ยังคงอยู่ที่งานเสวนา (ออนไลน์) Reimagine Workplace Health Policy : มองมุมใหม่...ยกเครื่องนโยบายสุขภาพคนทำงาน จัดโดย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นหัวข้อ What’s Next for the Better Policy: นโยบายสุขภาพแรงงานไทยเดินต่อไปอย่างไรดี ส่วนสัปดาห์นี้จะเป็นหัวข้อ Better Health Better Productivity: เดินเครื่ององค์กรด้วยสุขภาพพนักงาน ซึ่งงานนี้จัดขึ้นเพื่อให้ทั้งแรงงาน ผู้ประกอบการรวมถึงภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เห็นความสำคัญในประเด็นการลดความเสี่ยงป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในกลุ่มวัยแรงงาน
ศ.(เกียรติคุณ) พญ.วรรณี นิธิยานันท์ ประธานเครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย และนายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การสร้างเสริมสุขภาพทุกช่วงวัยและผู้ที่เป็นโรค NCDs แล้ว เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้โรคหยุดอยู่กับที่ ไม่เกิดอาการรุนแรงขึ้น จึงต้องเน้นส่งเสริมที่คนวัยทำงาน เนื่องจากข้อมูลสำรวจสุขภาพประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปพบว่า คนวัยทำงานครึ่งหนึ่งมีปัญหาอ้วน ซึ่งดัชนีมวลกายอยู่ 25 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึ้นไป
โดยสาเหตุเกิดจากกิจกรรมทานไม่เพียงพอรับประทานอาหารมากเกินไป และรับประทานอาหารไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ปัจจัยอื่นที่อยู่ใกล้ตัวที่ทำให้เกิดโรคคือ “เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน” ซึ่งคนปกติค่าน้ำตาลในเลือดจะอยู่ที่ 77-99 มก./ดล. เท่านั้น แต่ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ที่ 100-125 มก./ดล. จะอยู่ในภาวะ “ว่าที่เบาหวาน” แต่ถ้าค่าน้ำตาลอยู่ที่ 126 จะกลายเป็นโรคเบาหวานทันที
“เรายังพบอีกว่า คนในอายุ 15 ปีขึ้นไป มีระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL-C) ต่ำ แต่ระดับคอเลสเตอรอลรวมที่สูง ซึ่งจะทำให้เป็นโรคที่ทำให้หลอดเลือดอุดตัน เช่น โรคหัวใจ โรคสมอง เป็นต้น ซึ่งคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ หรือบางคนรู้ตัวว่ามีความผิดปกติ แต่ไม่สนใจที่จะรักษา โดยปัญหาอยู่ที่ถึงแม้จะมีการตรวจสุขภาพประจำปีในหลายสถานประกอบการแต่ไม่ได้รับการสนใจ ถึงแม้จะตรวจพบว่ามีความผิดปกติก็ตาม” ศ.(เกียรติคุณ) พญ.วรรณี กล่าว
ศ.ดร.นพ.พรชัย สิทธิศรัณย์กุล อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า แนวโน้มสำคัญของไทย คือ “การเข้าสู่สังคมสูงวัย” เนื่องจากประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี เพิ่มขึ้นทุกปีและมีเด็กเกิดใหม่น้อยลง ซึ่งหมายความว่าจะมีแรงงานสูงวัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยสังคมสูงวัยเกิดขึ้นแล้วในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประชากรรวมในประเทศลดลง แต่ประชากรสูงวัยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น จึงทำให้ผู้สูงอายุในญี่ปุ่นกลับไปทำงาน
จากสถานการณ์ดังกล่าวจึงเห็นได้ว่าโครงสร้างประชากรได้เปลี่ยนแปลงไป และคนวัยทำงานจะน้อยลงไปด้วย แต่ด้านเทคโนโลยีและศาสตร์การถนอมอาหารดีจากอดีตเป็นอย่างมาก เมื่ออยากรับประทานอะไรในโลกก็ได้รับประทาน โดยการสั่งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แต่สิ่งที่เป็นได้ว่าเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากจากในอดีต คือ “ร้านกาแฟ” ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และมากกว่าร้านหนังสือและร้านเครื่องเขียน
“เมื่ออายุและโรคภัยเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ถ้าหากมีสุขภาพดีก่อนอายุ 60 ปีโอกาสมีสุขภาพดีหลังอายุ 60 ปี ย่อมสูงกว่าผู้มีสุขภาพไม่ดีก่อนอายุ 60 ปี และเป็นเช่นเดียวกันในทุกกลุ่มอายุ ถ้าอยากมีสุขภาพดีในอนาคต จะต้องสร้างเสริมสุขภาพในวันนี้ เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ประหยัดกว่าการรักษาพยาบาลอย่างแน่นอน” ศ.ดร.นพ.พรชัย กล่าว
บวรนันท์ ทองกัลยา นายกสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา มุมมองในการบริหารคนมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ซึ่งมีการสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงหลายบริษัท พบว่าสิ่งที่ให้ความสำคัญหลังโควิด-19 คือ 1.Product Quality (คุณภาพการผลิต) ของคน 2.การทำงานแบบ Hybrid (ผสมผสาน) และ 3.การดูแลสุขอนามัยของคนทำงาน
นอกจากนี้ มีผลสำรวจมุมมองของคนทำงานในสหรัฐอเมริกา ว่าอยากร่วมงานกับองค์กรแบบไหนพบว่าร้อยละ 60 คนทำงานในอเมริกาเลือกให้ความสำคัญกับ 1.สุขภาพของคนทำงานเป็นหลัก 2.อยากร่วมงานกับองค์กรที่ให้เวลาในการพักผ่อน 3.ให้ความสำคัญกับจำนวนเพื่อนร่วมงาน โดยจะต้องเหมาะสมกับปริมาณงาน และ 4.ต้องการเรื่องการประกันสุขภาพที่ดี
“เป็นเรื่องที่น่าคิดว่าจะแปลงปัญหาและความต้องการของคน มาเป็นรูปแบบการจัดการเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีของคนวัยทำงานได้อย่างไร ซึ่งการทำให้คนมีสุขภาพกายและใจที่ดี จะแสดงให้เห็นว่าองค์กรใส่ใจกับพนักงาน ทำให้พนักงานมีกำลังใจในการทำงาน การลางานและการลาหยุดก็จะน้อยลง ในขณะเดียวกันทำให้มีความผูกพันกับองค์กรสูงขึ้นอีกด้วย” บวรนันท์ กล่าว
ณัฐ ลิ้มทอง ผู้ชำนาญการทรัพยากรมนุษย์ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจข้อมูลคนในองค์กร ซึ่งบริษัททำร่วมกับกรมสุขภาพจิตเขตพื้นที่ 4 ในเรื่องของความสุขของคนในองค์กร พบ “สุขภาพ” เป็นเรื่องสำคัญมาก และทำให้พนักงานหลายคนไม่มีความสุข ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดโรค NCDs คืออาหาร จึงเกิดกิจกรรมในองค์กรที่ชื่อว่า “กินอุ่น นอนอิ่ม” ขึ้นมา มีการจัดวัตถุดิบอาหารให้กับร้านค้า เพื่อปรุงให้กับพนักงานองค์กร และเชิญเชฟมาสอนปรุงอาหารให้กับแม่ครัวในองค์กร เพื่อให้ปรุงอาหารได้ถูกโภชนาการแต่ยังคงรสชาติเหมือนเดิม ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายในด้านอาหารให้กับพนักงาน และยังมีการประกวดอาหารในองค์กรอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมี 1.โครงการ Smart HR BETAGRO เป็นการใช้แอปพลิเคชั่นในการดูแลพนักงานตั้งแต่เริ่มเข้ามาเป็นพนักงาน จะมีการเก็บข้อมูลโดยเฉพาะถ้าเป็นคนป่วย จะมีการเก็บข้อมูลต่อเนื่อง เช่น เบาหวาน น้ำตาลในเลือด และความดัน เป็นต้น แล้วส่งข้อมูลให้กับแพทย์เพื่อจะได้วิเคราะห์โรคและเตรียมยา ซึ่งจะรับยาโดยไม่ต้องผ่านโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการลดการสัมผัสด้วย
2.โครงการสร้างสุขภาพดีจากแม่สู่ลูก จากข้อมูลพบว่าอัตราการเกิดของพนักงานตั้งครรภ์ในพื้นที่ จ.ลพบุรี มีค่อนข้างน้อย แต่อัตราการเกิดแล้วเสียชีวิตตอนเกิดมีค่อนข้างสูง จึงได้ส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาพที่ดีจนถึงทารกในครรภ์ด้วย จึงได้มีการแจกไข่เพื่อเพิ่มโปรตีนให้กับแม่และทารกในครรภ์ และ 3.โครงการ Happy Retirementเป็นการดูแลก่อนเกษียณอายุ ทั้งด้านสุขภาพกายสุขภาพใจ และสุขภาพการเงินอีกด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี