สัปดาห์นี้ “ที่นี่แนวหน้า” ขอนำบทความ “บทเรียนที่ก้าวพลาด..สู่โอกาสเปลี่ยนโฉมชีวิตแม่วัยรุ่น” โดย กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ซึ่งการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร หรือ “แม่วัยใส-แม่วัยรุ่น”เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของสังคมไทย แม้ระยะหลังๆ ความชุกของปัญหาจะลดลงไปบ้างเมื่อเทียกับในอดีตที่บางปีถึงกับมีข่าวใหญ่โตว่าไทยมีปัญหานี้เป็นอันดับต้นๆของโลกและของทวีปเอเชีย แต่ก็ยังมีพบเห็นอยู่โดยเฉพาะใน “กลุ่มเปราะบาง” ซึ่งต้องการการประคับประคองดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้ตั้งหลักและดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีคุณภาพได้
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว “น้องกัน” น.ส.ปัณณธร สมุดน้อย ในวัย 15 ปี ต้องออกจากการเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพราะตั้งครรภ์ในวัยเรียน ชีวิตของน้องกันเปลี่ยนจากนักเรียนชั้นมัธยมเป็นคุณแม่วัยใส จากทุกเช้าที่ต้องออกจากบ้านไปโรงเรียน ก็ต้องเปลี่ยนเป็นออกไปช่วยแม่ขายปลาหมึกย่างและคอหมูย่างที่บริเวณหน้าโรงเรียนชุมชนวัดบ้านแลง อ.เมือง จ.ระยองแทน โดยน้องกันวางเป้าหมายว่า อยากทำอาชีพค้าขายและไม่อยากทำงานไกลบ้าน อีกทั้งเมื่อคลอดลูกแล้วก็อยากจะกลับไปเรียนต่อให้จบชั้น ม.3
แต่จะว่าเป็นโชคดีหรือโอกาสก็ว่าได้ เมื่อ “พี่ตะวัน” น.ส.อาทิตยา ทองเรือง หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการและพัฒนาชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านแลง อ.เมือง จ.ระยอง ไปซื้อของที่ตลาดนัดหน้าโรงเรียนชุมชนวัดบ้านแลง และพบน้องกันช่วยแม่ขายปลาหมึกย่างและคอหมูย่างพอดี จึงเข้าไปพูดคุยด้วย เนื่องจากสังเกตเห็นว่า น้องกันยังอยู่ในวัยเรียนและกำลังตั้งครรภ์ด้วย แล้วพบว่า น้องกันยังเรียนไม่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตอนนี้พักการเรียนอยู่และออกมาช่วยแม่ขายของเพื่อหารายได้ เพราะจะได้มีเงินเก็บไว้เลี้ยงลูก
น.ส.อาทิตยา หรือพี่ตะวัน เป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนงานระดับตำบล รับหน้าที่เป็น “ผู้จัดการรายกรณี (Case manager : CM) ของโครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อลดความเหลื่อมล้ำจังหวัดระยอง” ภายใต้การสนับสนุนโดย กสศ. ในช่วงปี 2563-2564 โดยความร่วมมือขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ระยอง และมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาจังหวัดระยอง ซึ่งเมื่อพบว่า น้องกันกำลังท้องคงเคลื่อนไหวไม่สะดวกนัก จึงมองหาแนวทางช่วยเหลือด้วยบริบทดังกล่าว นำมาสู่การสนับสนุนให้ฝึกอาชีพทำปลาหมึกย่างขายในที่สุด
“ได้ประสานทีมงาน กสศ. จังหวัดระยอง เพื่อร่วมออกแบบการช่วยเหลือให้น้องกันฝึกทักษะอาชีพค้าขายปลาหมึกย่างที่เป็นองค์ความรู้ภายในครอบครัวโดยมีแม่เป็นผู้สอนตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวิธีการขาย และทุนช่วยเหลือส่วนหนึ่งนำมาตั้งต้นทำร้านขายปลาหมึกย่างเพื่อต่อยอดจากร้านขายหมึกของแม่เป็นร้านของตัวเองนอกจากนี้ ยังประสานกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านแลง เพื่อให้น้องกันฝากครรภ์และดูแลจนคลอด พร้อมกับให้ความรู้เรื่องการจัดการรายได้ ทำบัญชีรายรับรายจ่าย และเก็บออมเพื่อดูแลลูกด้วย” น.ส.อาทิตยา ระบุ
พี่ตะวัน ยังกล่าวอีกว่า ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาคนในพื้นที่ ซึ่งตนนั้นตั้งใจช่วยเหลือน้องๆ ทุกคน อย่างกรณีของน้องกัน ตนอยากให้มีทั้งทักษะความรู้ในการประกอบอาชีพ มีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว ขณะเดียวกัน ก็ไม่ทิ้งการเรียน โดยหลังจากคลอดลูกก็ได้พาน้องกันไปสมัครเรียน กศน. จนจบชั้น ม.3ตามที่ตั้งใจไว้ และล่าสุดก็ใกล้จะเรียนจบชั้น ม.6 แล้ว
ด้าน น.ส.ปัณณธร หรือน้องกัน เล่าว่า หลัง กสศ.มาช่วยสนับสนุนเรื่องอาชีพ ทำให้มีโอกาสค้าขายและมีรายได้ โดยขายปลาหมึกอยู่ที่ตลาดนัดหน้าโรงเรียนชุมชนวัดบ้านแลง หลังขายประมาณ 1 เดือนเศษ พบได้กำไรดีมาก สามารถเก็บเงินได้ 10,000 บาท ก่อนจะต้องหยุดไปช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เนื่องจากโรงเรียนปิดและถนนหน้าโรงเรียนมีการปรับปรุงใหม่ ทำให้ลูกค้าลดลง
หลังคลอดลูก น้องกันไปสมัครงานร้านอาหาร แต่ทำได้เพียง 1 สัปดาห์ก็ถูกเลิกจ้างเนื่องจากอายุน้อยเกินไป และแม้จะพยายามสมัครงานที่อื่นๆ แต่ก็ไม่มีที่ไหนรับ จึงไปรับจ้างอ่านมิเตอร์น้ำประปาในหมู่บ้าน ส่วนแฟนหนุ่มของเธอก็ไปรับจ้างล้างรถที่คาร์แคร์แถวบ้านเพื่อหารายได้มาช่วยเลี้ยงดูครอบครัวเพิ่มเติม กระทั่งพี่ชายของน้องกันเห็นว่าน้องสาวชอบค้าขาย จึงช่วยลงทุนเปิดร้านชานมไข่มุกอยู่หน้าโรงเรียน น้องกันจึงนำเงินเก็บที่มีซื้อพวกขนมมาขายด้วย ตอนนี้ร้านเปิดได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว และชอบมากเพราะเป็นเจ้าของกิจการได้ดูแลร้านด้วยตนเอง
“2 ปีที่แล้วหนูได้รับบทเรียนครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิต แต่เพราะโอกาสที่หยิบยื่นเข้ามา ช่วยให้หนูเกิดความตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น สามารถมีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงตัวเองและลูกด้วย นอกจากนี้ หนูยังได้เรียนรู้วิธีการจัดการเงินจากพี่ตะวันและพี่ๆ ในโครงการ ได้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายในแต่ละวัน ต้องใช้เท่าไหร่ เหลือเก็บไว้ซื้อนมและแพมเพิร์สลูก และยังเก็บเงินเดือนละ 1,500 บาทเพื่อดูแลลูกต่อไปในอนาคตด้วย” น.ส.ปัณณธร กล่าว
อีกด้านหนึ่ง ในปี 2566 กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะเป็นภาคีเครือข่ายร่วมทำงาน เพื่อเป็นกำลังใจให้เด็กๆ ได้เติบโตต่อไปในวิถีทางที่อยู่รอดปลอดภัย และได้รับการพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ นางเตือนใจ คงสมบัติ รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ยังได้กล่าวขอบคุณ กสศ. ที่ได้เปิดเวที Little Big Communities Talks season 2 #EP4 “สร้างการเรียนรู้ให้พ่อแม่วัยรุ่น เพื่อแก้ปัญหาความยากจนข้ามรุ่น” อีกด้วย
“พวกเขาคือผู้ที่เบี่ยงทางเพียงนิดเดียว แต่วันนี้ได้กลับสู่แนวทางที่จะอยู่รอดและพร้อมที่จะเติบโต ดังคำที่ว่า Resilience (ความยืดหยุ่น) คือการล้มแล้วลุก เป็นเรื่องที่สำคัญ เดิมทีเราอาจมองเรื่องการแก้ปัญหาเป็นอันดับแรก แต่ปัจจุบันนี้เทรนด์โลกเปลี่ยนไป เราควรมองหาสิ่งดีที่น้องๆ มีอยู่แล้วในตัวเอง และเสริมพลังในสิ่งดีๆ ให้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น” รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กล่าว
ให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนชีวิต เกิดการยอมรับ เพื่อเติบโตแล้วก้าวต่อไป แต่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ต้องหยุดก้าวเดิน!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี