วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2565 คือวันลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สมาชิกสภากรุงเทพฯ และนายกเมืองพัทยา รวมถึงสมาชิกสภาเมืองพัทยา ซึ่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งคงรับรู้เรื่องนี้้เป็นอย่างดีแล้ว ส่วนรู้แล้วจะไปใช้สิทธิ์หรือไม่ ก็เป็นดุลพินิจของแต่ละคน แต่ขอย้ำว่าการใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของผู้มีสิทธิ์ ดังนั้นหากใครไม่ไปใช้สิทธิ์ ต้องแจ้งให้หน่วยงานที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด รับทราบก่อนหรือหลังเลือกตั้งในระยะเวลา 7 วัน เพื่อมิให้ถูกตัดสิทธิต่างๆ เช่น การรับสมัครเลือกตั้งสส. สว. และสมาชิกสภาท้องถิ่น รวมถึงผู้บริหารท้องถิ่น ไม่สามารถเข้าชื่อร้องให้ถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง เป็นต้น
ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ตั้งใจไปลงคะแนนเลือกใครเป็นตัวแทน จะต้องศึกษาข้อมูลส่วนบุคคลของคนที่คุณจะไปเลือกให้ดี พิจารณาให้ถี่ถ้วน ดูเบื้องหน้าเบื้องหลังของคนนั้นให้ละเอียด ดูว่าเขาทำคุณประโยชน์ให้สาธารณะมากน้อยเพียงใดและดูด้วยว่าเขาเป็นตัวอันตราย เป็นตัวบ่อนทำลายสังคมหรือไม่
แล้วที่สำคัญอีกประการคือต้องดูว่าคนเหล่านั้นหาเสียงด้วยการโฆษณาชวนเชื่อหรือไม่ เพราะเท่าที่วิญญูชนประจักษ์จากการหาเสียงของผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หลายคนแล้วพบว่าหาเสียงเกินจริงจนเข้าข่ายโกหกหลอกลวง เพราะสัญญาว่าจะทำโน่นนี่นั่น แต่สิ่งที่สัญญาด้วยคำโกหกเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ยกตัวอย่างเรื่องหนึ่งที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กรุงเทพฯใช้หาเสียงกันมากคือ ลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า บางคนบอกว่าจะให้เหลือเพียง 20 บาทตลอดสาย บางคนบอกว่าจะเชื่อมต่อระบบรถ ล้อ ราง เรือ ในราคา 50 บาท
ถามจริงๆ เถอะว่า ผู้ว่าฯ กรุงเทพฯมีอำนาจทำเรื่องนี้ได้จริงหรือ ผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีปัญญาหาเงินงบประมาณมาใช้ก่อสร้างรถไฟฟ้าได้จริงหรือถ้าหากผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ มีอำนาจและมีปัญญาจริงก็ไม่น่าจะปล่อยให้การจราจรในกรุงเทพฯเกิดปัญหาวิกฤตเลวร้ายมาตั้งหลายทศวรรษแล้ว
เคยสงสัยหรือไม่ที่ผู้มีอำนาจสูงสุดของกรุงเทพฯ ในฐานะผู้บริหารกรุงเทพฯ คือผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ จึงไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ของกรุงเทพฯได้ ไม่ว่าจะวิกฤตจราจร วิกฤตมลภาวะ วิกฤตขาดแคลนพื้นที่สีเขียว และวิกฤตน้ำท่วม และปัญหาน้ำเน่าเสียในลำคลองต่างๆ ขอย้ำว่านี่คือวิกฤตที่เกิดขึ้นกับกรุงเทพฯมานานหลายทศวรรษ โดยที่ผู้ว่าฯ กรุงเทพฯไม่สามารถแก้ไขให้ปัญหาหมดสิ้นไปได้
ถามย้ำว่าทำไมคนที่เป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ จึงแก้ปัญหาข้างต้นไม่ได้ แถมยังปล่อยให้เกิดปัญหาต่อเนื่องมายาวนาน แล้วเหตุใดคนที่อยากจะเป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ จึงคิดว่าตนเองจะแก้ไขปัญหาต่างๆ นานาเหล่านั้นได้ หรือนี่มันคือปัญหาคนในไม่มีความสามารถ แต่คนนอกคิดว่ามีความสามารถ
ไม่ใช่เรื่องผิดที่ผู้สมัครจะอ้างว่าสามารถแก้ปัญหาสารพัดชนิดของกรุงเทพฯ ได้ เพราะเขาอาจจะมองเห็นช่องทางแก้ปัญหาจริงๆ แต่คำถามคือหากเขามองเห็นช่องทางแก้ปัญหา แล้วทำไมผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ที่อยู่ในตำแหน่งไม่มีปัญญามองเห็นช่องทางแก้ปัญหาเหมือนผู้ท้าชิง หรือเป็นเพราะว่าผู้มีอำนาจโดยตรงไม่ต้องการแก้ปัญหา แต่สิ่งที่น่ากังวลคือผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ จำนวนหนึ่งอวดอ้างว่าแก้ปัญหาได้ ทั้งๆ ที่ตนเองไม่มีอำนาจตามกรอบของกฎหมาย
เราได้เห็นมาแล้วว่า ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ จำนวนไม่น้อยเคยเสนอหนทางแก้ปัญหาของกรุงเทพฯ มาแล้วมากมาย แต่เมื่อเขาเหล่านั้นไม่ประสบผลสำเร็จในการแข่งขัน เขาก็เงียบหายไป ไม่คิดจะช่วยแก้ปัญหาให้กรุงเทพฯเหมือนที่เขาพล่ามในช่วงหาเสียง ส่วนคนที่ได้เป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ หลายคนก็ไม่เคยรักษาสัญญาที่ให้ไว้ในการหาเสียงได้
ย้ำว่าก่อนลงคะแนนเลือกใครก็ตาม ตั้งสติให้ดี ดูให้ชัดว่าผู้สมัครแต่ละคนนั้นใครพูดในสิ่งที่ทำได้จริง และใครพล่ามไปเรื่อย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี