วาทกรรม “ตายายเก็บเห็ด” ถูกนำมาบิดเบือนคดีลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ผู้ต้องหาวัย 48 ปีกับ 51 ปี ปั่นกระแสดราม่าเพื่อโจมตีศาลยุติธรรม ปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในสังคม แม้ระยะหลังคนส่วนใหญ่จะเห็นความจริงแล้ว แต่ก็ยังมีบางกลุ่มพยายามจะปั่นอีกเนืองๆ
แต่เรื่องที่จะเล่าวันนี้ เรียกว่าเป็น “ตายายเก็บเห็ด เวอร์ชั่นพิสดาร” ได้หรือไม่?
1. สำนักข่าวอิศรา และสถานีท็อปนิวส์ ได้ติดตามความคืบหน้ากรณีคดี “สมพร-ชนาพรรณ-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” รุกป่า จ.ราชบุรี 2 พันกว่าไร่ ผ่านไปปีเศษ เงียบหาย ไม่ปรากฏความคืบหน้า
พบว่า เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 กรมป่าไม้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมที่ดิน ทวงถามผลการดำเนินการกรณีให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) จำนวน 60 ฉบับ เนื้อที่ 2,154-3-82 ไร่ ในพื้นที่ ต.รางบัว ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เนื่องจากมีหลักฐานว่าเป็นการครอบครองที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จ.ราชบุรี ผ่านไปปีเศษ ยังไม่ปรากฏความคืบหน้า
2. ล่าสุด กรมที่ดินชี้แจง
สรุปว่า ปมเพิกถอนเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก 60 ฉบับ 2,154 ไร่ “สมพร-ชนาพรรณ-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”
ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบพิกัดเป็นรายแปลง หลัง กก. สอบสวน ประชุมแล้ว 3 ครั้ง มีความเห็นยังไม่ชัดเจนพออยู่ในเขตป่าหรือไม่
รายละเอียด เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2565 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมที่ดิน เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีการเพิกถอน น.ส.3 ก ในท้องที่ ต.ด่านทับตะโก ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
ระบุว่า เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2564 ศปก.พป. ได้ทำหนังสือส่งให้กรมที่ดินพิจารณาว่า น.ส.3 ก จำนวน 60 ฉบับ ที่แบ่งเป็นของ นางสมพร 53 ฉบับ น.ส.ชนาพรรณ 53 ฉบับ และ นายธนาธร 2 ฉบับ ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินตรวจสอบแล้วที่ดินอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร บริเวณ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข 85) ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 ก.พ.2512 ที่ต่อมาประกาศให้เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี เมื่อปี 2527 จึงขอให้เพิกถอนหนังสือ น.ส.3 ก ทั้ง 60 ฉบับ
ต่อมา กรมที่ดินร่วมกับ จ.ราชบุรี ตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่าการออก น.ส.3 ก ในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 60 แปลงได้ออกตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินเมื่อปี 2521 ในเขตป่าไม้ถาวร ตามมติ ครม.วันที่ 18 ก.พ.2512 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยมีผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 ราชบุรี,
ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี ปฏิรูปที่ดิน ร่วมเป็นคณะกรรมการ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคณะกรรมการประชุมร่วมกัน 3 ครั้ง จนครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2564 ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจนเพียงพอที่จะลงความเห็นได้ว่า ตำแหน่งที่ดิน 60 แปลงอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข 85) เนื่องจากผู้แทนผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี ต้องการค่าพิกัดของ น.ส.3 ก ทั้ง 60 แปลงเป็นรายแปลง จึงขอให้กรมที่ดิน กรมป่าไม้ กรมพัฒนาที่ดิน ร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง
วันที่ 12 ม.ค.2565 จ.ราชบุรีมีหนังสือขอให้กรมที่ดินสนับสนุนเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคในการรังวัดทำแผนที่ ตรวจสอบและการถ่ายทอดตำแหน่งที่ดินตามหลักฐานน.ส.3 ก ในระหว่างรูปทางอากาศมาตราส่วน 1:5,000 ลงในสำเนาระวางแผนที่รูปถ่ายทางอากาศมาตราส่วน 1:4,000 เพื่อเป็นข้อมูลให้กับคณะกรรมการสอบสวน
วันที่ 19 ม.ค.2565 กรมที่ดินมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงาน
เพื่อจัดทำค่าพิกัดของ น.ส.3 ก ทั้ง 60 แปลง โดยขอความร่วมมือไปยัง จ.ราชบุรี เพื่อแจ้ง ศปก.พป., กรมพัฒนาที่ดิน,สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ 10 (ราชุบรี) และหัวหน้าสถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี ให้เข้าร่วมกับคณะทำงานดังกล่าว และเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นจะส่งค่าพิกัดขอวง น.ส.3 ก ทั้ง 60 แปลงให้คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ย้ำ สั่งตั้งคณะทำงานแล้วเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2565 สดๆ ร้อนๆ ผ่านมาไม่ถึงสัปดาห์
หรือหลังจากที่สื่อตามทวงถามความคืบหน้านี่เอง
3. ทบทวนความจำสั้นๆ กรณีนี้ มีทั้งประเด็นให้ดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ คดีอาญาฐานรุกป่า คดีค่าเสียหายทางแพ่ง 147 ล้านบาท รวมถึงเอาผิด 5 เจ้าหน้าที่รัฐด้วย
ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่ากรมป่าไม้ ได้ตรวจสอบที่ดินที่ถูกร้องเรียน พบมีเอกสารสิทธิ 77 ฉบับ ประกอบด้วย โฉนดจํานวน 1 แปลง เนื้อที่ 43 – 0 – 64.3 ไร่, น.ส. 3 ก จํานวน 55 แปลง เนื้อที่ 2,010 – 2 – 0 ไร่, น.ส. 3
จํานวน 14 แปลง เนื้อที่ 694 –2 – 63 ไร่, น.ส. 2 จํานวน 7 แปลง เนื้อที่ 350 – 0 – 0 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 3,098 – 1 – 27.3 ไร่ โดยตรวจพบว่า ที่ดินทั้งหมด อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (พ.ศ.2527) ซ้อนทับ
กับเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี หมายเลข 85” (พ.ศ. 2512)
ในส่วนที่เป็นหนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3 ก)
ตรวจสอบพบว่า น.ส. 3 ก จํานวน 53 ฉบับ เนื้อที่ 1,940-3-93 ไร่ ปรากฏชื่อ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็น
ผู้ครอบครอง ซึ่งอยู่ในท้องที่ ตําบลรางบัว และตําบลด่านทับตะโก อําเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
ต่อมา 7 มกราคม 2564 คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันดําเนินการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเพิ่มเติม ตรวจพบน.ส.3 ก อีกจํานวน 7 แปลง ประกอบด้วยผู้ครอบครอง จํานวน 2 ราย ได้แก่ (1) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จํานวน 2 แปลง เนื้อที่ 81-3-67 ไร่ (2) นางสาวชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ จํานวน 5 แปลง เนื้อที่ 132-0-22 ไร่ เนื้อที่รวม 2,154 – 3 – 82 ไร่ ตรวจพบว่า ที่ดินทั้งหมด อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (พ.ศ.2527) ซ้อนทับกับเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี หมายเลข 85” (พ.ศ. 2512)
จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.3 ก ทั้ง 60 ฉบับ ออกโดยไม่มีหลักฐานเดิม เป็นการเดินสํารวจออกเมื่อปี พ.ศ. 2521 ก่อนประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี เมื่อปี 2527 แต่พื้นที่ดังกล่าว ถูกกําหนดเป็นเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี(หมายเลข 85)” เมื่อปี พ.ศ.2512
วันที่ 11 ม.ค. 2564 จึงเสนอให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก จํานวน 60 ฉบับ ดังนี้
- นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จํานวน 53 ฉบับ เนื้อที่ 1,940-3-93 ไร่
- นางสาวชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ จํานวน 5 ฉบับ เนื้อที่ 132 – 0 – 22 ไร่
- นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จํานวน 2 ฉบับ เนื้อที่ 81-3-67 ไร่
รวม 60 ฉบับ เนื้อที่ 2,154 – 3 – 82 ไร่
4. กรณีคดีอาญา เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2564 นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ร่วมกันแถลงข่าว
นายชีวะภาพได้อธิบายผลการตรวจสอบ พบว่า เอกสารทั้ง 60 ฉบับ เป็นเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อตรวจสอบโดยละเอียด พบว่าปรากฏชื่อผู้ครอบครอง 3 ราย คือนางสมพร, น.ส.ชนาพรรณ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นำเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมายึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นการกระทำให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทั้งเจ้าพนักงานที่ดินและเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง จำนวน 5 คน ที่ได้ร่วมกันออกเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3 ก ทั้ง 60 แปลง เนื้อที่ 2,154-3-82 ไร่ ในจำนวนนี้ มีอดีตปลัดอำเภอ ทำการแทนนายอำเภอจอมบึง เป็นผู้ลงนามคำสั่งให้ออกเอกสารน.ส.3 ก ตั้งแต่ช่วงปี 2521 ด้วย
คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วตามรายละเอียดข้างต้น จึงเห็นว่าเป็นการกระทำที่เชื่อได้ว่า เป็นการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ประมวลกฎหมายที่ดินตามพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และประมวลกฎหมายอาญา จึงให้ดำเนินคดีกับนางสมพร, น.ส.ชนาพรรณ, นายธนาธร และเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันกระทำความผิดอีก 5 คน รวมทั้งฟ้องแพ่ง จำนวน 147,063,223.15 บาทด้วย
นายชีวะภาพได้ชี้ประเด็นสำคัญว่า จากการตรวจสอบ พบบันทึกการซื้อขายที่ดินดังกล่าว ระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ดินกับผู้ซื้อขาย มีการบันทึกถ้อยคำว่า “พนักงานเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายทราบข้อเท็จจริงแล้ว และที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงอาจจะถูกแก้ไขหรือเพิกถอนได้”
นั่นหมายความว่า เจ้าตัวรับทราบอยู่แล้วว่า ที่ดินดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และอาจมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิในวันข้างหน้า แต่ก็ยังมีการยืนยันจะซื้อขายต่อ จึงเป็นการเจตนายืนยันครอบครองที่ดินโดยมิชอบ และเป็นหลักฐานในการแจ้งความดำเนินคดีครั้งนี้
ปัจจุบัน คดียังไปไม่ถึงศาล ผู้เกี่ยวข้องยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
ล่าสุด อัยการชี้แจงว่า ให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนพนักงานสอบสวนก็ยืนยันว่าสอบครบถ้วนแล้ว!!!!!
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี