วันอังคาร ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / อ่านระหว่างบรรทัด
อ่านระหว่างบรรทัด

อ่านระหว่างบรรทัด

สันติสุข มะโรงศรี
วันจันทร์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2564, 02.00 น.
เศรษฐกิจไทยอยู่ตรงไหน กนง.ชี้‘เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว’

ดูทั้งหมด

  •  

เศรษฐกิจไทยจะมีอนาคตแค่ไหน?

บางคนอาจไม่แน่ใจว่ารัฐบาลชะล่าใจไปหรือเปล่า? บอกสถานการณ์จริงของภาพรวมเศรษฐกิจหรือเปล่า?


เศรษฐกิจไทยจะหายนะเหมือนที่นักการเมืองฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น หรือฝ่ายที่โจมตีกล่าวอ้างว่าจะต้องเปลี่ยนรัฐบาลเท่านั้น จริงหรือเปล่า?

 

 

วันนี้ ขออนุญาตสรุปการประเมินภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ)

แบงก์ชาติได้พิจารณาข้อมูลรอบด้าน ทั้งจากแบบจำลองทางเศรษฐกิจมหภาค ข้อมูลรายสาขาเศรษฐกิจ รวมทั้งรับฟังข้อคิดเห็นโดยตรงจากผู้ประกอบการทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทั่วประเทศ และสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการประเมินภาวะและแนวโน้มทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างถูกต้องแม่นยำ ครอบคลุมทุกมิติทั้งในระดับมหภาคและจุลภาค

เอกสารอย่างเป็นทางการล่าสุด คือ รายงานนโยบายการเงิน จัดทำขึ้นเป็นรายไตรมาส โดยเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายการเงินฯ เพื่อสื่อสารแนวความคิดและเหตุผลของการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินของคณะกรรมการฯ ต่อสาธารณชน (รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินฯ ฉบับย่อ ครั้งที่ 6/2564 วันที่ 29 กันยายน 2564 ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยแพร่ ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2564)

กรรมการที่เข้าร่วมประชุม ได้แก่ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ (ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ประธานฯ) นายเมธี สุภาพงษ์ นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวานนายคณิศ แสงสุพรรณ นายรพี สุจริตกุล นายสมชัย จิตสุชน
นายสุภัค ศิวะรักษ์

สรุปประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ ดังนี้

1. เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

กนง.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในระยะข้างหน้า แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญคือการฟื้นตัวของอุปสงค์ที่เลื่อนมาจากช่วงก่อนหน้า (pent-up demand) ในช่วงที่เหลือของปี 2564 จากพัฒนาการด้านวัคซีนที่ปรับดีขึ้น และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดที่เร็วกว่าคาด ซึ่งส่งผลให้ประมาณการเศรษฐกิจใกล้เคียงกับการประเมินครั้งก่อน แม้การส่งออกชะลอลง

อย่างไรก็ดี ต้องติดตามพัฒนาการด้านวัคซีนทั้งการนำเข้าและกระจายวัคซีนตามแผนของรัฐบาล รวมถึงการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความเชื่อมั่นและการบริโภคภาคเอกชนที่อาจฟื้นตัวล่าช้ากว่าคาดหากการระบาดกลับมารุนแรงขึ้น ประกอบกับภาคส่งออกยังเผชิญปัญหา global supply disruption รวมถึง จำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ตามนโยบายการเปิดประเทศของไทยและต่างประเทศโดยเฉพาะจีน

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าการฟื้นตัวในแต่ละภาคเศรษฐกิจมีความแตกต่างกันมากขึ้น (uneven recovery) ทำให้ตลาดแรงงานยังเปราะบาง ซึ่งประเมินว่าจำนวนผู้ว่างงานและผู้เสมือนว่างงาน ณ สิ้นปี 2564 จะอยู่ที่ 3.4 ล้านคน โดยเฉพาะภาคบริการและผู้ประกอบอาชีพอิสระ

สะท้อนจากจำนวนลูกจ้างในระบบประกันสังคมที่ขอรับสิทธิทดแทนกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยที่เพิ่มขึ้น
ต่อเนื่อง รวมถึงเห็นสัญญาณแรงงานเคลื่อนย้ายกลับภูมิลำเนาสูงขึ้นต่อเนื่อง

ภาครัฐจึงควรดูแลภาคเศรษฐกิจและตลาดแรงงานในจุดที่เปราะบางอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวหลังการระบาดสิ้นสุดลง (scarring effects)

2. ควบคุมโรค กับผ่อนคลายเพื่อเศรษฐกิจ ต้องสมดุล

กนง. เห็นว่า โจทย์สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจไทย ณ ปัจจุบัน คือ การดำเนินมาตรการควบคุมการระบาดที่เอื้อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและรายได้ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยควรมุ่งเน้นการรักษาสมดุลระหว่างมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อควบคุมการระบาด และความสามารถในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการฟื้นตัวของภาคธุรกิจและครัวเรือน

ทั้งนี้ ในระยะต่อไป ประเมินว่าการกระจายวัคซีนที่มีความคืบหน้าจะช่วยให้จำนวนผู้ป่วยวิกฤตปรับลดลงมาใกล้เคียงกับระดับศักยภาพของระบบสาธารณสุข ทำให้การใช้มาตรการควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวดมีความจำเป็น น้อยลง และภาครัฐสามารถดำเนินมาตรการที่เอื้อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาใกล้เคียงปกติได้มากขึ้น

 

 

3. มาตรการคลังคือกลไกสำคัญ ขยายเพดานหนี้สาธารณะจำเป็น

กนง. เห็นว่า มาตรการการคลังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งการเยียวยาและพยุงเศรษฐกิจ โดยในระยะต่อไป ควรเน้นการสร้างรายได้และเตรียมมาตรการเพื่อฟื้นฟู และยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์การระบาดคลี่คลาย

นอกจากนี้ กนง.เห็นว่า การขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็นร้อยละ 70 จะเอื้อให้ภาครัฐสามารถผลักดัน
นโยบายเพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ 
GDPลดลงในระยะต่อไปตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและความสามารถการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐที่จะกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว

ทั้งนี้ การใช้จ่ายของภาครัฐควรเน้นโครงการที่มีประสิทธิผลสูง เช่น มาตรการที่รัฐช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายและภาคเอกชนมีส่วนร่วม (co-payment) เพื่อให้มีตัวทวีทางการคลังสูงและได้ผลในวงกว้างขึ้น รวมทั้งควรมีกระบวนการใช้จ่ายที่โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้

โดยระยะต่อไป ภาครัฐควรเตรียมแนวทางที่ชัดเจนในการทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ปรับลดลงเพื่อรักษาวินัยทางการคลัง รวมทั้งสร้างพื้นที่ทางการคลังเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต อาทิ การหารายได้เพิ่มเติมจากการสร้างฐานรายได้ใหม่ การควบคุมสัดส่วนของรายจ่ายประจำ การเพิ่มสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างและยกศักยภาพเศรษฐกิจในระยะยาว

 

 

4. ควรเร่งกระจายสภาพคล่องไปสู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างตรงจุดและต่อเนื่อง

กนง.เห็นว่า นโยบายการเงินต้องสนับสนุนให้ภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลายต่อเนื่อง โดยสภาพคล่องในระบบการเงินยังอยู่ในระดับสูง แต่ยังมีปัญหาในการกระจายสภาพคล่องที่มีอยู่มากไปสู่ธุรกิจ SMEs และครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูระยะที่ 1 ซึ่งเริ่มดำเนินการในช่วงเดือนเมษายน – กันยายน 2564 ช่วยให้ธุรกิจ SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นสูงกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วง 6 เดือนแรก

สำหรับมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อคืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูที่กระจายตัวดี ทั้งด้านจำนวนและความเสี่ยงของลูกหนี้ แต่ควรเร่งผลักดันกระจาย สภาพคล่องไปสู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างตรงจุดและต่อเนื่อง อาทิ

(1) มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูระยะที่ 2 หลังจากที่ได้ปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการค้าประกันให้สามารถรองรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น และขยายวงเงินสินเชื่อสำหรับลูกหนี้ที่วงเงินเดิมน้อยหรือไม่เคยมีวงเงิน

(2) มาตรการพักทรัพย์พักหนี้

(3) มาตรการอื่นๆ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ อาทิ โครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจ SMEs และลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด

และ (4) การผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ให้เห็นผลในวงกว้าง เพื่อให้ลูกหนี้ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืนสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ อาทิ การให้ความยืดหยุ่นในการบังคับใช้หลักเกณฑ์การจัดชั้นหนี้และการกันเงินสำรอง เพื่อลดภาระต้นทุนของสถาบันการเงินที่ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ให้ยั่งยืนขึ้นมากกว่าการขยายเวลาชำระหนี้เพียงอย่างเดียว และการขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือร้อยละ 0.23 ออกไปจนถึงสิ้นปี 2565 เพื่อให้สถาบันการเงินส่งผ่านต้นทุนที่ลดลงไปในการบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง

สรุป ข้างต้นนั้น คือ ข้อมูลจากรายงานนโยบายการเงินล่าสุด ซึ่งถือว่ามีความแม่นยำ ครอบคลุม และเป็นมืออาชีพอย่างยิ่งในการประเมินสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ

สุดท้าย จึงขอให้ความเห็นว่า ถ้าบ้านเมืองไม่มีการสร้างความปั่นป่วนทางการเมือง ก่อม็อบเผาบ้าน
เผาเมือง ยุยงปลุกปั่นด้วยเฟคนิวส์จนก่อให้เกิดการต่อต้านการดำเนินการตามมาตรการภาครัฐที่จะค่อยๆ ผ่อนคลายทางเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เชื่อแน่ว่า เศรษฐกิจไทยก็จะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมา

เศรษฐกิจประเทศไทยรอดแน่ๆ

ไม่ได้จะหายนะอย่างที่กลุ่มการเมืองที่สูญเสียผลประโยชน์ส่วนตัวบางกลุ่มพยายามยุยงบิดเบือน ด้วยต้องการแย่งชิงอำนาจรัฐ เล่นการเมืองกันในสถานการณ์ที่ควรแก้วิกฤตของบ้านเมือง

 

สันติสุข มะโรงศรี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:05 น. 'อลงกรณ์'ชี้'เอทานอล-ไบโอดีเซล'คือโอกาสในวิกฤตพลังงานของไทย
21:44 น. ‘พีระพันธุ์’เร่งวางแผนบริหารจัดการราคาน้ำมัน-สำรองเชื้อเพลิง
21:31 น. (คลิป) เจาะ 3 ประเด็นร้อน! 'อนุทิน'ยอมหักไม่ยอมงอ-'ฮุนเซน'ลูกผู้ชายตัวปลอมโทษสื่อ-'บิ๊กเล็ก'เปิดทีมตอบโต้'เขมร'
21:19 น. (คลิป) เล่ห์ลับ 'ตระกูลฮุน' ที่คุณต้องรู้
21:03 น. สดุดีวีรชน! 'มทภ.4'ส่งร่าง'ทหารกล้า'เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบ
ดูทั้งหมด
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 มิถุนายน 2568
เปิดภาพ'ทหารเขมร'! แต่งเครื่องแบบเต็มยศ ลั่นพร้อมรับคำสั่ง'ฮุน มาเนต'
'สุขุม' อ่าน 'มหิดลโพล' เตือนระวัง 'ทักษิณ' ซัดกลับ เหตุผลลัพธ์ไม่ถูกใจ
ไม่ทน! 'รพ.พระนั่งเกล้า'ลั่นลุยดำเนินคดีแน่ หลังพยาบาลโดนทำร้าย ขณะปฏิบัติงาน
ชายแดนจันท์หวิดเกิดจลาจล! 'ชาวกัมพูชา'ประท้วงหลังด่านบ้านแหลมปิดตามเวลาใหม่รถติดค้างอื้อ
ดูทั้งหมด
เมืองประหลาดในอเมริกา
รวมรสไม่สำราญ
สองพ่อมด (1)
เขมรทุรยศ ไม่ประหลาด แต่ถ้าไทยทรยศชาติ ขอให้ฉิบหาย
บุคคลแนวหน้า : 17 มิถุนายน 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

(คลิป) เล่ห์ลับ 'ตระกูลฮุน' ที่คุณต้องรู้

'กลาโหมกัมพูชา'แถลงต่อเนื่องเรียกร้องไทยทำตามข้อตกลงระหว่างประเทศ

‘ไปรษณีย์ญี่ปุ่น’ถูกเพิกถอนใบอนุญาตใช้รถ หลังขาดมาตรการเหมาะสมตรวจเมาโชเฟอร์

ต้องยึด‘มหาดไทย’คืน ‘สส.อีสาน’พรวดกลางวงประชุม‘พท.’

(คลิป) ไร้เงา'อนุทิน'ยืนประกบแถลง!! ‘อิ๊งค์’เหน็บ'หนู'เมื่อวานไม่เห็นพูดแบบนี้

เดือดพลั่ก! ‘สส.กรวีร์’ฝากไว้ให้คิด ว่าด้วยเรื่อง‘ราชสีห์กับหนู’

  • Breaking News
  • \'อลงกรณ์\'ชี้\'เอทานอล-ไบโอดีเซล\'คือโอกาสในวิกฤตพลังงานของไทย 'อลงกรณ์'ชี้'เอทานอล-ไบโอดีเซล'คือโอกาสในวิกฤตพลังงานของไทย
  • ‘พีระพันธุ์’เร่งวางแผนบริหารจัดการราคาน้ำมัน-สำรองเชื้อเพลิง ‘พีระพันธุ์’เร่งวางแผนบริหารจัดการราคาน้ำมัน-สำรองเชื้อเพลิง
  • (คลิป) เจาะ 3 ประเด็นร้อน! \'อนุทิน\'ยอมหักไม่ยอมงอ-\'ฮุนเซน\'ลูกผู้ชายตัวปลอมโทษสื่อ-\'บิ๊กเล็ก\'เปิดทีมตอบโต้\'เขมร\' (คลิป) เจาะ 3 ประเด็นร้อน! 'อนุทิน'ยอมหักไม่ยอมงอ-'ฮุนเซน'ลูกผู้ชายตัวปลอมโทษสื่อ-'บิ๊กเล็ก'เปิดทีมตอบโต้'เขมร'
  • (คลิป) เล่ห์ลับ \'ตระกูลฮุน\' ที่คุณต้องรู้ (คลิป) เล่ห์ลับ 'ตระกูลฮุน' ที่คุณต้องรู้
  • สดุดีวีรชน! \'มทภ.4\'ส่งร่าง\'ทหารกล้า\'เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบ สดุดีวีรชน! 'มทภ.4'ส่งร่าง'ทหารกล้า'เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ผู้นำเขมรลักไก่  รัฐบาลไทยอย่าแกล้งตีโง่

ผู้นำเขมรลักไก่ รัฐบาลไทยอย่าแกล้งตีโง่

16 มิ.ย. 2568

เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัยชโย

เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัยชโย

9 มิ.ย. 2568

ทักษิณเข้าคุก หรือไม่  ทุกฝ่ายต้องเคารพศาล

ทักษิณเข้าคุก หรือไม่ ทุกฝ่ายต้องเคารพศาล

2 มิ.ย. 2568

กรรม จากการปล่อยให้โกงข้าวจีทูจีเก๊

กรรม จากการปล่อยให้โกงข้าวจีทูจีเก๊

26 พ.ค. 2568

คดีสะเทือน ‘สทร.’

คดีสะเทือน ‘สทร.’

19 พ.ค. 2568

ไขปริศนา ทุนการศึกษา จากสลากกินแบ่งรัฐบาล

ไขปริศนา ทุนการศึกษา จากสลากกินแบ่งรัฐบาล

12 พ.ค. 2568

ฤาสวรรค์ล่มชั้น 14 ?  2 นายกฯ ลุ้นหนัก

ฤาสวรรค์ล่มชั้น 14 ? 2 นายกฯ ลุ้นหนัก

5 พ.ค. 2568

ยึดทรัพย์ก๊วนจำนำข้าว

ยึดทรัพย์ก๊วนจำนำข้าว

28 เม.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved