บรรยากาศทางการเมืองในเวลานี้ พรรคการเมืองกลุ่มผลประโยชน์ต่างประโคมขายฝันพี่น้องประชาชนเจ้าของประเทศอย่างสนุกสนาน ด้วยโครงการขายฝันที่ว่าจะสามารถยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ได้กินดีอยู่ดีด้วยการทุ่มเม็ดเงินลงสู่มือประชาชนแลกกับการสนับสนุนจากประชาชน โดยไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าจะสามารถปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้จริงอย่างที่ป่าวประกาศเป็นสัญญาประชาคมหรือไม่หรือเข้ามาเพื่อทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างที่ผ่านมา
ท่านทราบเรื่องนี้กันหรือไม่ “ปัจจุบันสังคมโลกกำลังก้าวไปสู่โลกแห่งความพอเพียง”
“ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวคิดที่ปฏิบัติได้จริงไม่ใช่วาทกรรม ทว่าเป็นการตกผลึกจากประสบการณ์ส่วนพระองค์ของ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พ่อของแผ่นดิน”ที่ทรงศึกษาเกี่ยวกับเรื่องดินและน้ำมาประยุกต์กับเรื่องเศรษฐศาสตร์ ออกมาเป็น “เรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่” ที่มุ่งเน้นให้ประชาชน สามารถอยู่รอดได้ ในสภาพที่โลกมีความเปลี่ยนแปลงสูง ทรงมีพระอัจฉริยภาพมีพระเนตรพระกรรณกว้างไกลหลักแหลมทางปรัชญาสังคม มีความเข้าใจ ถึงจุดอ่อนของแนวคิด “ทุนนิยม และ สังคมนิยม” อย่างถ่องแท้
“เศรษฐกิจพอเพียง” คือ “ทางสายกลาง - มัชฌิมาปฏิปทาหมายถึง อริยมรรคมีองค์ 8” หรือที่เรียกอย่างย่นย่อว่า “ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา” เป็นทฤษฎีที่ดำรงอยู่ระหว่าง “ทุนนิยม และ สังคมนิยม” ที่นำเอาข้อดี ของทั้งสองมาผนวกให้กลมกล่อม “เศรษฐกิจพอเพียง” จึงหมายถึง “การพึ่งพาตนเอง” แต่ไม่ใช่การอยู่ถ้ำปิดตาไม่พบใคร “การพึ่งพาตนเอง” นั้นคือ “การรู้จักธรรมชาติ น้ำ และดิน” พึ่งพาการผลิตทางการเกษตรที่มองเห็น “การหมุนเวียนพลังงานอย่างประณีต หรือเกษตรทฤษฎีใหม่” ทำให้เกิดผลิตผลที่หลากหลาย และมีการผลิต อย่างสมเหตุสมผล ไม่เทไปที่ผลิตผลใดผลิตผลหนึ่ง เมื่อเกิดการเหวี่ยงของราคาสินค้า ผลิตผลอื่นก็ยังสามารถช่วยเหลือให้รอดได้
และเมื่อผลิตได้มากเกินความจำเป็น ก็ยังจำหน่ายแบ่งปันให้คนในสังคมได้กลายเป็น “ความมั่นคงทางอาหาร” หากผู้คนในสังคมทำ “เศรษฐกิจพอเพียง” กันมาก เราก็ยิ่งมีของแบ่งปันจุนเจือผู้คนในสังคมได้มากถึงจุดนั้นประชาชนในชาติจะไม่มีวันขาดอาหาร เพราะ “ประเทศกูมีตู้เย็นธรรมชาติ” มีสวนอยู่หลังบ้านเก็บกินได้ตลอด เหลือก็ขายทำเงินเอามาพัฒนาต่อ และเราสามารถประยุกต์ใช้ ด้วยความมีเหตุผล 2 เงื่อนไข (ความรู้ และคุณธรรม) สร้างความมั่นคงภายในหน่วยที่เล็กที่สุดในสังคม ก็คือตัวท่านทั้งหลายฉะนั้น “เมื่อมั่นคง จึงจุนเจือ แบ่งปัน” หัวใจของมันจึงมาจากความร่วมมือร่วมใจของประชาชน ที่ช่วยเหลือกันจึงจะไปกันรอดได้รักสามัคคีร่วมแรงร่วมใจคือทางออกในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและอยู่รอดอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
วิกฤตเศรษฐกิจของชาติครั้งนี้อยากเตือนสตินักการเมือง, นักเลือกตั้งผู้อาสาพี่น้องประชาชนเข้ามาบริหารประเทศเพื่อนำชาติบ้านเมืองเดินทางไปสู่ความก้าวหน้าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนโดย “การพึ่งพาตนเอง ด้วยศาสตร์พระราชา บนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เพราะเป็นหลักปฏิบัติที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตสมัยใหม่
อยากให้นักการเมืองทั้งหลายตระหนักด้วยว่า “การที่จะพัฒนาประเทศ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างพื้นฐานให้กับประชาชน ให้พอมีพอกินพอใช้ก่อน แล้วจึงค่อยสร้างความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้นโดยลำดับ การที่ผู้นำประเทศ มุ่งแต่จะสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจ โดยไม่สอดคล้องกับชีวิตของประชาชนก็จะเกิดความไม่สมดุลเท่าเทียม เกิดความเหลื่อมล้ำกับเรื่องต่างๆ จนล้มเหลวในที่สุด”
การจะสร้างโอกาสให้ความเจริญของชาติไต่เต้าไปเป็นเสือตัวที่ห้า เป็นยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจลำดับต่อจากไต้หวันจึงไกลออกไปทุกวินาที ดังนั้นสมควรนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมายึดถือปฏิบัติเพื่อความสำเร็จ
อย่างที่ “วลาดีมีร์ ปูติน” นำไปใช้ในการพัฒนาเกษตรกรรมในประเทศจนสามารถผลิต “ข้าวสาลี”บริโภคและเหลือส่งออกสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจได้อย่างในปัจจุบัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี