พจนานุกรม ให้ความหมายของคำว่า “อัปรีย์” เอาไว้ว่า เป็นคำวิเศษณ์ หมายถึง จัญไร, เลวทราม, เสื่อมทราม, ต่ำช้า, ชั่วช้า, ไม่เป็นมงคล
นึกถึงคำนี้ จนต้องขีด “เส้นใต้บรรทัด” เพราะเห็นพ่อ-ลูกทักษิณ-พานทองแท้ ชินวัตร ออกมา “หาดี” จากวาระ 16 ปีรัฐประหารสมัย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ
ผมขอเลือกเอาความหมายท้ายสุดที่บอกว่า “ไม่เป็นมงคล” มาพิสูจน์ให้ดูก็แล้วกัน ส่วนจะถึงขั้น “จัญไร, เลวทราม, เสื่อมทราม, ต่ำช้า, ชั่วช้า” หรือไม่ ให้วิญญูชนพิจารณากันต่อไป จากกรณีต่อไปนี้
1) พลันที่ทักษิณมาโพสต์ “เอาดีใส่ตัว” เมื่อรำลึกถึงวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ตนถูกรัฐประหาร ว่า “1. ผมเสียดายความเป็นประชาธิปไตยของประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนแต่วันนี้เรากลับต้องมาอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจเผด็จการ 2.ผมเสียดายความสง่างามและความไว้เนื้อเชื่อใจของประเทศไทยบนเวทีโลก 3.ผมเสียดายโอกาสประเทศในการพัฒนาไม่ว่าจะเป็น การศึกษา เทคโนโลยี การเกษตร และอุตสาหกรรม 4.ผมเสียดายโอกาสในการแก้ปัญหาความยากจนซึ่งคนไทยควรจะหายจนไปแล้ว 5.ผมเสียดายโอกาสของคนไทยที่ทุกวันนี้มองไม่เห็นอนาคตตนเอง เพียงแค่หางานทำให้ได้เพื่ออยู่ไปวันๆ ทั้งๆ ที่รายได้ต่ำกว่าประเทศอื่นในระดับการพัฒนาเดียวกัน 6.ผมเสียดายความเป็นศูนย์กลางการบินของสุวรรณภูมิ ทั้งๆ ที่ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เราควรจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน 7.ผมเสียดายที่ลูกหลานต้องติดยาเสพติดซึ่งตอนนี้ซื้อง่ายยิ่งกว่าหมากฝรั่ง 8. ผมเสียดายที่น้ำท่วมซ้ำซากเพราะไม่ได้บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ 9. ผมเสียดายระบบราชการที่กำลังทันสมัยต้องกลับมาเป็นรัฐราชการที่ประชาชนต้องวิงวอนขอรับการบริการ 10.ผมเสียดายที่ประเทศต้องเป็นหนี้เพิ่มจากการบริหารงานที่ผิดพลาดจนต้องขยายเพดานการกู้และหนี้สินภาคครัวเรือนของประชาชนสูงจนจะใช้คืนได้ยาก...”
ลูกน้องเก่าอย่าง นายเสกสกล อัตถาวงศ์ (แรมโบ้อีสาน) ก็ออกมาระบุว่า นายทักษิณไม่ควรออกมาโพสต์เฟซบุ๊คในทำนองที่ทำให้ประชาชนเห็นว่าตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ และการรัฐประหารทำให้ประเทศเสียโอกาส ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าการที่ต้องทำรัฐประหารมีสาเหตุเกิดจากอะไร ไม่ใช่เพราะการบริหารงานผิดพลาด เห็นแต่ผลประโยชน์ของคนในครอบครัวและ
พวกพ้อง จนทำให้คนทั้งประเทศออกมาขับไล่หรือ แถมยังมีคดีติดตัวมากมาย ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมของไทยและหนีคดีออกไปอยู่ต่างประเทศ
นายเสกสกล ยังมองว่า หากนายทักษิณไม่ถูกรัฐประหาร เป็นนายกฯอยู่ต่อ อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติบ้านเมืองนี้ 10 ข้อ ดังนี้
1.ประชาธิปไตย ที่ถูกวางรากฐานมาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน จะกลายเผด็จการรัฐสภาสมบูรณ์แบบ ทั้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา จะถูกยึดเบ็ดเสร็จโดยมหาเศรษฐี ที่อ้างมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ระบบเผด็จการเสียงข้างมากลากไปจะเกิดขึ้นในยุคทักษิณ จนถูกขนานนามว่า ระบอบทักษิณหรือระบอบเผด็จการรัฐสภา
2.ประเทศชาติบ้านเมืองจะสูญสิ้นความสง่างามในสายตานานาชาติ เพราะเต็มไปด้วยการโกงกิน ทุจริตคอร์รัปชั่นไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
3.ระบบการศึกษา เทคโนโลยี การเกษตร และอุตสาหกรรมของประเทศชาติบ้านเมือง จะไม่มีวันเติบโต เพราะถูกเลี้ยงไข้คล้ายให้เป็นแมวป่วย เชื่องๆ ที่ไม่มีวันจะรู้เท่าทันผู้นำที่คิดโกงกิน
4.คนยากจนจะมากยิ่งขึ้นจะทบทวีคูณ เพราะที่ผ่านมาตระกูลชินวัตรเป็นรัฐบาล 4 ชุด เข้าครองอำนาจรวมเกือบ
10 ปี พิสูจน์ชัดแล้วว่าไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ ตรงกันข้ามคนจนกลับเพิ่มมากขึ้น และความเหลื่อมล้ำทางสังคมยิ่งถ่างกว้างมากกว่าเดิมอีก
5.คนไทยจะมองไม่เห็นอนาคตตนเอง เพียงแค่หางานทำให้ได้เพื่ออยู่ไปวันๆ ทั้งๆที่รายได้ต่ำกว่าประเทศอื่นในระดับการพัฒนาเดียวกัน เพราะประเทศชาติจะเต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกหย่อมหญ้าแรงงานถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบ นักศึกษาตกงานว่างงาน เดินเตะฝุ่นเต็มแผ่นดิน
6.ศูนย์กลางการบินของสุวรรณภูมิ ที่นายทักษิณบอกเป็นที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ เราควรจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียนนั้น จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน หากประเทศชาติบ้านเมืองยังมีภาพลักษณ์การทุจริตคอร์รัปชั่นและปล่อยให้พวกพ้องสมุนในเครือข่ายเข้าไปครอบงำแสวงหาผลประโยชน์เอื้อประโยชน์ให้พวกตนเองและพวกพ้องจากสนามบินสุวรรณภูมิ
7.การปราบปรามยาเสพติด จะรุนแรงมาก และจะมีประชาชนผู้บริสุทธิ์ล้มตายเป็นจำนวนมาก กระบวนการยุติธรรมจะไม่มีความหมาย เพราะใช้ระบบศาลเตี้ยเข้ามาแทนที่ ประชาชนผู้บริสุทธิ์จะถูกวิสามัญฆาตกรรมตามบัญชีดำใบสั่งของผู้นำอีก
มากมายเต็มแผ่นดิน จากคนที่ต้องการจัดการกับคู่แข่งทางการเมืองโดยอ้างชื่ออยู่ในบัญชีดำยาเสพติดและผู้มีอิทธิพล
8.น้ำจะท่วมซ้ำซาก เพราะไม่ได้บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เห็นได้จากการน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุคที่ว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้เลย และจะเกิดอภิมหาโปรเจกท์เงินกู้มาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเพื่อหวังกอบโกยโกงกินจากเงินทอนจะเกิดขึ้นตามมาอีกมากมายหลายโครงการด้วยงบเงินกู้หลายแสนล้านบาท
9.ระบบราชการจะล้าหลัง ไม่ทันสมัย เพราะอยู่ใต้ระบบอุปถัมภ์ ในแบบที่ว่า “ได้ครับพี่ ดีครับนาย สบายครับผม เหมาะสมครับท่าน” ใครหือคิดไม่เหมือนท่านผู้นำ จะถูกเตะโด่ง ถูกกดทับไม่มีโอกาสเติบโตในสายงาน ระบบอุปถัมภ์ตั้งเครือญาติหรือพวกพ้องขึ้นเป็นผู้นำเหล่าทัพ ข้ามหัวคนอื่นจะเกิดขึ้นได้เห็นชัดเจนในยุคระบอบทักษิณ
10.ประชาชน ประเทศจะเป็นหนี้เพิ่มมากขึ้น เพราะผู้นำจะกู้เงินที่อ้างว่านำมาพัฒนาประเทศ สุดท้ายก็โกง และประเทศชาติประชาชนต้องรับกรรมที่ผู้นำขี้โกงทำไว้ เช่น โครงการเงินกู้อภิมหาโปรเจกท์ 2.2 ล้านล้านบาท โครงการแก้น้ำท่วม
3.5 แสนล้านบาท โครงการรับจำนำข้าวที่ทิ้งหนี้ไว้ 9 แสนล้านบาท ที่ทุกวันนี้ยังใช้หนี้ไม่หมด เป็นต้น
2) ส่วนนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ออกมาโพสต์ตามพ่อว่า “เมื่อไหร่ประเทศไทยจะเลิกใช้การรัฐประหารเป็นอาวุธเพื่อขัดขวางการเติบโตของประชาธิปไตยเสียที” ตนก็อยากถามกลับว่า แล้วเมื่อไหร่จะบอกให้คนใกล้ชิดเลิกคิดโกงบ้านโกงเมือง เพื่อปิดประตูให้รัฐประหารเสียที
แรมโบ้อีสานบอกว่า “ตนเองกลับดีใจด้วยซ้ำที่มีการทำรัฐประหาร เพราะประเทศจะได้ไม่มีผู้นำแบบนายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์ที่เห็นแต่ประโยชน์ครอบครัว ไม่ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักเลยสักนิด อีกทั้งยังมีการทำผิดกฎหมายแล้วก็หนีออกไปต่างประเทศ ไม่ยึดหลักตามกระบวนการยุติธรรม โกงจนรวยแล้วหนีคดี ไปแสวงหาความสุขส่วนตัวอยู่ต่างประเทศ ซึ่งต่อไปหากมีผู้นำเช่นนี้บ้านเมืองคงพังพินาศประชาชนก็ต้องออกมาขับไล่อีก ไม่มีวันที่สิ้นสุดเหมือนเดิม ให้เฝ้าระวังจับตาดูทายาทนายทักษิณคนต่อไป ว่าจะเหมือนพ่อและอาหรือไม่ ขออย่ามองว่าการทำรัฐประหารจะเลวร้ายเสมอไป เพราะก็เห็นอยู่แล้วว่านายกฯที่มาจากการทำรัฐประหารก็สามารถทำให้ประเทศเดินหน้าได้ รักประชาชน ห่วงใยประชาชนห่วงใยประเทศชาติ มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาเป็นห่วงบ้านเมืองมากกว่านายกฯขี้โกง และสำคัญที่สุดผู้นำที่มาจากรัฐประหารไม่เคยคิดทุจริตคอร์รัปชั่น โกงบ้านโกงเมือง “นายเสกสกล กล่าว
3) ขณะที่ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง
กรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในClubHouse ชี้นำให้เลือกพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ 2 สมัย และพูดถึงนโยบายค่าแรงต่างๆ ว่า นายทักษิณ ได้พยายามพูดจาสั่งการพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดต่างกรรมต่างวาระ ล่าสุดทำเหมือนเป็นหัวคะแนน ช่วยหาเสียงให้กับพรรคเพื่อไทย จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าพรรคเพื่อไทย มีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการหาเสียงในครั้งนี้หรือไม่ เพราะถึงแม้ในหลายครั้งพรรคเพื่อไทยมักจะอ้างว่าเป็นสิทธิของนายทักษิณ และไม่สามารถห้ามให้นายทักษิณแสดงความเห็นชี้นำได้ แต่เท่าที่ติดตามสถานการณ์ที่ผ่านมาไม่มีครั้งใดเลยที่กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยจะแสดงถึงการไม่สนองตอบ หรือแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าไม่ยินยอมปฏิบัติตามคำสั่งของนายทักษิณ และในช่วงโค้งแรกการหาเสียงครั้งนี้ก็เช่นกัน
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ต้องเคารพกฎหมาย และต้องทำความเข้าใจว่า เป็นการกระทำที่สุ่มเสี่ยง
ครอบงำ ชี้นำการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการเมือง ขัดพ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28 ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทําการใดอันทําให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ สมาชิกกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา
หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้ พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรง
หรือโดยทางอ้อม และมาตรา 29 ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า การห้ามดำเนินการควบคุม ครอบงำหรือชี้นำนั้นกำหนดห้ามการกระทำของ “ผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคการเมือง” ซึ่งนายทักษิณขาดคุณสมบัติการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 9 และมาตรา 24 เช่น เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช นายทักษิณจึงเข้าข่ายทั้งไม่ใช่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ถือเป็นคนนอก แถมพ่วงท้ายว่าเป็น นักโทษหนีคดีด้วย” ซึ่งการกระทำฝ่าฝืนดังกล่าว มีโทษถึงยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค เป็นเวลา 10 ปี ขณะที่ผู้ครอบงำพรรคก็มีโทษจำคุก เป็นเวลา 5 ปี ปรับตั้งแต่ 100,000 -200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเช่นเดียวกับกรรมการบริหารพรรค
“เชื่อว่าคนไทยทุกคนไม่ต้องการตระกูลที่คอร์รัปชั่นมาบริหารประเทศ จึงอยากทราบจุดยืนของพรรคเพื่อไทยว่า ชัดเจนใช่หรือไม่ที่จะใช้นายทักษิณ นักโทษหนีคดี มาหาเสียงแลนด์สไลด์ให้พรรคการเมือง โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย มีความคิดเห็นอย่างไร เห็นด้วยกับคำประกาศต่างๆ ของนายทักษิณหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุด พรรคเพื่อไทย ควรต้องเคารพกฎหมาย ควรเคารพประชาชน ไม่เอานักโทษโกงชาติมาเป็นแบบอย่างให้ลูกหลาน ไม่เอาคนที่มีประวัติคอร์รัปชั่นมาหาเสียงนโยบายพรรค” น.ส.ทิพานัน กล่าว
ก็ถ้าปากคู่นั้นไม่อัปรีย์ (ไม่เป็นมงคล) จะถูกตอกหน้ากลับอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ดอกหรือ
สำคัญที่สุดคือ เจ็บหรือไม่เจ็บ อายหรือไม่อายหน้าบางหรือหน้าหนา เวลาเจอการตอกกลับด้วยหลักการและข้อเท็จจริงพวกนี้...เท่านั้นเอง!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี