แนวร่วมม็อบ 3 นิ้ว พยายามปั่นกระแสผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เรียกร้องให้ยกเลิกการใช้ “เลขไทย” ในเอกสารราชการ และบางส่วนเพิ่มเติมให้ยกเลิกการใช้ “พุทธศักราช” อีกด้วย
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายอิทธิพลคุณปลื้ม ให้ข้อคิดความเห็นอย่างพอเหมาะพอดี
ระบุว่า ในมุมของการสื่อสาร เราสามารถที่จะใช้เลขไทยและเลขอารบิกได้ทั้ง ๒ แบบ แต่ในหนังสือราชการจะใช้เลขไทยเป็นหลักแต่ก็ไม่ได้มีระเบียบบังคับโดยตรง ดังนั้น การจะเสนอยกเลิกการใช้ “เลขไทย” เราไม่มีข้อบังคับใช้เลขไทยทั้งหมดอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นในเรื่องของการยกเลิก ซึ่งการออกเลขหนังสือราชการ ก็อยู่ที่การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่แต่ละคน
“อยากให้เด็กและเยาวชนคนไทยใช้ทั้งสองแบบได้ ซึ่งเป็นสากลอยู่แล้ว และเห็นว่าอนุรักษ์ไว้งดงามดีกว่า ตรงนี้ก็ไม่ได้เป็นประเด็นทางสังคมอะไร อยากจะให้ช่วยกันตระหนักถึงความเป็นไทยเพราะเลขไทย นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ยังเป็นสิ่งที่เราใช้มาอย่างยาวนาน เมื่อมีข้อเสนอมาเราก็รับทราบ เป็นสิ่งที่เรารับฟังได้แต่ในส่วนของการปฏิบัติก็สามารถใช้ได้ทั้งสองแบบอยู่แล้ว”
ส่วนการขอให้ยกเลิกการใช้พุทธศักราชนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ระบุว่า ประเทศไทยเรานับปี นับปฏิทินแบบพุทธศักราชมาอย่างยาวนาน อะไรที่เป็นสากลนิยม เราก็ใช้คริสต์ศักราชอยู่แล้ว แต่ในส่วนของการใช้ในประเทศเราใช้พุทธศักราช เพราะคนส่วนใหญ่ก็เคยชินที่จดจำเป็นพุทธศักราช ส่วนการแปลเป็นคริสต์ศักราชก็มีตารางบอกอยู่แล้ว ไม่อยากให้เป็นประเด็นทางสังคม อยากให้เป็นในเรื่องของความสะดวกในการใช้งาน ไม่ใช่จะไปยกเลิก
๒. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นอีกหนึ่งคนที่ให้ความเห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง
ระบุว่า ในกรณีที่เป็นเอกสารของประเทศไทย อาทิ หนังสือเรียน หนังสือราชการ เราจำเป็นต้องใช้ตัวเลขไทย ซึ่งประเทศไหนๆก็ภาษาราชการของตัวเองทั้งนั้น แต่เมื่อใดที่เขาต้องนำเอกสารไปสู่สากล เขาก็ต้องปรับให้เข้ากับสากลเช่นกัน แม้กระทั่งเรื่องของปีพุทธศักราช (พ.ศ.) กับปีคริสต์ศักราช (ค.ศ.) ถ้าใช้เฉพาะในไทย เราก็ใช้ปีพ.ศ. แต่ถ้าเมื่อใดที่เราต้องใช้ในต่างประเทศ ก็ใช้ปีค.ศ. หรืออย่างมากก็เขียนวงเล็บกำกับเอาไว้ทั้งสองภาษาก็ได้ เพราะถ้าใช้ปีพ.ศ.อย่างเดียว ประเทศอื่นๆอาจไม่เข้าใจ
เมื่อถามว่า หน่วยงานราชการต้องทำเอกสารเป็นสองรูปแบบใช่หรือไม่?
รองนายกฯ ตอบว่า ทำเอกสารเป็นรูปแบบเดียว แต่เมื่อใดที่ต้องมีการแปล ก็ใช้เลขอารบิก ทั้งนี้ หน่วยงานราชการต่างๆรู้อยู่แล้วว่ากาลเทศะควรจะเป็นอย่างไร
๓. การเรียกร้องและปั่นกระแสประเด็นดังกล่าว ทำให้หวนนึกถึงพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ ๕
“เราไม่ได้มาเรียนจะเปนฝรั่ง…เปนคนไทยรู้เสมอฝรั่ง”
นายธีระพงษ์ โสดาศรี อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้เคยเขียนเล่าเรื่องนี้ โดยเรียบเรียงจากบทความ รศ.ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ศิลปวัฒนธรรม ฉบับพฤศจิกายน ๒๕๔๗ บางตอนว่า
“...พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำเนินตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับฝรั่งที่ว่า “การงานสิ่งใดของเขาที่คิดควรจะเรียนเอาไว้ก็ให้เอาอย่างเขา”
โดยมีพระราชดำรัสว่า “เราทั้งหลายต้องพยายามที่จะเอาเยี่ยงอย่างความดีมาแต่ที่อื่นๆ”
สำหรับความดีของฝรั่งนั้น พระราชทานไว้ว่า “เปนฝักฝ่ายข้างความเจริญของยุโรป คือความรู้แลความคิดทั้งความเพียรซึ่งประกอบโลกธาตุให้เป็นผลดีขึ้น… ความรู้ในประเทศยุโรปไม่ใช่แต่เวลากำลังที่เดินขึ้นสู่ความจำเริญ มันกำลังเดินโดดโลดโผนซึ่งจะเดินตามยาก นี่เปนส่วนข้างฝ่ายดีของประเทศยุโรป”
ในขณะเดียวกัน เราจะต้องไม่ลืมว่าเราเป็นคนไทยด้วยดังที่มีพระราชดำรัสว่า “เราทั้งหลายไม่พึงควรเฉภาะแต่ที่จะรักษา ยังควรทำให้เจริญขึ้นในสิ่งอันดี แลสิ่งที่เคารพนับถือว่าเป็นอาการกิริยาแลธรรมเนียมแห่งประเทศเราด้วย”
ประการสำคัญทรงตักเตือนนักเรียนไทยในต่างประเทศว่า “ให้พึงนึกในใจไว้ว่าเราไม่ได้มาเรียนจะเปนฝรั่ง เราเรียนเพื่อจะเปนคนไทยที่มีความรู้เสมอด้วยฝรั่ง”
ดังนั้น การ “เปนคนไทยที่มีความรู้เสมอด้วยฝรั่ง”
จึงเป็นสิ่งที่ชาวไทยทุกคนควรใส่ใจเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่ประชาชนชาวไทยทั้งปวง...”
๔. แนวพระราชดำรัสข้างต้น มีเนื้อหาที่ลึกซึ้ง แหลมคม และแยบคายยิ่งนัก
สามารถใช้ได้ดีกับข้อเรียกร้องของแนวร่วมม็อบ 3 นิ้ว ที่บูชาฝรั่งยิ่งกว่าบิดาตนในยุคนี้
และข้อเขียนชิ้นนี้ จงใจใช้ตัวเลขไทย พบว่า เมื่อพิมพ์บนแป้นคอมพิวเตอร์ ก็สะดวกดี โดยไม่ต้องเคาะปุ่มเปลี่ยนภาษาก่อนแต่อย่างใด การที่เอกสารราชการยังคงใช้ตัวเลขไทยอยู่เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ดีกว่าจะให้ยกเลิก แล้วใช้แต่ตัวเลขอารบิกอย่างเดียว
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี