พรรคเพื่อไทยกำลังอยู่ในช่วง “หลงกระแส” โดยเฉพาะกระแสนิด้าโพล ที่คนอยากให้ “นางสาวแพทองธาร
ชินวัตร” หรือ “อุ๊งอิ๊ง” บุตรสาวคนเล็กของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ปัจจุบันเป็นนักโทษหนีคุก จำเลยหนีหมายจับ และผู้ต้องหาอีกหลายคดีเป็นนายกฯ
ทว่าล่าสุด อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจพบว่า หากมีเลือกตั้งใหม่ กลุ่มตัวอย่างคนอีสาน ต้องการคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย มาเป็นนายกฯ เพื่อมาฟื้นฟูเศรษฐกิจมากที่สุด ร้อยละ 25.8 รองลงมา คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 20.1 ตามมาด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 19.8 (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.7) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 14.4 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 11.1 คนอื่นๆ จากพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 3.4 (ลดลงจากร้อยละ 9.5) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 3.0 และอื่นๆ ร้อยละ 0.7 ขณะที่พรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอีสานยังเป็นพรรคเพื่อไทย ตามมาด้วยพรรคก้าวไกล พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และพรรคไทยสร้างไทย
พูดกันตรงๆ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คือ “ขวากหนาม” ของพรรคเพื่อไทย ทั้งในกรุงเทพฯ และภาคอีสาน แต่ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพ (สก.) กับผู้ว่าฯ กทม. ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยอุ่นใจว่า “ชัชชาติฟีเวอร์” ช่วยดึงคะแนนจากคุณหญิงมาที่พรรคเพื่อไทย และทีมคุณหญิงได้คะแนนไปน้อยกว่าที่คาดคิดมาก
คุณหญิงสุดารัตน์ มี “ลูกรักทางการเมือง” หลายคน หนึ่งในคนที่เคย “กราบเท้า” คุณหญิงมาแล้ว คือ นายการุณ โหสกุล สส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย ทว่าล่าสุด พรรคเพื่อไทยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. กลับไม่มีชื่อการุณลงเขตดอนเมือง แต่มีชื่อผู้สมัครคนอื่นแทน
1) นายการุณ โหสกุล ให้สัมภาษณ์กรณี พรรคเพื่อไทยประกาศชื่อ นายสุธนพจน์ กิจธนาภิทักษ์ เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.ดอนเมืองว่า ส่วนตัวไม่ทราบเลยว่า พรรคเพื่อไทยมีมติอย่างไร จะส่งใครลงแทนใคร เพราะไม่ได้เข้าร่วมประชุมหรือทำกิจกรรมของพรรคเลย หากจะส่งใครลงแทน ไม่ติดใจ แต่ขอให้มีความชัดเจน
นายการุณ ระบุว่า ขอยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใครในพรรคเพื่อไทย และรักพรรคเพื่อไทยมากมาโดยตลอด ปัญหาต่างๆ อาจเป็นเพราะตนเป็นตัวของตัวเอง ไม่ค่อยทำตามคำสั่งใคร ยิ่งเป็นเรื่องที่ให้กล่าวร้ายผู้อื่นไม่ทำเด็ดขาด
“ยืนยันจะลงสมัครสส.เขตดอนเมืองแม้พรรคเพื่อไทยจะไม่ส่งก็ตาม และไม่กังวลต่อการแข่งขัน มั่นใจกับสิ่งที่ตนได้ทำให้พี่น้องชาวดอนเมืองมาโดยตลอดแต่ทุกอย่างอยู่ที่ประชาชนจะเป็นคนเลือก”
ส่วนประเด็นที่พรรคเพื่อไทยให้คนอื่นลงสมัครแทน ไม่ได้มีการคุยกับผู้บริหารพรรคเพื่อไทย คงเพราะไม่มีใครกล้ามาคุยกับตน และอีกอย่างผู้บริหารพรรคบางคนก็ทำในสิ่งที่รับไม่ได้ด้วย
2) ต่อมา นายการุณ โหสกุล โพสต์เฟซบุ๊ค เก่ง การุณ มีเนื้อหาว่า วันนี้พรรคเพื่อไทย มีมติส่งผู้สมัครเขตดอนเมือง ที่ไม่ได้มีชื่อ “การุณ โหสกุล”ครับ ผมขอชี้แจงตรงไปตรงมากับพี่น้องดังนี้ครับ ผมยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตดอนเมือง สังกัดพรรคเพื่อไทย และยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ครับ ผมยังคงทำหน้าที่ในรัฐสภาในฐานะตัวแทนของคนดอนเมืองที่สังกัดพรรคเพื่อไทยอยู่ครับ ผมยังทำหน้าที่โหวตผ่านร่างกฎหมายที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ผมไม่เคยโหวตสวน ไม่เคยรับกล้วย หรือยกมือให้กับเผด็จการหน้าไหนครับ
พี่น้องเขตดอนเมืองสอบถามผมมาด้วยความไม่สบายใจ รู้สึกอึดอัดใจ และเป็นห่วงผมหลายท่านยังถามย้ำกับผมอีกว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพฯ ครั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยก็ส่งอดีตผู้สมัครฝ่ายตรงข้ามมาลงในนามพรรค
ดอนเมืองเป็นพื้นที่ ที่เป็นกำลังหลักกำลังสำคัญของฝ่ายประชาธิปไตย โดยเฉพาะเป็นจุดยุทธศาสตร์ของ #คนเสื้อแดง ในกรุงเทพมหานครมาโดยตลอด แต่พรรคก็ยังมีมติส่งคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามฝ่ายประชาธิปไตยมาลงสมัคร “ผมก็ได้แต่กัดลิ้นแล้วกลืนเลือดครับ”
วันนี้พรรคยังเลือกเปิดตัว ผู้สมัคร สส.เขตดอนเมือง เป็นการเปิดตัวก่อน 21 เขตใน 33 เขต แล้วก็อย่างที่รู้กันครับว่าไม่ใช่ผม และก่อนหน้านี้ในคณะกรรมการพื้นที่กรุงเทพฯ ของพรรค ก็ไม่เคยเรียกผมไปพูดคุยหรือสอบถามอะไรเลย แต่เปิดตัวทั้งที่ผมยังมีตำแหน่งเป็น สส.ของพรรคเพื่อไทย เขตดอนเมือง “ตามนั้นครับ!!”
ผมมองว่าการทำการเมืองเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ “การให้เกียรติกัน” และ “การมีมารยาททางการเมือง” แต่สิ่งที่ผมได้รับมาตลอด หลังจากที่ประธานยุทธศาสตร์พรรคคนเก่าได้ลาออก ก็คือการ “ถูกเมิน” จากพรรค ไม่ถูกเรียกให้ไปทำกิจกรรมทางการเมืองใดๆ ของพรรค เพียงเพราะผมมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับท่าน
ผมมองว่าถ้าหากเราร่วมมือกันทุกฝ่าย จะทำให้ประเทศมันดีขึ้นได้ เป็นนักการเมือง จะอยู่ตรงไหนก็แล้วแต่ แต่ทุกคนต้องทำเพื่อประชาชน ส่วนพรรคการเมืองก็ต้องเป็นสถาบันทางการเมือง ที่ต้องเป็นที่พึ่งที่หวังให้กับประชาชน สนับสนุนคนทำงานให้ได้ทำงาน ไม่ใช่ทำตามคำสั่งคนเพียงไม่กี่คน ที่บัญชาการอยู่ในห้องแอร์ แล้วปล่อยให้ สส.พื้นที่ ต้องลงพื้นที่ทำงานอย่างหนักเพื่อแลกมาซึ่งคะแนนเสียงเพียงลำพัง
ในขณะที่ท่านๆ รอเพียงรับตำแหน่งทางการเมือง ภาษาชาวบ้านก็เรียกว่า “รอเป็นรัฐมนตรีนั่นแหละครับ” แล้วใครที่ขัดหูขัดตาขวางท่าน ท่านก็ใช้วิธีเมินพวกเขา กดดัน ไม่เชิญประชุม ไม่ให้ร่วมกิจกรรมพรรค
ผมไม่ได้ต้องการจะโจมตีพรรคเพื่อไทย และผมยังคงศรัทธาในอุดมการณ์ของพรรค และพี่น้องโดยเฉพาะ สส.เขต ที่ลงพื้นที่กันอย่างหนัก เพื่อรับใช้ประชาชนในทุกปัญหา รวมถึงในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด“แต่ตัวผมไม่ศรัทธาผู้ใหญ่บางคน” ที่ไม่มีมารยาททางการเมืองครับ
มาถึงตรงนี้ผมขอน้อมรับคำตัดสิน ของผู้บริหารพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ให้ผมไปต่อ แต่ “การุณ” คนนี้ขอยืนยันกับพี่น้องคนดอนเมืองครับ ว่าจะขอยืนหยัด เคียงข้างพี่น้อง ไม่ทิ้งพี่น้อง และจะอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตยตลอดไป
3) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการประกาศว่าที่ตัวผู้สมัครสส.เขตดอนเมืองของพรรคเพื่อไทย แทนนายการุณ โหสกุล สส.กทม. พรรคเพื่อไทยว่า การเตรียมผู้สมัคร สส.เขตดอนเมืองของพรรคเพื่อไทยรอบนี้ พรรคเพื่อไทยพิจารณาจากหลายปัจจัย โดย
1.พฤติกรรมนายการุณซึ่งเป็นสส.เดิมของพรรคกว่าครึ่งปีที่ผ่านมา ไม่ได้เข้าร่วมประชุม หรือร่วมกิจกรรมใดของพรรคเพื่อไทยเลย
2.มีพฤติกรรมเป็นที่ประจักษ์ว่า ไปร่วมกิจกรรมกับพรรคการเมืองพรรคอื่น โดยมีหลักฐานพิสูจน์ พรรคเพื่อไทยจึงมีความจำเป็นต้องสรรหาตัวแทนประจำเขตดังกล่าวแทนนายการุณ
พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า เราได้ดำเนินการทุกอย่างตามหลักการ และหลักเกณฑ์ โดยไม่ได้มีอคติหรือตั้งธงกับบุคคลใด แต่เราพิจารณาคัดเลือกผู้แทนของพรรคเพื่อไทยอย่างรอบคอบ และมีหลักฐานประกอบ ซึ่งการดำเนินการของพรรคสามารถชี้แจงตอบข้อสงสัยให้กับสมาชิก และประชาชนทุกคนที่ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยได้แน่นอน
4) ก่อนหน้านี้ ภายหลังที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัว “นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” หรือ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทยนั้น นายการุณ โหสกุล โพสต์ข้อความว่า “ผมไม่เสียใจที่ไม่ได้เป็นคนในครอบครัว” และมีกระแสข่าวว่าเตรียมย้ายจากพรรคเพื่อไทย เข้าสังกัดพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ในการเลือกตั้งคราวหน้า
และต่อมาได้โพสต์ข้อความชี้แจงในเฟซบุ๊คว่า ก่อนที่พรรคเพื่อไทยจะเปิดโครงการ “ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหม่ หัวใจเดิม” ผมยอมรับว่า การทำงานฐานะนักการเมืองในระยะหลังของผมค่อนข้างมีปัญหา ทั้งๆ ที่ทำทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่ว่าความทุ่มเท เอาใจใส่ ในนามของพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจเป็นเพราะผู้ใหญ่และผู้บริหารพรรคเข้าใจว่าผมมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทยจนนำมาซึ่งความไม่ชอบใจ ไม่ไว้วางใจของผู้ใหญ่ หรือแกนนำบางคน
“และปฏิบัติกับผมเหมือนไม่ใช่คนในพรรค หลายครั้งที่มองมาอย่างรังเกียจ และหวาดระแวงไม่อยากให้เข้าร่วมประชุมใดๆ กังวลไปต่างๆ นานา แต่พอผมเซ็นซื่อแล้วไม่เข้าร่วมประชุมเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ก็ถูกตำหนิอีก เรียกว่าทำอะไรก็ไม่ถูก ผิดไปเสียทุกอย่าง”
“ผมแค่อยากบอกว่า ผมร่วมต่อสู้กับพรรคในยามที่เราลำบาก โดนคดีมาไม่รู้กี่คดี ในอนาคตจะติดคุกเหมือนกับเพื่อนๆ หลายคนที่โดนมาก่อนหน้านี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมทนได้เพราะผมรู้ว่าผมต่อสู้เพื่อประชาชน แต่ผมจะ
ไม่ทนไอ้พวก “นักรบห้องแอร์” ที่ไม่เคยแม้แต่ลงพื้นที่ มากระทำย่ำยีกับผมอย่างเด็ดขาด ความคับแคบ และการมีอคติในใจ คือ สิ่งที่จะทำลายทุกอย่าง”
“ถ้าเขตเลือกตั้งของผมเอง ผมยังไม่มีสิทธิมีเสียงอะไรเลย ทำกับผมเหมือนผมไม่ใช่คนในครอบครัว อย่างนี้
ใช่ไหม ที่ยัดเยียดข้อหาให้ผมว่า ผมจะชิ่งหนีตีจากพรรค ไม่มีใครรู้ว่าผมเองต่างหากที่กำลังถูกบีบให้ต้องออกจากพรรคไปอย่างเจ็บปวด”
5) เลือกตั้ง สก.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยไปชวน หนุ่ย-กนกนุช กลิ่นสังข์ อดีตแนวร่วม กปปส. มาเป็น
ผู้สมัคร และชนะคนของเก่ง การุณ ได้ฉลุย
แน่นอน ทั้งเก่งและคุณหญิงหน่อย คง “รู้สึกไม่ดี” กับปฏิบัติการเหล่านี้ของพรรคเพื่อไทยเป็นแน่
น่าติดตามว่า คู่แม่ลูกทางการเมือง จะ “เอาคืน” ปฏิบัติการที่เหมือนการตบหัว เก่ง การุณ และตบหน้า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในครั้งนี้อย่างไร
ไม่ใช่แค่การเอาคืนในพื้นที่เขตดอนเมืองเท่านั้น แต่ในภาคอีสานและทั่วทั้ง กทม. ด้วย!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี