เคราะห์ซ้ำกรรมซัดมาต่อเนื่อง สำหรับเศรษฐกิจไทย
ต้องเจอกับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งกระทบเศรษฐกิจหนักหน่วงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง แล้วต้องมาเจอกับผลกระทบจากวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทั่วโลกเงินเฟ้อพุ่งทะยาน (แต่ไทยเฟ้อน้อยกว่าต่างประเทศ)
ในงานเสวนาหัวข้อ “มองเศรษฐกิจโลก สะท้อนเศรษฐกิจไทย” รองนายกฯ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ได้ลำดับความให้เห็นชัดเจนเราผ่านอะไรมาอย่างไร แล้วกำลังจะเดินต่อไปอย่างไร เนื้อหาน่าสนใจ
สรุปใจความสำคัญ ดังนี้
ตั้งแต่ปี 2563 ประเทศไทยเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจใดบ้าง?
ช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องที่ขาดช่วงมานาน เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างรายได้จากท่องเที่ยวและบริการ การคุมหนี้ครัวเรือนและวินัยทางการเงินการคลังมาโดยตลอด และดีขึ้นตามลำดับ แต่เมื่อเผชิญโควิด-19 2 ปีเต็มซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่ทั้งโลกไม่มีใครเคยเจอ ไม่รู้วิธีรับมือ นอกจากรอวัคซีน ป้องกันได้แค่ใส่หน้ากากอนามัยและรักษาระยะห่าง ที่ผ่านมานับว่าเราทำกันได้ดี ปี 2563 ไทยได้รับการจัดอันดับเป็นที่หนึ่งของประเทศที่รับมือกับโควิด-19 ได้ดี และผู้คนกลับมาใช้ชีวิตเกือบเหมือนปกติ แต่เมื่อมีสายพันธุ์ใหม่เดลต้าเกิดขึ้นในโลกและมีความรุนแรง ทุกประเทศแย่งกันหาวัคซีน แม้จะติดขัดอยู่บ้างในช่วงแรก แต่ในที่สุดเราก็มีพร้อมทุกอย่างทั้งวัคซีนและยารักษา และสามารถเปิดประเทศได้ตั้งแต่เดือนพ.ย. ปี 2564 จนถึงทุกวันนี้สถานการณ์ก็ดีขึ้น แม้วิกฤตนี้ยังคงมีอยู่บ้าง แต่เรารู้แล้วว่าจะอยู่กับเขาอย่างไร
ช่วงต้นปี 2565 เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย และบานปลายสู่ความขัดแย้งระดับประเทศกลุ่มมหาอำนาจ ซึ่งผลจากการ sanction ส่งผลให้ราคาพลังงาน ปุ๋ย อาหาร และโลหะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว และแตะในระดับที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี จนทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่ก็ปรับสูงขึ้น โลกจึงเหมือนกำลังเผชิญกับวิกฤตซ้อนวิกฤตและเราต้องร่วมฝ่าฟันไปด้วยกันให้ได้อีกระยะหนึ่ง
ภาครัฐมีมาตรการรับมือปัญหาเหล่านั้นอย่างไร?
ประเทศไทยจะรอดและปลอดภัยจากวิกฤตซ้อนวิกฤตนี้ได้ จากความร่วมมือของทุกภาคส่วน เหมือนที่เราได้พิสูจน์มาแล้วในช่วงที่โควิด-19 รุนแรงมาก จนภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เป็นเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทยและมีสัดส่วนสูงถึงราว 20% ของ GDP ปรับลดลงเหลือเกือบศูนย์ การค้าขายติดขัด และประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างและรุนแรง ซึ่งถือเป็นโจทย์ยากที่สุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
รัฐบาลรับมือกับปัญหาด้วยการใช้เงินผ่าน พ.ร.ก. เงินกู้กว่า 1.5 ล้านล้านบาท ทั้งเยียวยา รักษา และกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ เช่น คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน เราชนะ ม.33 เรารักกัน พร้อมทั้งจัดหาวัคซีนและยารักษาให้เพียงพอ เราได้เร่งเปิดประเทศเพื่อหารายได้เข้าประเทศในขณะที่สาธารณสุข อาสาสมัคร ประชาชน และผู้ประกอบการก็ร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่
สำหรับภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เราก็ช่วยกันเร่งฉีดวัคซีนจนสถานการณ์คลี่คลาย และสามารถทำการค้าขาย ลงทุน และเปิดประเทศเพื่อสร้างรายได้เพิ่มในปีนี้ได้ ความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน ส่งผลให้ในปี 2563 เศรษฐกิจไทยติดลบเพียง 6% และกลับมาเป็นบวกที่ประมาณ 2% ในปีที่ผ่านมา รวมทั้งมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ในปีนี้
สำหรับผลกระทบจากวิกฤตยูเครน-รัสเซียที่ทำให้สินค้าขึ้นราคาและอัตราเงินเฟ้อสูง รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยราคาพลังงานไม่ให้สูงมาก และยังคงความสามารถในการแข่งขันไว้ได้ โดยเฉพาะการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เช่น ลดภาระค่าไฟฟ้า และลดภาระนำเงินส่งประกันสังคม
นอกจากนี้ ประชาชนและภาคเอกชนยังร่วมใจช่วยกันประหยัดพลังงาน และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ราคาพลังงานที่สูงขึ้น ภาคเอกชนนำเทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยลดต้นทุน รวมทั้งลดการพึ่งพาวัตถุดิบราคาแพงจากต่างประเทศ และหันมาใช้วัตถุดิบในประเทศทดแทนเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ตลอดจนช่วยกันแบ่งเบาภาระให้แก่ผู้บริโภค เมื่อการเปิดประเทศเป็นไปได้อย่างต่อเนื่องและเราปรับตัวจากเหตุการณ์สินค้าราคาแพงขึ้นได้ ประเทศไทยก็จะรอดพ้นจากวิกฤตซ้อนวิกฤตนี้ไปได้ โดยเรายังมีฐานะการเงินการคลังที่เข้มแข็ง พร้อมรองรับสิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
รองนายกฯ เชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจะรอดพ้นและปลอดภัยจากวิกฤตซ้อนวิกฤตในครั้งนี้หากเราร่วมมือแก้ปัญหาไปด้วยกัน และเราจะสามารถเติบโตได้อย่างพอเพียงและยั่งยืน
นับเป็นข่าวดีต่อเนื่อง ขณะนี้ เรากำลังจะเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์คาราโอเกะ เศรษฐกิจภายในประเทศกำลังจะติดเครื่อง ราคาสินค้าเกษตร ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ข้าวโพด ฯลฯ ดีต่อเนื่องในขณะที่การท่องเที่ยวก็เริ่มเดินเครื่องแล้ว เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มต่อเนื่องหลังเปิดประเทศ การส่งออกก็ยังเติบโตก้าวกระโดดจากค่าเงินบาทที่เอื้ออำนวย ขณะที่ความเข้มแข็งการเงินการคลังก็ยังมีเสถียรภาพผ่านมุมมองของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก
เศรษฐกิจไทยกำลังเดินไปสู่การฟื้นตัว อนาคตที่ดีรออยู่
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี