สถานการณ์ทางการเมืองเวลานี้ ต้องบอกว่าอึมครึมคลุมเครือและสับสนกับระบอบประชาธิปไตยแบบไทยไทยยิ่งนัก น่าจะเป็นระบอบประชาธิปไตยประยุกต์ชาติเดียวในโลกก็ว่าได้
ทำไมหน่ะหรือ???
อุตส่าห์บัญญัติ “องค์กรอิสระ”ในรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ฉบับปี 2540 จนถึงปัจจุบัน (2560) เพื่อให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายของการปฏิรูปทางการเมือง ที่ต้องการให้เป็นการเมืองใหม่ ให้สิทธิและเสรีภาพกับประชาชน โดยมุ่งหวังให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น
แต่เมื่อองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญเหล่านี้ปฏิบัติ หน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยองค์กรอิสระนั้นๆ กลับถูกกลุ่มมวลชนออกมาขัดขวางกดดันทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อให้สมประโยชน์ตามความต้องการของกลุ่มนั้นๆ
ในเวลาเดียวกันก็สำรอกสำรากถ่มถุยเรียกร้องประชาธิปไตยตามท้องถนนอย่างมิได้ละอายหรือบรรเจิดสามัญสำนึกความเป็นอิสระขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญเลยแม้แต่น้อย เริ่มจากการทำโพลล์ของสื่อปีศาจที่ไม่ยึดข้อกฎหมายพิจารณาตั้งคำถาม ตามด้วยกลุ่มมวลชนสามกีบที่มาชุมนุมกดดันการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต่อด้วยแถลงการณ์ขององค์การนักศึกษา 14 สถาบัน
ต่อมาเวลาราวบ่ายโมงเศษก็มีข่าวมติตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 5 ต่อ 4 รับคำร้องของ 172 ท่านผู้ทรงเกียรติจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ร้องให้คำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่หรือไม่ ซึ่งเมื่อศาลรับคำร้องแล้วยังมีคำสั่งให้พลเอกประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
ถามว่าลักษณะกดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเยี่ยงที่ว่ามาแต่ต้นเป็นผลหรือไม่เราไม่ทราบ เพราะยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ยังไม่แล้วเสร็จ
แต่อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นคือผลสัมฤทธิ์นี้เข้าข่าย “กบเลือกนาย หรือ หมูไปไก่มา” แน่ จากอากัปกิริยาที่เกิดขึ้นนั้น โดยเฉพาะ “ตู่ไปได้ป้อม” ผสมผสานกับ
“ล้มตู่ชูโจร”ที่เขานัดกันสำรอกสำรากในที่ชุมนุมต่างๆ
กบเลือกนาย สำนวนไทยที่มีความหมายว่าการช่างเลือก ช่างสรรหาเพื่อที่จะให้ได้ในสิ่งที่ตนหวังหรือมีความต้องการ เป็นคนเลือกมาก แต่ท้ายสุดกลับได้ของที่ไม่ต้องการหรือไม่มีค่าอะไรเลย หรือจะกล่าวอย่างเย้ยหยันก็ว่า เลือกนักมักได้แร่ … เลือกมากเกินไปมักจะได้ของไม่ดี
นับจากนี้คือการรอคำวินิจฉัย หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้พิเคราะห์เหตุและผล ประกอบหลักการและเหตุผลในการบัญญัติมาตรา 170 วรรคสองประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ของคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญชุด“เกจิกฎหมาย-มีชัย ฤชุพันธุ์”
ซึ่งพลเอกประยุทธ์ ประกาศแล้วว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี