พลันที่พรรคเพื่อไทย เปิดตัว “หัวหน้าครอบครัว” ชื่อ “แพทองธาร ชินวัตร” หรืออุ๊งอิ๊ง ปฏิกิริยาของผู้คนก็ออกมาในทางหลากหลาย
ความเห็นของโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ คือ นายราเมศ รัตนะเชวง เป็นความเห็นที่ “มีสติ” และ “มีวุฒิภาวะ” ที่สุด ในความเห็นผม
นายราเมศ รัตนะเชวง กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เปิดตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่า
“หลักการในเรื่องนี้ ทุกคนที่ต้องการมีส่วนร่วมในทางการเมืองสามารถทำได้หลายกรณี การเข้าร่วมกับพรรคการเมืองก็เป็นอีกวิถีทางหนึ่งเช่นกัน หากใครเข้ามาเพื่อทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศ ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่หากเข้ามาเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือพวกพ้องอนาคตก็จะเป็นคำตอบในทุกการกระทำ
กรณีที่มีการเปิดตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก็เป็นสิทธิในส่วนบุคคลและเป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย คงไม่ไปก้าวล่วง ถ้าการเข้ามาสู่การเมืองเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศเชื่อว่าทุกคนยินดีต้อนรับ และอนาคตก็จะเป็นคำตอบได้ในทุกการดำเนินกิจกรรมในทางการเมือง ในทางการเมืองมีห้วงเวลาที่สำคัญสามห้วงเวลา คือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ทุกห้วงเวลามีคำตอบอยู่แล้วในตัวทั้งสิ้น”
กำลังเหมาะ กำลังงาม มีมารยาท มีหลักการมีเหตุผล สงบนิ่ง ไม่เผยอาการ
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร
วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ผ่านทางเฟซบุ๊ค “Paisal Puechmongkol” มีเนื้อหาดังนี้...
“อุ๊งอิ๊งขยับ การเมืองกระเพื่อม!!!
สัตว์โลกที่จมูกไวที่สุดมี 2 ชนิด คือนักการเมืองกับมด
ปรากฏการณ์อุ๊งอิ๊ง ในการขยับตัวครั้งแรกทางการเมืองที่อุดร ภูมิยุทธศาสตร์สำคัญทางการเมืองภาคอีสาน ส่งผลสะท้านสะเทือน และสร้างความหวั่นไหวในทางการเมือง ชนิดคาดไม่ถึง
สำหรับพวกที่มีสันดานหมาป่า ผวาตกใจคิดอะไรไม่ออก ก็รีบมาตีกันว่า อุ๊งอิ๊งไม่โกงพ่ออุ๊งอิ๊งก็เคยโกง
พวกนี้ทำตัวเป็นคนตาบอด เพราะปรากฏการณ์ “โกงทั้งแผ่นดิน กินทุกโครงการ ล้างผลาญชาติจนวายวอด” ทำเป็นมองไม่เห็น
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่เปิดตัวปราศรัย สิใจแคบรีบออกมาตีกัน
ยิ่งทำแบบนี้บอกได้คำเดียวครับ ฉิบหายแน่นอน!!!!
เพราะคนทั้งหลายที่มีจิตใจเป็นธรรมหรือยังลังเลไม่รู้จะเลือกใคร ก็จะตัดสินใจได้โดยง่าย! เพราะระหว่างเด็กผู้หญิงคนนี้กับพวกหมาป่านั้นตัดสินใจง่ายที่สุด!!!
ผมเขียนเตือนด้วยดีโดยชอบ จะหาว่าปกป้อง อุ๊งอิ๊ง ก็ไม่ว่ากันเพราะชินเสียแล้ว เนื่องจากถูกผลักไสไปเป็นพวก ล้มเจ้าบ้าง ถูกผลักไปเป็นพวกขวางขบวนการโกงชาติบ้าง กระทั่งหาว่าเป็นทาสเผด็จการบ้าง หากจะถูกผลักเป็นพวกอุ๊งอิ๊งอีกก็ไม่ว่ากัน”
ขณะที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง แสดงความเห็นกรณีการตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็น หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่า ขอออกความเห็นกรณี อุ๊งอิ๊ง อีกคน เห็นหลายคนดาหน้าออกมาวิจารณ์ผู้หญิงคนหนึ่งที่อาสาออกมาทำงานการเมือง แบบกลัวว่า เธอจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วทำความเสียหายแก่บ้านเมือง ผมรู้สึกว่าจะไม่เป็นธรรมต่อเธอนัก
1. หากพรรคเพื่อไทย จะเสนอชื่อเธอเป็นหนึ่งในสามรายชื่อที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องที่พรรคต้องประเมินเองว่า เป็นบวกหรือเป็นลบ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน
2. การเป็นตระกูลการเมือง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องรีบตัดสินถึงพฤติกรรมทางการเมืองในอนาคต ไม่เช่นนั้น เราคงตัดสินว่า ศิลปอาชา อัศวเหม คุณปลื้ม จึงรุ่งเรืองกิจ หรือแม้แต่ จันทร์โอชา ล้วนเป็นปัญหาหมด
3. การเข้าสู่การเมือง ด้วยการเลือกตั้ง ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ เพราะท้ายสุดประชาชนจะเป็น
ผู้ตัดสินให้เขาไปต่อหรือไม่ การใช้อำนาจที่ได้มาจากการรัฐประหาร เขียนกติกาเพื่อความได้เปรียบ กวาดต้อนนักการเมืองมาเป็นพวก ด้วยอำนาจและด้วยเงิน เพื่อหวังอยู่ในอำนาจต่อสิ ถึงเรียกว่า สืบทอดอำนาจ
4. อย่ากลัวผู้หญิงคนหนึ่งมากจนเกินเหตุจงโบกมือต้อนรับทักทายเธอ และให้กำลังใจในเส้นทางที่ยากลำบาก ส่งความหวังและความปรารถนาดีถึงเธอ ว่าหากเธอประสบความสำเร็จเธอจะนำประเทศสู่ความเจริญก้าวหน้า
“และหากคุณเป็นนักการเมืองที่ต้องแข่งขัน ก็ต้องถือว่า คุณได้คู่แข่งที่จะทำให้คุณต้องพัฒนาเพื่อเอาชนะในสนามเลือกตั้ง อย่าวิตกจริตจนเสียอาการ”
ด้าน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรักษาการ
รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์มองกรณีพรรคเพื่อไทยเปิดตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย อย่างไร ว่า พรรคเพื่อไทยมีความชัดเจนมากขึ้นว่าเป็นพรรคที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรียังให้การสนับสนุน ยังทำงานการเมืองต่อไปในนามพรรคเพื่อไทย เพราะ น.ส.แพทองธาร คือทายาทนายทักษิณ ที่จะมาทำงานการเมืองในนามนายทักษิณ อย่างไรก็ตาม ทางการเมืองรับรู้กันอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะส่งผลกระทบอะไรมาถึงพรรค พปชร.หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนมองว่าไม่เกี่ยวกันเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทยที่จะทำงานการเมือง แต่ในส่วนของพรรค พปชร.ก็ทำในส่วนของเรา เตรียมนโยบาย เตรียมโครงสร้างในการเลือกตั้ง ต่างคนต่างทำหน้าที่ ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน
เมื่อถามว่า การที่พรรคเพื่อไทยประกาศจะแลนด์สไลด์ พรรค พปชร.ต้องปรับกลยุทธ์อะไรหรือไม่
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองก่อนจะเลือกตั้งก็ต้องมุ่งหวังที่จะชนะ และต้องหวังให้สูงไว้ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ประชาชน ส่วนพรรค พปชร.คงไม่หวังอะไรมากมายเหมือนพรรคเพื่อไทย เราดูตามความเหมาะสมที่เป็นไปได้
เมื่อถามว่า จากกติกาในปัจจุบันจะเอื้อให้พรรคเพื่อไทยได้แลนด์สไลด์หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า มันตอบยาก คงต้องดูใกล้ๆ ต้องดูสถานการณ์ตอนนั้น เพราะกว่าจะเลือกตั้งอีกนาน การเมืองเปลี่ยนไปตลอด ทั้งกระแสนิยมและความคิดของประชาชน แต่ละช่วงเวลาเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ จึงยากที่จะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นในการเลือกตั้ง รอให้ถึงเวลาใกล้ๆก่อนดีกว่า
เมื่อถามว่า มีผู้ออกมาเตือน น.ส.แพทองธาร ว่าจะมีจุดจบเหมือนกับพ่อและอา นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ขอออกความเห็น อยากให้ไปถามคนที่เตือนเพราะไม่ทราบว่าจะมีปัญหาอย่างไร แต่คิดว่าการที่ น.ส.แพทองธาร เปิดตัวช่วยพรรคเพื่อไทยไม่น่ามีปัญหาอะไร ถือเป็นสิทธิ์ของ น.ส.แพทองธาร ส่วนพรรคเพื่อไทยก็มีความชัดเจนมากขึ้น มองว่าเป็นผลดีต่อคนในแวดวงการเมือง จะได้ทำงานอย่างเต็มที่ในอนาคต พรรคเพื่อไทยก็มีความชัดเจน เข้มแข็งมากขึ้น ใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเป็นความคิดเห็นแต่ละคน
สรุป ::
1) ผมเห็นด้วยกับนายราเมศ ที่บอกว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคล, “หากใครเข้ามาเพื่อทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศ ก็เป็นเรื่องที่ดีแต่หากเข้ามาเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือพวกพ้องอนาคตก็จะเป็นคำตอบในทุกการกระทำ”
2) เห็นด้วยกับนายไพศาลที่บอกว่า “...เพราะคนทั้งหลายที่มีจิตใจเป็นธรรมหรือยังลังเลไม่รู้จะเลือกใครก็จะตัดสินใจได้โดยง่าย! เพราะระหว่างเด็กผู้หญิงคนนี้กับพวกหมาป่านั้นตัดสินใจง่ายที่สุด!!!” นี่คือยุทธศาสตร์ของการส่ง “เด็กผู้หญิง” มาให้ขย้ำแน่นอน (ในความเห็นผม)
3) ผมเห็นด้วยกับที่นายสมชัยบอกว่า “...หากคุณเป็นนักการเมืองที่ต้องแข่งขัน ก็ต้องถือว่า คุณได้คู่แข่งที่จะทำให้คุณต้องพัฒนา เพื่อเอาชนะในสนามเลือกตั้ง อย่าวิตกจริตจนเสียอาการ...”
4) ผมเห็นด้วยกับนายชัยวุฒิ ที่บอกว่า“...ทางการเมืองรับรู้กันอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร...”
ในความเห็นผม การส่งอุ๊งอิ๊งมาเป็นหัวหน้าครอบครัวนั้น ก็เพื่อ...เช็คปฏิกิริยาของคนในครอบครัวชินวัตรด้วยกันเอง 1, เช็คปฏิกิริยาของบริวาร 1, ตอกย้ำความเป็นทักษิณ 1, สื่อสารโดยตรงกับพื้นที่อิทธิพลที่ยังมีกระแสนิยมเหนียวแน่น คือ ภาคอีสาน 1 และสุดท้าย คือ “ดูอาการ” กับ “ดูสัญญาณ” ของฝ่ายต่างๆ
อุ๊งอิ๊ง ไม่มีคุณสมบัติต้องห้าม ให้เขาเข้ามาเถอะ มาแล้วจะฉลาดอย่างพ่อ หรือฉลาดอย่างอาปู (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ก็รอดูกัน
ที่สำคัญ ผมยังไม่คิดว่า “อุ๊งอิ๊ง” เป็นตัวจริง
ผมคิดว่า เธอเป็นตัว “ทดสอบ” อะไรหลายๆ อย่างทางการเมืองในเวลานี้
ส่วนวันข้างหน้า อาจเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ใช่ก็ได้ทั้งสิ้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี