ตามปกติแล้ว ผู้เขียนมักไม่ค่อยเอ่ยชื่อทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้หนีคดีอาญาแผ่นดินในคอลัมน์ เพราะไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนที่หนีคดีอาญาแผ่นดิน
แต่วันนี้จำเป็นต้องเอ่ยชื่อทักษิณ เพราะต้องกล่าวถึงพรรคเพื่อไทย ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าเป็นพรรคการเมืองของทักษิณ ส่วนทักษิณอ้างว่าไม่ใช่ ก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ใครจะเชื่อหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของคนอื่นๆ เช่นกัน
มีข่าวจากหนังสือพิมพ์บางฉบับ ระบุชื่อเลยก็ได้ เพราะไม่อะไรต้องปิดบัง โดยประชาชาติธุรกิจระบุว่า ประวัติ ความคิดการเมือง เศรษฐา ทวีสิน ว่าที่นายกรัฐมนตรี ในบัญชีเพื่อไทย (https://www.prachachat.net/politics/news-786707) และยังมีสื่อมวลชนอื่นๆ อีกไม่น้อย เขียนข่าวและนำเสนอข่าวทำนองว่า ชื่อเศรษฐา ทวีสิน ขายได้ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย หรืออย่างเช่น เศรษฐา ทวีสิน จับมือกับเพื่อไทยเพื่อชิงฐานเสียงก้าวไกล เป็นต้น
ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่าเศรษฐาคือผู้บริหารระดับสูงมากๆ โดยหลายคนเรียกว่า เขาคือเจ้าของกลุ่มแสนสิริบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งขนาดใหญ่ของไทย ส่วนการเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แล้วจะมีปัญหาการเงินในการบริหารกิจการหรือไม่ คนที่รู้เบื้องลึกเรื่องนี้ต่างตอบได้ดี แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรมากนัก เพราะขึ้นชื่อว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แล้ว อย่างไรเสียก็จำต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะมิฉะนั้นก็คงจะโลดแล่นอยู่บนเวทีธุรกิจที่มีการแข่งขันกันอย่างสูงมากในประเทศไทยได้ยาก
กลับไปพูดถึงเรื่องที่หลายคนกำลังจับตามองว่าเศรษฐาจะลงเล่นการเมืองในนามพรรคเพื่อไทยจริงหรือ และมีคำถามว่าทำไมเศรษฐาจึงเลือกพรรคเพื่อไทย หลายคนอาจมองว่าเศรษฐาสนิทสนมกับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ที่กำลังหนีคดีอาญาเช่นกัน จึงตัดสินใจเลือกพรรคเพื่อไทย
จะอย่างไรก็ตาม เศรษฐานับเป็นนักธุรกิจใหญ่คนหนึ่งของไทยที่ดูเสมือนว่าจงใจเปิดตัวเองให้สาธารณชนเห็นว่าเขากำลังสนใจที่จะลงเล่นเป็นตัวละครหนึ่งบนเวทีการเมืองไทย เพราะจะเห็นเป็นประจำว่าเศรษฐาเข้าไปเปิดเผยความคิดเห็นทางการเมืองของตนในโลก social media ค่อนข้างบ่อยมากจนสังเกตได้ชัด เพราะตามปกติแล้ว นักธุรกิจใหญ่ของไทยมักไม่เปิดเผยความคิดทางการเมืองของตนกับสาธารณชนมากเกินความจำเป็น แต่สำหรับเศรษฐาแล้ว เขาแสดงความเห็นทางการเมืองที่ทำให้สาธารณชนรู้ได้ทันทีว่าเขาเลือกพรรคเพื่อไทย หากคนที่ติดตาม twitter @Thavisin เป็นประจำก็จะรู้ได้ดีว่าเศรษฐาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเมืองไทยอย่างไรบ้าง
สิ่งหนึ่งที่นับว่าชัดเจนสุดๆ ของเศรษฐาคือ เขาสนับสนุนการออกไปประท้วงบนท้องถนน และที่ต่างๆ ของกรุงเทพโดยกลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นเยาวชนหัวก้าวหน้า และยังพบว่าเศรษฐาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประจำ โดยเฉพาะยิ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที และทันการณ์ ก็จะพบว่าเศรษฐาออกมาวิจารณ์หนักหน่วงมาก ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในประเด็นนี้ เพราะใครๆที่ตาไม่มัว ไม่หลงปลื้มรัฐบาลประยุทธ์จนมองข้ามข้อเท็จจริง ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลประยุทธ์กันทั้งนั้น ส่วนคนที่หลงรักประยุทธ์มากจนมองข้ามข้อเท็จจริงก็จะยังหลงใหลชื่นชมประยุทธ์ว่าดีที่สุด ซึ่งก็ไม่แปลกอีกเช่นกัน เพราะคนที่หลงใหลทักษิณ ชินวัตร ก็หลับหูหลับตาเชียร์ทักษิณแบบไม่ลืมหูลืมตาเหมือนๆ กัน เรียกได้ว่าเป็นการเชียร์แบบหลงใหลไร้สติ เพราะมองข้ามข้อเท็จจริงของทั้งประยุทธ์และทักษิณไปอย่างสิ้นเชิง
เศรษฐาเคยเขียนข้อความใน twitter ของเขาว่าเศรษฐกิจกับการเมืองต้องไปด้วยกัน เศรษฐกิจดีแต่การเมืองไม่ดี ประเทศก็ไม่สงบ ผมขอ call out ให้รัฐบาลแก้รัฐธรรมนูญและจริงใจแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ คนรวย รวยขึ้น คนจน จนลง คนตัวเล็กเข้าไม่ถึงวัคซีนล้มตามมากมาย พวกท่านไม่เห็นหรือ ต้องฟังเสียงประชาชนบ้าง อย่าฟังแต่เสียงเยินยอที่อยากได้ยิน
อันที่จริงแล้ว หากอ่านข้อความนี้จากเศรษฐาแล้ว ก็ต้องบอกว่าไม่มีอะไรที่ผิดไปจากความจริง เพราะเขาพูดถูกตามหลักการ แต่สำหรับคนที่หลงใหลรัฐบาลประยุทธ์มากเกินไป ก็อาจจะบอกว่าเศรษฐาด่ารัฐบาลประยุทธ์ซึ่งผู้เขียนไม่เห็นว่าเขาด่าตรงไหน เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยก็มองไม่ต่างจากเศรษฐา
เมื่อเศรษฐาวิพากษ์รัฐบาลประยุทธ์ ก็ทำให้คนที่หลงใหลประยุทธ์ตราหน้าว่าเศรษฐาไม่ชอบรัฐบาลประยุทธ์ ซึ่งก็อาจเป็นจริงก็ได้ เพราะไม่จำเป็นที่ทุกคนต้องชอบรัฐบาลประยุทธ์ แต่ทุกคนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้ หากเห็นว่ารัฐบาลทำงานบกพร่อง ทุจริต และไร้ประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม จากข่าวที่ปรากฏเมื่อสามสี่วันที่ผ่านมาพบว่าเศรษฐาแสดงความชื่นชมที่พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนสีตราสัญลักษณ์พรรคจากสีน้ำเงินเข้มเป็นสีแดงสด คนที่ไม่ชอบพรรคเพื่อไทยก็พากันวิพากษ์นี่คือการเปิดตัวของเศรษฐาที่จะลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย ซึ่งผู้เขียนมองว่าเป็นการด่วนสรุปมากเกินไป แล้วที่หลายคนวิพากษ์ว่าเศรษฐาบริจาคเตียงกระดาษให้กับโรงพยาบาลสนาม แล้วทำให้สส.พรรคเพื่อไทย ในภาคอีสานนำมาเขียนแสดงความชื่นชม จนทำให้บางคนเร่งสรุปอีกว่า เศรษฐาช่วยเหลืองานของพรรคเพื่อไทย ก็ต้องบอก ณ ตรงนี้ว่า อย่าเพิ่งเร่งรีบร้อนสรุปอะไรเร็วเกินไปเลย เพราะการแสดงออกเพียงแค่นี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเศรษฐาจะลงเล่นการเมืองในนามพรรคเพื่อไทยจริงๆ หรือถ้าหากเขาจะเล่นการเมืองในนามเพื่อไทยจริงๆ ก็เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของเขา ส่วนเรื่องที่ว่าทักษิณส่งให้เศรษฐาเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ข่าวนี้ก็ดูจะเป็นเรื่องโคมลอย เป็นเรื่องที่หลายคนอาจมโนนึกไปเองตามความเข้าใจของตน
ก่อนอื่นต้องบอกตามตรงว่า จนถึงวันนี้พรรคเพื่อไทย หรือหากพูดให้ตรงก็คือเจ้าของพรรคเพื่อไทย คือทักษิณยังไม่เคยบอกว่าจะส่งใครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในนามของพรรค เพราะฉะนั้นเมื่อทักษิณยังไม่พูดชัดๆ ก็ทำให้คนในพรรคเพื่อไทยกระวนกระวายกันไปเอง ส่วนคนที่ตามข่าวการเมืองก็พากันกระวนกระวายไปด้วย เพราะเห็นว่าพรรคการเมืองอื่นๆ หลายพรรคต่างประกาศตัวคนที่พรรคจะส่งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ทำไมพรรคเพื่อไทยยังเก็บงำเรื่องนี้
น่าสงสัยไหมว่าทำไมพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ได้สส. น้อยกว่าพรรคเพื่อไทย (ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยได้สส. มากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด) จึงพยายามตีฆ้องร้องป่าวเรื่องคนที่พรรคจะส่งไปชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เหตุไฉนพรรคเพื่อไทยจึงยังเงียบงำในเรื่องนี้
คำตอบเบื้องต้นที่หลายคนวิพากษ์โดยอ้างว่าวิเคราะห์คือ พรรคเพื่อไทยยังไม่มีตัวบุคคลที่จะส่งลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะทักษิณยังไม่ฟันธงว่าจะให้ใครลงชิงตำแหน่งนี้
เมื่อไม่มีคำตอบชัดๆ จากทักษิณในเรื่องนี้ก็ทำให้หลายคนมโนนึกไปว่าพรรคเพื่อไทยโดยทักษิณน่าจะส่งเศรษฐาลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคเพื่อไทย เพราะเห็นว่าระยะหลังๆ มานี้เศรษฐาออกมาแซะรัฐบาลประยุทธ์เป็นประจำ แต่ผู้เขียนกลับเห็นว่าเศรษฐาอาจไม่ได้แซะรัฐบาลประยุทธ์ แต่เขาวิพากษ์วิจารณ์ไปตามเนื้อผ้า ซึ่งหลายคนก็เห็นไม่ต่างไปจากเศรษฐา
ภาพลักษณ์ทางการเมืองของเศรษฐายังดูขาวสะอาด เพราะยังไม่เคยลงสู่สนามการเมืองอย่างจริงๆ จังๆยกเว้นอาจจะถูกลากไปข้องเกี่ยวกับการเมืองที่ไม่ใช่การเมืองตรงๆ ในยุคยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เรื่องนั้นก็เป็นเพียงคำกล่าวหาที่ไม่มีข้อพิสูจน์ แต่หากหลายคนจำเรื่องนี้ได้ดี ก็จะนึกถึงตัวละครตัวหนึ่งที่ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมมาก นั่นคือเอกยุทธ อัญชันบุตร คนที่วิพากษ์วิจารณ์ทักษิณ และยิ่งลักษณ์อย่างเผ็ดร้อนเป็นประจำ (ว่าไปแล้วเรื่องการตายของเอกยุทธก็ยังเป็นความลับดำมืดมาจนทุกวันนี้)
สรุปก็คือ ในเมื่อพรรคเพื่อไทยโดยทักษิณยังไม่เปิดตัวละครสำคัญว่าจะส่งใครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในนามของพรรค ก็ทำให้ผู้คนที่สนใจการเมืองไทยโจษขาน คาดเดากันไปต่างๆ นานา แล้วเมื่อใครสักคนที่วิพากษ์รัฐบาลประยุทธ์ โดยอาจแสดงความชื่นชอบใดๆ ต่อพรรคเพื่อไทย ก็จึงถูกลากไปเป็นตัวละครการเมืองไปโดยปริยาย
ขอบอกตรงๆ นะว่าทักษิณยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเปิดตัวคนชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในยามนี้ เพราะทักษิณน่าจะมีตัวเลือกอยู่ในใจแล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่ถึงเวลาเปิดเผยตัวละคร จำไม่ได้หรือว่าสมัยที่ยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแบบมหัศจรรย์นั้น ทักษิณเปิดตัวยิ่งลักษณ์ก่อนเลือกตั้งเพียงไม่กี่วันเท่านั้นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี