ชาวไทยต่างมีคำถาม รวมถึงข้อข้องใจเกี่ยวกับกิจการต่างๆ ของกระทรวงกลาโหมอยู่มากมาย ซึ่ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ควบทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม มาเป็นเวลาถึง 2-3 ปี มิเคยได้อธิบายบอกเล่าให้กับสังคมว่า มีข้อคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับบทบาทและภารกิจของกระทรวงกลาโหมเป็นกิจจะลักษณะ และบัดนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็อาจจะพ้นจากตำแหน่งไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยที่คำถามคำตอบเกี่ยวกับกระทรวงกลาโหมก็ยังคงค้างคาอยู่ และก็คงจะเป็นภาระหน้าที่ของรัฐมนตรีกลาโหมคนต่อไป
คำถามที่ว่านั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้ความรับผิดชอบของตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมเป็นสำคัญ และหากคำตอบต่อคำถามสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ ก็จะเป็นผลดีต่อกระทรวงกลาโหม บรรดากองทัพ โดยเฉพาะกองทัพบก และต่อสังคมไทยโดยรวม ที่จะกลับมาได้เห็นว่า ฝ่ายกองทัพอยู่เคียงข้างกับประชาชนและเป็นของประชาชน
เรื่องแรกที่คาใจชาวประชาก็คือ เรื่องการว่าจ้างจีนต่อเรือดำน้ำ 3 ลำ แต่แล้วก็เกิดอุปสรรคว่าเรือดำน้ำนั้นทางจีนไม่สามารถจัดหาเครื่องยนต์ของเยอรมนีมาติดตั้งให้ได้ เพราะเยอรมนีไม่ยอมขายให้จีน ซึ่งหากฝ่ายจีนจะไปเอาเครื่องยนต์อื่นนอกสเปกมาติดตั้งให้แทน ก็จะกลายเป็นการผิดสัญญากับฝ่ายไทย อีกทั้งเครื่องยนต์ของจีน หรือของประเทศอื่นๆก็ดี ดูแล้วก็มีคุณภาพที่ด้อยกว่าของเยอรมนีอย่างชัดเจน ก็จะทำให้ทหารเรือ และลูกเรือไทย ที่จะประจำการในเรือดำน้ำนั้นอาจเกิดความกังวลใจเกี่ยวกับสมรรถนะของเรือดำน้ำ และความปลอดภัยของเหล่าตน ฉะนั้น ผู้เป็นรัฐมนตรีกลาโหมก็ควรต้องหาทางออกอย่างใดอย่างหนึ่งให้ชัดเจน ถือเป็นภาระหน้าที่ที่จะต้องคิดหาทางแก้ไขปัญหา และทำการชี้แจงให้กับสาธารณชน ซึ่งเรื่องนี้คงไม่เกินสติปัญญา และขีดความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นการให้ฝ่ายจีนทำการชดเชยค่าเสียหาย หรือการชดเชยการไม่สามารถส่งมอบเรือดำน้ำได้ จะด้วยการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ หรือหาสินค้าที่เป็นประโยชน์ให้กับฝ่ายไทยมาทดแทนก็ได้ เป็นต้น
นอกจากนั้น ก็ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับภายในกองทัพบกเอง เช่น บัญชีผีของทหารที่หมุนเวียนไปประจำการอยู่ที่ทางภาคใต้ว่า ได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงไปถึงไหนแล้ว? ใครบ้างที่ต้องรับผิดชอบ? และจะต้องถูกลงโทษอย่างไร? นอกจากนั้น เรื่องบ้านพักให้กับอดีตผู้บัญชาการ และนายทหารระดับสูงในอาณาบริเวณของพื้นที่กองทัพนั้นควรจะถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะมีความคิดแบบนอกกรอบ คิดแบบทันสมัย ที่จะให้อดีตนายทหารต้องรับผิดชอบต่อวิถีชีวิตของตนเอง และตีจากจากระบบศักดินา หรือระบบอุปถัมภ์ไปเสียที อีกทั้งก็จะเป็นการขจัดความไม่ทัดเทียมในหมู่ทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือนด้วยกัน
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ หน่วยงาน กอ.รมน. ซึ่งการบริหารจัดการดูคลุมเครือ แอบแฝงด้วยการใช้เครือข่ายเส้นสาย รวมทั้งบัญชีผี แต่เรื่องที่สำคัญกว่านั้นก็คือ บทบาทและภารกิจของ กอ.รมน. นั้นคืออะไรแน่? เพราะการคงอยู่ของ กอ.รมน. ดูเสมือนเป็นองค์กรรัฐซ้อนรัฐ ที่สามารถเข้าไปแทรกซึม สอดส่องพฤติกรรมคนไทยบางกลุ่มบางฝ่าย เสมือนว่าคนไทยเหล่านั้นเป็นศัตรูของชาติ ทั้งที่เขาเหล่านั้นต่างมีความเห็นต่างจากผู้คนส่วนใหญ่หรือจากฝ่ายรัฐบาล ในการนี้รัฐมนตรีกลาโหมก็ควรจะได้มีการพิจารณาทบทวนกับบทบาทภารกิจของ กอ.รมน. เสียให้แน่ชัด และป้องกันมิให้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
แต่อย่างใด
ส่วนในเรื่องชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะในประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ในภาวะสงครามกลางเมือง ที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย และชาวโลกก็อยากจะเห็นประเทศไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับเมียนมา และเป็นสมาชิกประชาคมอาเซียนด้วยกัน ได้มีบทบาทอย่างแข็งขันในระดับแนวหน้า เพื่อช่วยแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองภายในของประเทศเมียนมา และปัญหาความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมต่างๆ แต่ก็ยังไม่มีการแถลงนโยบาย ท่าที และมาตรการอย่างแน่ชัดจากตัวรัฐมนตรีกลาโหมแต่อย่างใด
ส่วนทางด้านชายแดนไทย-กัมพูชา ก็มักจะมากด้วยอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งฝ่ายกองทัพสามารถจะมีบทบาทอันสำคัญที่จะสนับสนุนฝ่ายมหาดไทยและตำรวจได้ อีกทั้งภายใต้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาที่ค่อนข้างจะสงบและปกตินั้น ก็อยู่ในวิสัยที่รัฐมนตรีกลาโหมของไทยจะได้ปรึกษาหารือกับรัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชา เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะการจัดตั้งหน่วยลาดตระเวนร่วมกันเป็นต้น ซึ่งจะเป็นการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันและกัน และเป็นการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจของประชาชนพลเมืองของทั้ง 2 ประเทศอีกด้วย อีกประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทยกับกัมพูชาและจีนนั้น ก็คือการที่จีนได้มาให้ความช่วยเหลือกัมพูชาสร้างฐานทัพเรือที่เมือง Realm ที่อยู่ติดกับชายแดนไทยทางด้านตะวันออก (ตราด–จันทบุรี) ซึ่งเป็นการดึงเอาจีนเข้ามาในอ่าวไทย แต่สังคมไทยก็ยังไม่เคยได้ยินได้ฟังว่า รัฐมนตรีกลาโหมของไทยนั้นมีความห่วงใยในเรื่องนี้เพียงใดหรือไม่
นอกจากนั้น ในการร่วมซ้อมรบกับจีนฝ่ายหนึ่ง และสหรัฐอเมริกาอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ยังมิได้เคยมีการชี้แจงให้แน่ชัดว่า มีจุดประสงค์และขอบเขตมากน้อยเพียงใด เพื่อที่จะป้องกันมิให้มีการตีความว่า การร่วมกับจีนก็เท่ากับว่าเป็นการต่อต้านสหรัฐฯ หรือ การร่วมกับสหรัฐฯ ก็เป็นการต่อต้านจีน ซึ่งทั้งหมดนี้ควรจะมีการเสริมสร้างการร่วมมือ
ในกรอบของกิจการพลเรือน และเรื่องที่เป็นปัญหาร่วมในระดับโลกกันอย่างไร เช่น การกู้ภัยพิบัติธรรมชาติทางทะเล การรักษาความมั่นคงปลอดภัยในกิจการพาณิชย์นาวี การต่อต้านการก่อการร้ายสากล และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ เช่น โจรสลัดและการค้ามนุษย์ และการลักลอบค้าอาวุธและยาเสพติดเป็นต้น
คำถามที่ต้องการคำตอบเหล่านี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญๆ ของชาติที่เกี่ยวกับ “การกลาโหม” ที่ผ่านมามักจะไม่มีการให้ข้อมูลและการชี้แจงโดยฝ่ายรัฐบาล และโดยเฉพาะรัฐมนตรีกลาโหมแต่อย่างใด ทั้งนี้ยังไม่รวมประเด็นปัญหาที่ฝ่ายกองทัพเมียนมาทั้งบกและอากาศ ได้ทำการล่วงล้ำอธิปไตยของไทยเป็นระยะๆแต่ปฏิกิริยาของฝ่ายกลาโหมของไทยก็ดูเป็นเรื่องเกรงอกเกรงใจฝ่ายเมียนมามากกว่า ที่จะแสดงความเข้มแข็งเด็ดขาดในการปกครองอธิปไตย และบูรณภาพเหนือดินแดนของไทย นอกจากนั้นก็ต้องขอตั้งคำถามไปที่คณะกรรมาธิการต่างๆ ของรัฐสภาไทยว่า ได้เคยมีคำถามดังกล่าวไปที่ฝ่ายบริหารหรือไม่ หากไม่เคยมีก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ในฐานะผู้ตรวจสอบ ตรวจตรา กำกับดูแล การทำงานทำการของฝ่ายบริหาร เพื่อช่วยปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ มิเช่นนั้น ประชาชนพลเมืองก็คงตกอยู่ในความมืดมนขององค์ความรู้ความเข้าใจ และความมั่นใจในความมั่นคงปลอดภัย
จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายการเมืองของประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม จะต้องออกมาพูดจาแสดงวิสัยทัศน์ และความมุ่งมั่นในการที่จะไขข้อข้องใจ ปรับปรุงทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีขึ้น เพื่อประโยชน์ของกองทัพและความเจริญก้าวหน้าของชาติโดยรวม
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี