วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
.jpg)
กรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ถูกแฉข้อมูลการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ที่โรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์ฯเมื่อเวลาทุ่มเศษ วันที่ 1 ก.ค. 2564 ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการแย่งวัคซีนคนแก่ ฉีดแล้วยังออกมาด้อยค่าโจมตีวัคซีนที่รัฐจัดหา
ล่าสุด นายธนาธรชี้แจงว่า ตนเองถูกใส่ร้ายป้ายสี ไม่ได้แย่งคนแก่ฉีด ไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษ ตอนนั้นมีคนทั่วไปฉีดวัคซีนแล้วนับหมื่นนับแสนคน ตนเองไม่เคยโจมตีคุณภาพวัคซีน ยังเชิญชวนคนออกมาฉีดด้วย และประกาศจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งหน่วยงานรัฐที่เอาข้อมูลการฉีดวัคซีนของตนหลุดออกมาสู่สาธารณะ
ข้อมูลและความเห็นที่น่าสนใจต่อเนื่อง ดังนี้
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนที่เผยแพร่ออกมานั้น เป็นข้อมูลจริง ไม่ใช่การ
ใส่ร้ายนายธนาธรด้วยความเท็จ
และไม่ใช่ข้อมูลลับเฉพาะส่วนบุคคลที่ห้ามนำไปใช้โดยเด็ดขาด ไม่ใช่ข้อมูลโรคร้าย กรุ๊ปเลือด รหัสพันธุกรรม โรคประจำตัว ฯลฯ แต่เป็นการรับวัคซีนที่ภาครัฐจัดให้ และบุคคลต้องเปิดเผยการฉีดวัคซีนอยู่แล้วเมื่อจะเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ หรือแม้แต่เดินทางทั่วไป
2) เงื่อนไขข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัว ในการใช้ “หมอพร้อม” ระบุว่า
“...ในการใช้บริการ “หมอพร้อม” ของผู้ขอใช้บริการ ในส่วนของบริการสำหรับบุคคลทั่วไป ผู้ขอใช้บริการรับทราบว่า อาจมีบางบริการที่หน่วยบริการจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ขอใช้บริการ เท่าที่จำเป็น (เช่น บริการจองคิวโรงพยาบาล ฉุกเฉิน 1669) ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวอาจรวมถึงข้อมูลทั่วไปของผู้ขอใช้บริการ ข้อมูลที่ใช้ยืนยันตัวตน ข้อมูลการนัดหมาย ข้อมูลสิทธิการรักษาพยาบาล เป็นต้น ในระบบของ “หมอพร้อม” และระบบสารสนเทศอื่นที่เกี่ยวข้องของหน่วยบริการ รวมทั้งไปยังระบบของผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน นอกจากนี้ ผู้ขอใช้บริการยอมรับให้หน่วยบริการติดต่อสื่อสารกับผู้ขอใช้บริการหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ขอใช้บริการเท่าที่จำเป็น...”
แสดงว่า ข้อมูลนี้อาจถูกใช้ได้ในบางเงื่อนไข ไม่ใช่ข้อมูลลับสุดยอดที่จะเสียหายต่อเจ้าตัวทันที
เว้นแต่เจ้าตัวมีวัตถุประสงค์แอบแฝงบางอย่างที่ต้องการปกปิดซ่อนเร้น
3. รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้ความเห็นว่า
“กรณีที่มีการเสนอข่าวในทางลบต่อคุณธนาธรทั้งในข่าวกระแสหลักบางสำนัก และใน social media ว่าเคยด้อยค่า AstraZeneca แต่ตัวเองกลับได้ฉีดวัคซีนชนิดนี้
ในวันแรกที่คนทั่วไปที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ ไม่ใช่ผู้สูงอายุ และไม่ใช่ผู้มีโรคประจำตัว 7 โรค ได้รับสิทธิในการฉีดวัคซีน คือในวันที่ 1 ก.ค 2564 ซึ่งผู้ที่จองคิววัคซีนได้ในช่วงนั้นมีทั้งผู้สูงอายุ และไม่สูงอายุถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดเป็นว่าเล่น และอีกประการ วัคซีน AstraZeneca ในช่วงนั้นในหลักการ ผู้ที่จะได้รับวัคซีน AstraZenecaจะต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปเท่านั้น ผู้ที่มีอายุน้อยกว่านั้นจะได้รับวัคซีน Sinovac
น่าสังเกตว่า สื่อที่เป็นสำนักข่าวที่เป็นที่ทราบกันดีว่ายืนอยู่ฝ่ายคุณธนาธร และบรรดาสส.ปากกล้าของพรรคก้าวไกล ต่างพากันเงียบกริบกันหมด ในที่สุดคุณธนาธรก็โพสต์ข้อความตอบโต้ทำนองว่า ตัวเองไม่เคยด้อยค่าวัคซีน เพียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลจัดหาวัคซีนแบบแทงม้าตัวเดียว ที่มีข้อผิดพลาด จนทำให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการฉีดวัคซีนให้ประชาชน และไม่เคยแซงคิวใคร
คุณธนาธรไม่ได้พูดผิดในประเด็นแรก คุณธนาธรไม่ได้ด้อยค่า AstraZeneca ตรงๆ แต่ในการพูดในวันที่ 18 ม.ค. 2564 ในหัวข้อ “วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย” คุณธนาธรได้ดูแคลนบริษัท Siam Bioscience ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงจัดตั้งขึ้นว่ามีผลประกอบการขาดทุนมาโดยตลอด แต่กลับได้รับเลือกให้เป็นผู้ผลิตวัคซีน และตั้งคำถามว่า การที่รัฐบาลยังคงทำข้อตกลงกับบริษัท AstraZenecaซึ่งมีบริษัท SiamBioscience เป็นผู้ผลิตภายในประเทศ เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อเอกชน(Siam Bioscience)โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนหรือไม่
หลังจากวันนั้น คุณเบญจา อะปัญ ได้ไปยืนชูป้ายที่ไอคอนสยามมีข้อความว่า “ผูกขาดวัคซีน หาซีนให้เจ้า” ทั้งยังร่วมกับเพนกวินนำม็อบไปประท้วงก่อกวนที่หน้าบริษัท Siam Bioscience อีกด้วย
ก่อนวันที่คุณธนาธรออกมาพูด รัฐบาลได้ตัดสินใจยังไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกใน COVAX ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีบริษัทผู้ผลิตรายใดสามารถพัฒนาวัคซีนได้สำเร็จ สาวก 3 นิ้วเข้าใจผิด คิดว่าการเข้าร่วมใน COVAX จะทำให้ได้รับวัคซีนเร็ว และราคาถูก บางคนคิดว่าจะได้วัคซีนฟรี จึงโจมตีรัฐบาลอย่างหนักในทุกช่องทาง แต่ความจริงคือ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชาชนมีรายได้ปานกลาง ไม่ใช่ประเทศยากจน การเข้าร่วมใน COVAX ไม่ได้ทำให้ได้รับวัคซีนฟรี หรือในราคาถูก แต่จะต้องจ่ายเงินก้อนโตเป็นเงินลงขันล่วงหน้า อีกทั้งเมื่อถึงเวลาจะได้รับวัคซีน ยังไม่สามารถเลือกชนิดวัคซีนได้อีกด้วย ดังนั้นรัฐบาลจึงยังไม่ตัดสินใจเข้าร่วมใน COVAX ซึ่งต้องไม่ลืมว่าขณะนั้นผู้ติดเชื้อในประเทศไทยมีจำนวนน้อยมาก ดังนั้นการตัดสินใจยังไม่เข้าร่วมใน COVAX และทำข้อตกลงกับ AstraZeneca ด้วยสถานการณ์ในขณะนั้นจึงน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ต่อมา ผู้ติดเชื้อในประเทศไทยมีเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความหละหลวม ปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่ของรัฐ รัฐบาลจึงเร่งติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตต่างๆ เพื่อจัดซื้อวัคซีนให้ได้เร็วขึ้น มากขึ้น บริษัทผู้ผลิตที่สามารถส่งมอบวัคซีนได้เร็วที่สุดคือ Sinovac และที่ตามมาคือ AstraZeneca จึงเริ่มให้มีการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ก่อน ต่อมาในต้นเดือนมิถุนายน จึงเริ่มฉีดให้กับผู้สูงอายุและผู้ที่เป็นโรคประจำตัว 7 โรค
ในช่วงนั้น มีผลวิจัยที่ยังเป็นข้อถกเถียงได้ ออกมาว่า วัคซีน mRNA ได้แก่ Pfizer และ Moderna มีประสิทธิผล(efficacy) สูงกว่าวัคซีนชนิดเชื้อตาย และประเภท viralvector มาก จากนั้นสำนักข่าว 3 นิ้วทั้งหลายก็ประโคมข่าวกันอย่างครึกโครมต่อเนื่อง ทำให้คนกลุ่ม 3 นิ้วด้อยค่า AstraZeneca และ Sinovac รวมทั้งคุณธนาธรก็โพสต์ข้อความบน Twitter ว่า การตัดสินใจแทงม้าตัวเดียว ทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนช้า น้อย และไม่มีประสิทธิภาพ ความหมายที่เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้คือ วัคซีนที่มีอยู่ในขณะนั้นคือ Sinovac และ AstraZeneca เป็นวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพ บรรดาสาวก 3 นิ้วทั้งหลายก็ขานรับ ทั้งโจมตีรัฐบาล ทั้งก่อม็อบเรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาวัคซีน mRNA มาเป็นวัคซีนหลักให้ประชาชนให้ได้ ทั้งคอยจ้องจับผิดว่า มีการปล่อยให้มีการใช้อภิสิทธิ์แซงคิวฉีดวัคซีนกันหรือไม่
เมื่อเวลาผ่านไป ขณะนี้เป็นที่พิสูจน์แล้วว่า ต่อให้รัฐบาลตัดสินใจเข้าร่วมใน COVAX ก็ไม่มีทางได้วัคซีน mRNA ก่อนหรือพร้อมกับสหรัฐอเมริกา และขณะนี้
การอยู่หรือไม่อยู่ใน COVAX แทบไม่มีผลต่อการจัดหาวัคซีนเลยสำหรับประเทศไทย และแทบไม่มีใครพูดถึง COVAX อีกแล้ว ประเทศไทยสามารถจัดการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ตามเป้า และมีวัคซีน mRNA ให้ประชาชนได้เลือก บริษัท Siam Bioscience ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า สามารถผลิตวัคซีนได้ตามตามเป้าทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณธนาธรปรามาสไว้
คุณธนาธรอาจไม่ได้ด้อยค่า Astra Zeneca ตรงๆ แต่จะปฏิเสธได้หรือไม่ว่าการพูดของคุณธนาธรในวันที่ 18 ม.ค. 2564 หัวข้อ “วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย” เป็นการพูดนำทาง เป็นจุดเริ่มต้นของขบวนการด้อยค่า AstraZeneca การขานรับและขยายผลของสำนักข่าว 3 นิ้ว และของบรรดาสาวก และการโพสต์ข้อความต่อๆ มาของคุณธนาธรเอง ทำให้ประชาชนจำนวนมากจะรอแต่วัคซีน mRNA เท่านั้น แม้เสียเงินก็ยอม จนไม่ทราบว่าผู้ที่ติดเชื้อแล้วเสียชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ฉีดวัคซีน เป็นเพราะมัวแต่รอ mRNA หรือไม่
คุณธนาธรโพสต์ข้อความใน fb ด้วยว่า “ผมพยายามอดทนอดกลั้นมาตลอด กับความพยายามที่จะใส่ร้ายป้ายสี ทำลายความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของผมโดยคนกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนเผด็จการอนุรักษ์นิยม คนเหล่านี้ปลุกปั้น แต่งเรื่องไม่จริง พูดซ้ำๆทุกวัน เพื่อให้ชื่อเสียงผมเสียหาย เพื่อให้ประชาชนเกลียดชังผม ถึงวันนี้มีคนจำนวนหนึ่งเข้าใจผมผิดเพราะการกระทำของคนกลุ่มนี้”
ในตอนท้ายของโพสต์ยังได้ขู่ว่า “จะขอใช้สิทธิดำเนินการฟ้องคดีตามกฎหมายต่อคนกลุ่มนี้ และต่อองค์กรของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องไม่ให้รัฐนำข้อมูลที่ตนเองถืออยู่ในมือมาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน ....”
คุณธนาธรเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 หากยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 จะต้องทรงอดทนอดกลั้นสักเพียงไหน กับการกระทำของคุณธนาธรและพวก และบรรดาม็อบล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
เมื่อมองว่าตัวเองถูกกระทำ คุณธนาธรก็ยังขอใช้สิทธิดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้ที่คิดว่าเป็นผู้กระทำ แต่เมื่อตัวเองถูกดำเนินคดีตามกฎหมายจากการพูดใน
หัวข้อ “วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย” คุณธนาธรกลับบอกว่า “แค่สงสัยการทำงานเรื่องวัคซีนของรัฐบาล กลับถูกดำเนินคดี” ซึ่งใครๆ ที่ฟังการพูดสดในวันนั้นต่างก็ทราบว่า ไม่ใช่เป็นเพียงการตั้งคำถามต่อรัฐบาล แต่เป็นการตั้งคำถามเชิงกล่าวหาและการตั้งหัวข้อก็ส่อเจตนาอยู่แล้วว่า พยายามจะให้มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ความจริงหากบริษัท Siam Bioscience จะดำเนินคดีกับคุณธนาธรในข้อหาหมิ่นประมาท ก็น่าจะทำได้ แต่ก็ไม่ได้ทำ คุณธนาธรยังกลับต้องการและเรียกร้องให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อันจะทำให้ใครก็ได้สามารถหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และอาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ได้โดยไม่ต้องถูกดำเนินคดี
อย่างนี้หรือคือความเท่าเทียมกันในมุมมองของคุณธนาธร”
4. สุดท้าย หากนายธนาธรใช้วิธีไล่ฟ้อง เพื่อปิดปากคนอื่น
นายธนาธรก็จะได้ชื่อว่า ใช้ “นิติสงคราม” กับคนที่วิพากษ์วิจารณ์ตนเอง
สารส้ม

'บิ๊กป้อม'เปิดมูลนิธิป่ารอยต่อฯ อวยพรปีใหม่ ลั่น!อายุ 80 ปี พอแล้ว
'ต๊อด ปิติ'กลัวความปลอดภัย ถอดนาฬิกา18ล้าน สลับใส่Casio หลังเพจดังเปิดวาร์ปราคา
เปิดข้อมูลวงถกหยุดยิง ‘เขมร’เหลี่ยมจัด ยื่นข้อเสนอ ซุกแผนชิงคืนพื้นที่
สร้างขวัญกำลังใจ! 'อภิสิทธิ์'นำผู้สมัคร สส.กทม.ไหว้สักการะศาลหลักเมือง
โป๊ปเลโอที่ 14 ตรัสในวันคริสต์มาสครั้งแรก ขอให้โลกหยุดความรุนแรง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี