมือง

นายกฯ อนุทิน ในสนามทุ่นระเบิดการเมือง

8 ก.ย. 2568

ผ่าทางตันการเมืองไทย  ต้องไม่จำนนใต้ตีนพรรคเซาะกร่อนบ่อนทำลาย

ผ่าทางตันการเมืองไทย ต้องไม่จำนนใต้ตีนพรรคเซาะกร่อนบ่อนทำลาย

1 ก.ย. 2568

ปลดล็อกประเทศ  เปิดทางตั้งรัฐบาลชุดใหม่

ปลดล็อกประเทศ เปิดทางตั้งรัฐบาลชุดใหม่

25 ส.ค. 2568

หนึ่งหมื่นคำแก้ตัว  ไม่สู้ ‘กรรมชี้เจตนา’

หนึ่งหมื่นคำแก้ตัว ไม่สู้ ‘กรรมชี้เจตนา’

18 ส.ค. 2568

กริพเพน กับกองทัพอากาศไทย  ขยี้ใจฮุนเซน

กริพเพน กับกองทัพอากาศไทย ขยี้ใจฮุนเซน

11 ส.ค. 2568

เปลี่ยนรัฐบาล  เปลี่ยนสถานการณ์ประเทศไทย

เปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนสถานการณ์ประเทศไทย

4 ส.ค. 2568

เชื่อกองทัพ ชาติพ้นภัย  หลงเหลี่ยมคนจัญไร ชาติอับปาง

เชื่อกองทัพ ชาติพ้นภัย หลงเหลี่ยมคนจัญไร ชาติอับปาง

28 ก.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved