อดีตนายกฯ ที่หนีคดีโกง ประกาศให้เก็บศพตนเองไว้ ไม่ให้เผา
อ้างว่า ชีวิตและการต่อสู้ของตนเองจะได้เป็นอมตะ
ความคิดของนักการเมืองโกงหนีคดีเช่นนี้ ตื้นเขินจนน่าใจหาย น่าเวทนา
มันสะท้อนว่า เขามองชีวิตและความตายอย่างไร? และตอกย้ำว่า ไม่ได้สำนึก ปลดปลงอนิจจังใดๆ กับชีวิตที่ได้ก่อกรรมที่ผ่านมาเลยแม้แต่น้อย
1. ความเชื่อตามศาสนาคริสต์
ชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เชื่อว่า ความตายเป็นสภาวะที่ร่างกายและวิญญาณแยกออกจากกัน เมื่อมนุษย์เสียชีวิตลง ร่างกายที่เป็นสสารจะสลายกลายเป็นธุลีดิน ส่วนวิญญาณที่แยกออกจากร่างกายจะถูกนำไปพิพากษาตามบุญและบาปของตนที่ได้เคยกระทำไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ หากทำความดีมากๆ ก็จะไปยังสวรรค์ แต่หากทำความชั่วก็จะไปยังสถานไฟชำระหรือ “นรก” เพื่อชำระโทษ
ชาวคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ เชื่อว่า การมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เป็นเพียงแค่เรื่องชั่วคราวเท่านั้น เมื่อมนุษย์เสียชีวิตลงก็จะได้กลับไปอยู่กับพระเจ้าอย่างถาวร พระเจ้าได้ทรงเตรียมสถานที่ไว้ให้สำหรับเฉพาะผู้ที่มีความเชื่อ มีความรักและศรัทธาในพระองค์
2. ความเชื่อตามศาสนาอิสลาม
เมื่อคนตายแล้ว ชาวมุสลิมจะฝังศพเพื่อให้ร่างสลายไปตามธรรมชาติ และจะต้องฝังศพภายใน 24 ชั่วโมง หรือฝังให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยฝังที่ “กุโบร์” ถือเป็นสถานที่แรกที่ดวงวิญญาณจะพำนักรอคอยก่อนเข้าสู่การตัดสินในวันแห่งการพิพากษา
การฝังศพ จะฝังในท่านอนตะแคง ให้ส่วนศีรษะและใบหน้าของศพหันไปทางทิศตะวันตก อันเป็นที่ตั้งของวิหารกะบะฮ์ที่ตั้งอยู่ในนครเมกกะ
จะไม่มีการฝังสิ่งของมีค่าต่างๆ ลงไปในหลุมศพกับผู้ตาย เพราะชาวมุสลิมเชื่อว่า สิ่งที่จะติดตัวผู้ล่วงลับไปมีเพียงสามอย่างเท่านั้น ได้แก่ ความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าและศาสนกิจที่ตนสั่งสมไว้,วิทยาทานหรือกุศลทาน และการมีบุตรที่ดีเพื่อทำหน้าที่ขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าให้แก่ตนหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว
3. ความเชื่อตามศาสนาพุทธ
อดีตนายกฯ หนีคดี แสดงออกว่าตนเองนับถือศาสนาพุทธ พึงทราบว่า
ความเชื่อของชาวพุทธโดยทั่วไปนั้น เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เมื่อเสียชีวิตลง จะมีอีกโลกหนึ่งหรืออีกภพภูมิที่เราต้องเดินทางต่อไป ดังนั้น ครอบครัวและญาติจึงจัดพิธีงานศพทำบุญอุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่ผู้ตาย
เพื่อที่ว่าผู้ล่วงลับจะได้เดินทางไปสู่สุคติภูมิหรือภพภูมิที่ดีแทนการเกิดในทุคติภูมิหรือเป็นสัตว์เดรัจฉาน
แต่ละขั้นตอนในการจัดการศพ ล้วนมีหลักธรรมสอดแทรก อาทิ
การอาบน้ำศพ-รดน้ำศพ
เพราะต้องการให้ร่างกายของผู้ตายสะอาดและบริสุทธิ์ ปริศนาธรรมที่แฝงอยู่ในขั้นตอนการอาบน้ำศพ-รดน้ำศพ คือ “เมื่อคนเราเสียชีวิตลงไปแล้ว การนำของหอมหรือน้ำอบน้ำมนต์ใดๆ มารด ก็ไม่อาจทำให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ ดังนั้น ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ควรใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทและหมั่นทำบุญทำความดีอยู่เสมอ”
การนำเงินใส่ปากศพ
เงินที่ใส่ปากศพ ปริศนาธรรม คือ สอนให้รู้จักใช้เงินอย่างเป็นประโยชน์ แบ่งกิน-แบ่งใช้ ทำบุญให้ทาน
การมัดตราสัง
“การมัดตราสัง” ใช้ด้ายสายสิญจน์ทำเป็นบ่วงมัดศพ 3 เปลาะ ที่คอ มือ และเท้า
ปริศนาธรรมของการมัดตราสัง คือ บ่วงมัดศพทั้ง 3 เปลาะนี้เปรียบได้กับกิเลสตัณหาทั้ง 3 ประการที่คอยผูกรั้งคนเราให้ตกอยู่ในสังสารวัฏ ดังคำภาษิตไทยโบราณที่ว่า “ตัณหารักลูกเปรียบเหมือนบ่วงผูกรัดคอ ตัณหารักเมียเปรียบดั่งเชือกผูกศอก ตัณหารักข้าวของหรือทรัพย์สินเปรียบเสมือนห่วงรัดเท้า”
การตั้งวางศพ
ต้องหันศีรษะของศพไปทางทิศตะวันตกเสมอ คติธรรมที่แฝงอยู่ คือ “ความตาย” นั้นเป็นการเสื่อมสิ้นไป เช่นเดียวกับพระอาทิตย์ที่ตกทางทิศตะวันตกเสมอ
การจัดงานบำเพ็ญกุศล
การจัดงานบำเพ็ญกุศลนี้ เป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย แต่คติธรรมที่แฝงอยู่ คือ เตือนสติให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตระหนักถึงความไม่เที่ยงแท้ของสังขาร พร้อมกับเร่งขวนขวายทำความดีสะสมบุญกุศลเพื่อไปสู่สุคติในยามจากโลกนี้ไป
มิใช่ให้มายึดติดกับการต่อสู้อะไรเลย
การจัดงานฌาปนกิจศพ
งานฌาปนกิจศพ ปริศนาธรรม คือ เป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่ครอบครัว ญาติสนิท จะได้มาร่วมส่งผู้ตาย เผาร่างแล้วก็เหลือเถ้ากระดูกเก็บไว้ระลึกถึง ไว้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ชีวิตก็เท่านี้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นอนิจจัง
ไม่ใช่จะมาเก็บร่างไว้เป็นอมตะอะไรเลย
ทั้งหมด จะเห็นว่า คติธรรมที่แฝงอยู่กับการจัดการศพล้วนแต่สอนให้ลดละ ปล่อยวาง
หาใช่ยึดติด ยึดมั่น ถือมั่น แถมยังไม่ยอมรับความจริงแห่งการกระทำของตน อย่างที่คนโกงหนีคดีพยายามจะสื่อแสดงออกมานั้นเลยแม้แต่น้อย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี