เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เขียนมีโอกาสได้ลงพื้นที่ในหลายจังหวัดและพูดคุยกับเยาวชน พบว่าหลายคนมองคอร์รัปชันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึกในสังคมไทย พฤติกรรมการทุจริตถูกมองว่าเป็นเรื่อง “ปกติ” และ “แก้ไขได้ยาก” ไม่ว่าจะเป็นการให้สินบน การฮั้วประมูล การซื้อสิทธิขายเสียง การเล่นพรรคเล่นพวก หรือการใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ และหากผู้กระทำผิดเป็นผู้มีอำนาจ ฐานะร่ำรวย หรือมีเส้นสาย มักรอดจากบทลงโทษทางกฎหมาย
งานวิจัยและรายงานศึกษาหลายชิ้นสะท้อนมุมมองที่คล้ายกัน โดยจากรายงานของ มูลนิธิเพื่อคนไทย (2014) พบว่า เยาวชนจำนวนมากมีพฤติกรรมทุจริตและมองว่าไม่ใช่เรื่องผิดร้ายแรง จากเหตุการณ์สมมุติ เยาวชน 25% ยินดีจ่ายสินบนเพื่อสอบใบขับขี่ให้ผ่าน, 18% เคยให้เงินตำรวจเพื่อเลี่ยงใบสั่ง, 81% เคยลอกข้อสอบเพื่อน และ 63% เคยลงชื่อเข้าเรียนแทนผู้อื่น โดยกว่า 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่าพฤติกรรมเหล่านี้“ไม่ผิดมาก” หรือ “ไม่ผิดเลย”
นอกจากนี้ รายงาน YouthIntegrity Survey (2014) ขององค์กร Transparency International ซึ่งสำรวจเยาวชนและคนหนุ่มสาวอายุ 15-30 ปี ในฟิจิ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และศรีลังกา พบว่า โดยเฉลี่ย 72% ของเยาวชนยอมรับว่าตนเองอาจทำพฤติกรรมทุจริต หากได้รับประโยชน์ส่วนตัว เช่น ให้ญาติหรือคนรู้จักช่วยหางานหรือช่วยให้เข้าศึกษา และมีเยาวชนระหว่าง 14%-52% ที่เชื่อว่าการโกหก โกง ทำผิดกฎหมาย หรือทุจริต อาจช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้
แม้งานวิจัยข้างต้นจะเป็นงานวิจัยตั้งแต่ปี 2014 แต่ก็ได้ชี้ให้เห็นแนวคิดหรือทัศนคติที่ยังคงเห็นได้ในปัจจุบัน หากเยาวชนเติบโตขึ้นไปพร้อมทัศนคติที่ว่า การโกงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เมื่อพวกเขาเข้าสู่ตำแหน่งหน้าที่การงาน ก็มีโอกาสที่จะสืบทอดพฤติกรรมทุจริตต่อไป ส่งผลให้การทุจริตคอร์รัปชันฝังรากลึกในสถาบันต่างๆ มากขึ้น จนยากที่จะแก้ไข อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ เราก็สามารถเห็นการต่อต้าน หรือ Social Movement ที่เกิดขึ้นจากเยาวชนได้เช่นกันเช่น การติดแฮชแท็กในเอ็กซ์หรือทวิตเตอร์ #โรงเรียนดังย่านฝั่งธน #savebcc ที่สะท้อนถึงการแสดงออกของกลุ่มเยาวชนที่ต้องการให้สังคมทราบถึงสิ่งที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นในโรงเรียน ดังนั้น การทำความเข้าใจทัศนคติที่หลากหลายของเยาวชนต่อปัญหาคอร์รัปชันจึงมีความสำคัญในการช่วยสะท้อนให้เห็นทั้งความเสี่ยงของการสืบทอดพฤติกรรมทุจริต และโอกาสในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก หากสังคมสามารถสร้างพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงออกทางความคิด ควบคู่กับการปลูกฝังค่านิยมความซื่อสัตย์และการมีส่วนร่วม ก็ย่อมเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขับเคลื่อนระบบนิเวศการต่อต้านคอร์รัปชันให้ยั่งยืน
เพื่อรักษาให้เสียงเหล่านี้ยังคงอยู่ งานวิจัยชี้ว่า การปลูกฝังค่านิยมความซื่อสัตย์และการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันให้แก่เยาวชนเป็นอีกกระบวนการที่ได้รับการศึกษาว่ามีประสิทธิภาพและยั่งยืน (นภสร ณ ป้อมเพชร และ ขวัญใจ จริยาทัศน์กร, 2568) โดยการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้การต่อต้านคอร์รัปชัน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างองค์ความรู้ และมีเครื่องมือหรือนวัตกรรมเข้ามาช่วยสนับสนุนการตรวจสอบจะช่วยส่งเสริมกลไกการต่อต้านคอร์รัปชันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (ธานี ชัยวัฒน์ และคณะ, 2563)
ดังนั้น เพื่อสร้างระบบนิเวศการต่อต้านการคอร์รัปชันที่มีประสิทธิภาพ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หน่วยงานจากหลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน หรือองค์กรไม่แสวงผลกำไร ได้ร่วมกันผลักดันและปลูกฝังค่านิยมการต่อต้านการทุจริตในกลุ่มเยาวชน ผ่านแนวทางการเสริมสร้างองค์ความรู้ และการเปิดโอกาสให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน โดยอาศัยพลังจากการศึกษาและความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ ตัวอย่างโครงการที่น่าสนใจ เช่น
Open Parliament Workshop 2025 (เยาวชนและข้อมูลเปิดรัฐสภา) โครงการที่ต่อยอดมาจากภาคีเครือข่ายที่ร่วมจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาการเปิดเผยข้อมูลบนเว็บไซต์รัฐสภาไทย ภายใต้โครงการร้อยพลังสร้างเสริมธรรมาภิบาลรัฐสภา โดยโครงการนี้เน้นไปที่การเดินสายจัดกิจกรรมลงพื้นที่ร่วมกับเยาวชนจากทั้ง 5 ภูมิภาคของประเทศ ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเปิดพื้นที่ให้เยาวชนจากภูมิภาคต่างๆ ได้แสดงความคิดเห็นและมีบทบาทต่อการพัฒนาธรรมาภิบาลในรัฐสภา ผ่านการเรียนรู้เรื่องรัฐสภาแบบเปิด (Open Parliament) และให้ผู้เข้าร่วมได้สวมบทบาทเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อออกแบบนโยบาย ตลอดจนการสำรวจและเสนอแนวทางปรับปรุงเว็บไซต์รัฐสภาไทยให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น
ในเวทีนานาชาติ เยาวชนก็ได้รับการผลักดันให้เข้ามามีบทบาทสำคัญเช่นเดียวกัน โดยมีการเปิดพื้นที่ให้แสดงออกทางความคิด สนับสนุนการรวมกลุ่มเครือข่ายเยาวชน และขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคม เช่น
“The YouthLED” ที่เกิดจากการริเริ่มของ UNODC ที่เชิญชวนเยาวชนผู้มีศักยภาพจำนวน 41 คน ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการพัฒนาเยาวชน ความยั่งยืน ความซื่อสัตย์ และการต่อต้านการทุจริต มาร่วมเป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาด้าน Integrityภายใต้โครงการ Global Resource for Anti-Corruption Education and Youth Empowerment (GRACE) โดยเยาวชนกลุ่มนี้ หรือที่เรียกว่า “The YouthLED” มีบทบาทสำคัญทั้งในเชิงยุทธศาสตร์และนโยบาย รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมระดับภูมิภาค และการประชุมใหญ่ระดับนานาชาติ เช่น Conference of the States Parties (COSP)
สิ่งสำคัญที่ได้จากโครงการเหล่านี้คือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับเยาวชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็น แบ่งปันประสบการณ์ และแนวคิดหรือ Solution ใหม่ๆ ซึ่งในอนาคตอาจจะกลายเป็นแนวทางที่สามารถพัฒนาต่อยอดได้ ในท้ายที่สุดแล้ว การต่อสู้กับคอร์รัปชันไม่ใช่เพียงเรื่องของกฎหมายหรือสถาบัน แต่คือการสร้าง “วัฒนธรรมความซื่อสัตย์” ในสังคม ซึ่งเยาวชนคือพลังสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อน หากเราเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ ตั้งคำถาม และมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เสียงของพวกเขาจะไม่เพียงเป็นเสียงสะท้อน แต่จะกลายเป็นแรงผลักดันที่ช่วยให้สังคมไทยก้าวไปสู่ความโปร่งใสและเป็นธรรมาภิบาลมากยิ่งขึ้น
สุดท้ายนี้ โครงการที่ผู้เขียนได้หยิบยกมาเล่าในข้างต้นเป็นเพียงหนึ่งในหลายร้อยโครงการที่มีการดำเนินกิจกรรมอยู่ และยังมีโครงการอีกมากมายที่รอท่านผู้อ่านมาร่วมเดินทางไปด้วยกัน เพราะการต่อต้านคอร์รัปชันไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ใช่แค่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นภารกิจของพวกเราทุกคน จึงอยากขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมติดตามและสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก HAND Social Enterprise และ KRAC Corruption
อ้างอิง
Bangkok Biz News. (2014, December 9). เยาวชนรับได้“ทุจริต-สินบน”. Bangkok Biz News. https://www.bangkokbiznews.com/politics/616219? tm_source=chatgpt.com
Transparency International. (2014). Youth IntegritySurvey. Transparency International.
Yang, D. (2025). The YouthLED Experience: UNODC GRACE Initiative and MYE in Anti-Corruption [Presentation slides].
ดังนภสร ณ ป้อมเพชร, & ขวัญใจ จริยาทัศน์กร. (ม.ป.ป.). การศึกษาการรับรู้ของเยาวชนต่อปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน : กรณีศึกษา นักศึกษามหาวิทยาลัยสวนดุสิต. มหาวิทยาลัยสวนดุสิต.
ธานี ชัยวัฒน์, และคณะ. (2563). โครงการวิจัยเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน (ระยะที่ 2) [รายงานการวิจัย]. สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.).
ธรีญา อึ้งตระกูล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี